Intro to F1: ทำความรู้จักการแข่งขันรถยนต์ที่เร็วที่สุดในโลก | EP.01

ถ้าจะถามว่าในช่วงนี้กีฬาในบ้านเราที่เป็นกระแสมาแรงที่สุด ก็คงจะหนีไม่พ้น กีฬาแข่งรถที่ชื่อว่า F1 หรือ FORMULA ONE เรายอมรับว่าเราเพิ่งเริ่มดูอย่างจริงจังได้ไม่กี่สนามในช่วงก่อนพักเบรคซีซั่นที่ผ่านมา ดูไปดูมาก็เกิดคำถามขึ้นมากมาย ไม่ว่าทำไมกีฬาประเภทที่ถึงมีผู้คนให้ความสนใจทั่วไป รวมไปถึงแบรนด์ต่าง ๆ ที่พยายามแบ่งเงินเพื่อมาสนับสนุน และนำโลโก้ของตัวเองไปอยู่ในกีฬาประเภทนี้ให้ได้

เราจึงเริ่มที่จะหาข้อมูล กฎเกณฑ์ รายละเอียดความเป็นมามากมาย แต่ไหน ๆ ก็เริ่มขุดคุ้ยแล้ว เราจึงอยากที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาแชร์ให้กับทุกคนที่เริ่มจะสนใจกีฬานี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในครั้งนี้เราจะพูดถึงภาพรวมแบบคร่าว ๆ กันก่อน ส่วนรายละเอียดในแต่ละส่วนของกีฬาประเภทนี้ เราจะค่อยลงลึกใน EP. ถัดไป

Intro to F1 / EP.01 - F1 คืออะไร ?

F1 (FORMULA ONE) คือการแข่งรถยนต์ทางเรียบที่สามารถเรียกได้ว่า เป็นการแข่งรถที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นภายใต้การดูแลของ สหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (Federation Internationale de I’Automobile หรือ FIA) ซึ่งรถแข่งและผู้เข้าแข่งขันจากทีมต่าง ๆ จะต้องปฏิบัติตามกฎที่ FIA ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด ทั้งเหตุผลเรื่องความปลอดภัย และความเท่าเทียมกันของแต่ละทีมที่เข้าแข่งขัน สามารถแบ่งประเภทดังนี้

รถแข่ง

Image Source from: F1 Facebook

เป็นรถแบบรถล้อเปิด ที่นั่งเดี่ยว ถูกออกแบบขึ้นตามกฎมาตรฐาน และภายใต้งบการพัฒนาที่ FIA ได้กำหนดไว้ เพื่อลดทอนความได้เปรียบเสียเปรียบกันเกินไปในการแข่งขัน เพราะไม่งั้นทีมไหนที่มีงบในการพัฒนามากกว่า ก็จะได้เปรียบมากกว่าทีมอื่นในทันที

ตัวรถหลัก ๆ จะวัสดุที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงและมีความยืดหยุ่นสูง เช่น คาร์บอนไฟเบอร์ ไทเทเนียม หรือแม้แต่อลูมิเนียมอัลลอยด์ ซึ่งทำให้ตัวรถมีน้ำหนักโดยรวมตัวคนขับไม่ถึง 1,000 กิโลกรัม แต่กำลังของเครื่องยนต์อาจจะมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อกำลังเครื่องยนต์ดีมากกว่ารถประเภทอื่น ที่แข่งในรูปแบบ Circuit (วนเป็นรอบ) สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในไม่เกิน 3 วินาที ไปจนสูงสุดมากกว่า 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลดลงมาเหลือ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยภายในไม่กี่วินาทีด้วยเช่นกัน

Image Source from: F1 Website

การที่จะสร้างรถที่มีความเร็วระดับนั้นได้ ส่วนประกอบอื่นนอกจากเครื่องยนต์ก็ต้องถูกพัฒนาตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ที่ต้องต่อสู้กำลังลมที่เข้ามาจากทุกทิศทาง รวมไปถึงการสร้างแรงกด (Downforce) เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะ (Grip) ของตัวรถกับสนามแข่งขัน ในส่วนของระบบเบรกที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นหลักก็ถูกพัฒนาไปจนถึงขีดสุด เพื่อหยุดรถในความเร็วระดับนี้ได้

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้มูลค่าเฉพาะรถแข่ง F1 อาจสูงถึง 16 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่อหนึ่งคัน

ทีมและนักแข่ง

Image Source from: F1 Facebook

ปัจจุบันในฤดูกาลปี 2025 ประกอบด้วยทีมผู้ผลิต (Constructor) 10 ทีม แต่ละทีมประกอบไปด้วย รถ 2 คัน และนักแข่ง 2 คน รวมเป็น 20 คัน (แต่ในฤดูกาลปี 2026 จะมีเพิ่มมาอีก 1 ทีม ทำให้ในฤดูกาลหน้าจะมีรถร่วมการแข่งขันทั้งหมด 22 คันจากโควต้าสูงสุด 24 คัน) ซึ่งมีทีมหลัก ๆ ที่อยู่มานานและมีชื่อเสียงพอที่ทุกคนจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างเช่น FERRARI ที่อยู่มาตั้งแต่ยุค 1950 และปัจจุบันก็ได้แชมป์โลก 7 สมัยอย่าง LEWIS HAMILTON ย้ายมาร่วมทีมด้วย หรือทีม WILLIAMS เริ่มต้นแข่งขันปี 1978 ปัจจุบันก็มีนักแข่งที่เลือกใช้สัญชาติไทยในการแข่งขันอย่าง ALEXANDER ALBON ร่วมทีม และอีกทีมนึงที่เป็นขวัญใจชาวไทยอย่าง REDBULL RACING ซึ่งถูกก่อตั้งเมื่อปี 2005 และมีนักแข่งอย่าง MAX VERSTAPPEN แชมป์โลกคนปัจจุบันนั่งประจำการในฐานะนักขับที่ 1 อยู่ด้วย

นักแข่งในแต่ละทีมสามารถเลือกเบอร์ที่ตัวเองชอบในการใช้งานได้ ยกเว้นหมายเลข 1 ที่จะโดนสงวนไว้ให้กับแชมป์ในฤดูกาลก่อนหน้า ซึ่งนักแข่งคนนั้นสามารถจะนำมาใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น MAX VERSTAPPEN ในยุคก่อนหน้าที่จะได้แชมป์โลก ได้เลือกใช้หมายเลข 33 ในการแข่งขัน จนกระทั้งได้รับตำแหน่งแชมป์ในปี 2021 ก็ได้เปลี่ยนมาใช้หมายเลข 1 ตลอดตามปีที่เขาได้แชมป์โลกถัดมาเรื่อย ๆ ซึ่งปีหน้าจะยังได้ใช้ต่อไหม ยังคงต้องมาลุ้นกันต่อไป

asdsasd

Image Source from: F1 Website

การแข่งขัน

Image Source from: F1 Website

แต่ละฤดูกาลจะถูกแบ่งหลายสนาม หรือที่เรียกว่า กรังด์ปรีซ์ (Grand Prix) ซึ่งจัดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ตามที่ได้ทำสัญญากับผู้จัดการแข่งขันไว้ ซึ่งในฤดูกาลปี 2025 มีทั้งหมด 24 สนาม เริ่มสนามแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และจะจบลงวันที่ 7 ธันวาคม เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ การแข่งขันในแต่ละกรังด์ปรีซ์จะเกิดขึ้นในช่วงปลายของสัปดาห์นั้น ๆ เป็นเวลา 3-4 วัน โดยรายละเอียดของการแข่งขันจะแบ่งเป็น

“การฝึกซ้อม (Practice Session) หรือ FP1, FP2”  :
เป็นช่วงเวลาที่นักแข่งและทีมจะได้โอกาสในการลงฝึกซ้อมปรับแต่งรถเพื่อให้เข้ากับสนามนั้น ๆ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสหรือวันศุกร์เป็นส่วนใหญ่

Image Source from: F1 Website

“Sprint Race”:
เรียกว่าเป็นการแข่งขันพิเศษ ที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกตื่นเต้น ด้วยระยะทางประมาณครึ่งเดียวของการแข่งขันหลัก และมีคะแนนให้สำหรับผู้ชนะ 8 อันดับแรก ซึ่งในฤดูกาล 2025 นี้ได้ถูกจัดขึ้นเป็นจำนวน 6 สนาม ได้แก่ Chinese GP – Miami GP – Belgium GP – United States GP – Sao Paolo GP และ Qatar GP

“การควอลิฟาย (Qualifying)” :
คือช่วงเวลาที่จะจัดขึ้นหลังจาก FP1 หรือ FP2 แล้ว เพื่อทำการหาตำแหน่งในการออกสตาร์ท รวมไปถึงตำแหน่งที่หนึ่ง หรือ Pole Position สำหรับวันแข่งจริง ด้วยการออกไปวิ่งวนในสนามตามเวลาที่กำหนดเพื่อหานักแข่งที่ทำเวลาได้น้อยที่สุดในการขับต่อหนึ่งรอบ

Image Source from: F1 Website

“การแข่งหลัก (Race)” :
ซึ่งมักจะจัดขึ้นในวันสุดท้ายของกรังปรีซ์หรือวันอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ ถูกจัดขึ้นด้วยระยะทางไม่น้อยกว่า 305 กิโลเมตร และต้องเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ด้วยเหตุผลนี้ทำให้จำนวนรอบ (Laps) จากแต่ละสนามไม่เท่ากัน เนื่องจากความยาวของแต่ละสนามไม่เท่ากันนั่นเอง ในส่วนของการแข่งยังมีกฎอีกมากมายเช่น จำนวนการเข้าพิท (Pit Stop) กฎการใช้ยางในแบบต่าง ๆ สัญลักษณ์ธงสีต่าง ๆ หรือกฎการขับเวลามี Safety Car ออกมาวิ่ง (รายละเอียดทั้งหมดนี้จะถูกไปอธิบายใน EP. ถัด ๆ ไป ) สำหรับผู้ชนะใน 10 อันดับแรกของแต่ละสนามจะได้รับคะแนนสะสมลดหลั่นกันดังนี้

Image Source from: F1 Facebook

และจะมีคะแนนพิเศษให้สำหรับนักแข่งที่ทำเวลาต่อรอบดีที่สุด 1 คะแนน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะในวันนั้นก็เป็นได้

คิดว่าข้อมูลคร่าว ๆ เหล่านี้อาจจะทำให้หลายคนได้รู้จักกีฬาประเภทขึ้นมาบ้าง สำหรับช่องทางการรับชมประเทศไทย สามารถติดตาม F1 ได้ทาง TrueVisions NOW และ beIN SPORTS ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ สำหรับ EP. ถัดไปในทุก 2 สัปดาห์ ยังไงก็ฝากทุกคนติดตามคอนเทนต์ซีรีส์ใหม่จาก S4S ด้วยครับ

Share:
On Key

Related Posts

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save