สำหรับงาน Forces of Fashion ที่จัดโดย Vogue นิตยสารแฟชั่นเบอร์ต้นๆ ของโลก นั้นเป็นงานที่น่าสนใจมากทั้งในด้านของเนื้อหาของบทสนทนา และแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ในชีวิตจริง และแน่นอนสิ่งเหล่านี้ สามารถจุดไฟในตัวของใครหลายๆคนให้ลุกโชนขึ้นได้อย่างที่ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยๆ
โดย Event นี้เป็นการรวบรวมเอาเหล่าแฟชั่นดีไซน์เนอร์ตัวท็อป จากหลากหลายแบรนด์ มาพูดให้แรงบันดาลใจรวมถึงแชร์ประสบการณ์และมุมมอง รวมถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของพวกเขา ซึ่งเรื่องราวของแต่ละคนต่างก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดยวันนี้เราก็ได้คัดเอาส่วนหนึ่งของบทสนทนาที่น่าสนใจจาก Virgil Abloh ดีไซน์เนอร์มากความสามารถ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Off-White และ Demna Gvasalia ซึ่งเป็น Creative Director แห่ง Balenciaga และ Vetements ที่มักจะสร้างความตกตะลึงและกระแสได้เสมอ จากแนวคิดการทำงานและผลงานสุดขบถของเขา มานำเสนอให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน จะน่าสนใจสมกับที่เกริ่นกันมาหลายบรรทัดไหม ? ผูกเชือกรองเท้าสนีกเกอร์คู่เก่งของคุณให้แน่น แล้วตามเรามาเลย
ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง ภายใน Milk Studios ใจกลางมหานคร New York ในช่วงของการตอบคำถาม Virgil ได้รับคำถามที่น่าจะเรียกได้ว่าตอบยากเอามากๆ ข้อนึงอย่าง
อะไรคือความหมายของความเท่ ? (คำว่า Cool ที่พูดกันติดปากนั่นแหละ)
“มันเป็นคำที่มีความหมายแบบไม่ตายตัว หรือจะเรียกได้ว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาก็ได้ เพราะว่าเมื่อถึงวันที่เราจะรู้ตัวว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าอะไรก็ตามมัน เท่หว่ะ เจ๋งแฮะ มันก็ mass หรือว่า เกร่อ ไปซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องใช้คำพูดต่างๆ ในการอธิบายและจำกัดความมันอยู่ดี”
เขาตอบแบบมีนัยยะ ราวกับว่าต้องการให้พวกเราได้เก็บไปคิดต่อ ซึ่งคำตอบนี้ สำหรับเราแล้ว มันคือคำอธิบายที่สมเหตุผลว่าทำไมในแทบจะทุกคอลเลคชั่นในช่วงสองปีล่าสุด อดีตดีไซน์เนอร์และผู้ก่อตั้ง Pyrex Vision ถึงเลือกใช้สัญลักษณ์ “ ” (Quote) หรือเครื่องหมายคำพูดพร้อมกับคำสั้นๆ มาใช้ในการดีไซน์เสื้อผ้า(รวมถึงเจ้ารองเท้าสุดไฮป์ร่วมกับ Nike พรมและถุง กับ ร้านเฟอร์นิเจอร์เจ้าใหญ่อย่าง Ikea)จนเป็นที่จดจำ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะเน้นย้ำความหมายและความรู้สึกต่อผลงานต่างๆของเขา ผ่านคำจำกัดความสั้นๆที่กระชับแต่ได้ใจความ แทนที่จะพร่ำพรรณนาถึงพวกมันอย่างเวิ่นเว้อแต่ไร้แก่นสาร
นอกเหนือจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่า คำว่าเท่นั้นมันได้ถูกผูกมัดไว้กับความรู้สึกนึกคิด และสภาวะของสังคม รวมถึงวัฒนธรรมอีกด้วยเขาพูดพลางชี้ไปที่เสื้อ Supreme Box Logo
“เสื้อนี้มันเท่ เพราะว่ามันมีเรื่องราวมากมายตลอด 15-20 ปีของวัฒนธรรม Skateboard ปีที่เกิดขึ้นภายใต้โลโก้นี้ ”
เขายกตัวอย่างผ่านหนึ่งในไอเท็มที่เราต่างคุ้นตาแต่หลายๆคนอาจจะลืมที่มาที่ไปของมันไปแล้ว
“สิ่งที่ผมทำในการกำหนดทิศทางของแฟชั่น ก็คือการพยายามเล่าเรื่องราวรอบตัวต่างๆให้ผู้คนฟังนั่นแหละ เรื่องราวรอบตัวเหล่านี้แหละที่ให้แรงบันดาลใจในงานของผม”
เขากล่าวเสริม การตระหนักรู้และใส่ใจต่อสังคมและวัฒนธรรมแบบนี้ อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้งานของ Virgil เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายก็เป็นได้
บทสนทนาจบลงด้วยหัวข้อที่ว่า เขาทำอย่างไรถึงสร้างอิทธิพลต่อโลกแฟชั่นได้ขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้มี Background หรือ ทักษะที่เกี่ยวข้อง ด้าน Fashion Design มาก่อน (Virgil นั้นเรียนด้านวิศวะกรรมศาสตร์มาในระดับปริญญาตรีและสถาปัตยกรรมศาสตร์ในระดับปริญญาโท)
“ผู้คนอาจจะคิดว่าผมไม่ใช่ Designer ก็ได้นะเพราะว่าผมไม่ได้ศึกษามันมาโดยตรง แต่ว่านั้นไม่ได้สร้างความกดดันหรือความรู้สึกด้านลบให้ผมเลย ผมใช้มันเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานมากกว่า การแข่งขันเพื่อจะสู่วงการนี้มันสูงมาก แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไหร่นะ เพราะในท้ายที่สุดผมก็สามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้”
เขากล่าวจบอย่างเหนือชั้น
คราวนี้ก็มาถึงคราวของ Demna Gvasalia หัวเรือใหญ่แห่ง Balenciaga และ ผู้ให้กำเนิด Vetements สองแบรนด์แฟชั่นที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในรอบปี ขึ้นมาพูดบ้าง
เป็นที่รู้ๆกันว่าดีไซน์เนอร์ชาวจอร์เจีย นั้นสร้างความฉงนงงงวยรวมทั้งกระแสต่างๆ แทบจะทุกครั้งที่ผลงานของเขาออกสู่สายตาของชาวโลก (ล่าสุดชัดๆ เลยก็รองเท้า Daddy Shoes สุดฮิต Balenciaga Triple S และก็รองเท้าแตะส้นตึก Balenciga x Crocs สุดกวน ) หากแต่ในวงการแฟชั่นกลับมองว่าสิ่งที่เขาทำ เป็นการทำลายมากกว่าการสร้างสรรค์ เนื่องจากผลงานของอดีตหัวหน้า Designer แห่ง Maison Martin Margiela นั้นช่างดูคิดมาน้อยแถมยังหน้าตาอัปลักษณ์อีกด้วย ทั้งๆที่ส่วนตัวเรากลับคิดว่ามันเข้าถึงง่ายเพราะว่าเป็นการเล่นกับฟอร์มของเสื้อผ้ารวมถึงของใช้บ้านๆ อย่างโค้ทพองลมตัวใหญ่ๆ หรือถุงกระสอบลายทางที่ขายตามข้างทาง อีกทั้งหลายๆครั้งผลงานของเขาก็สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้เสมอไม่ใช่หรอ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้จัดการเคลียร์ประเด็นนี้ไว้ดังนี้
“เราไม่ได้ต้องการจะทำลายอะไรเลยนะ คำว่าทำลายหรือป่วนเนี่ย มันก็คล้ายๆกับคำว่าเท่มั้ง เราแค่อยากทำทุกอย่างในแบบของเราหน่ะ ”
เรียกได้ว่าตอบแบบสั้นๆ ไม่มีสคริปกันเลยทีเดียว
ต่อมากับคำถามถึงการเข้ามารับตำแหน่ง Creative Director ของ Balenciaga ดีไซน์เนอร์หัวขบถของเราก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ผมไม่อยากให้ใครก้ตามจดจำผมว่าแค่เป็นดีไซเนอร์ที่ทำ Hoodie แปลกๆกับ กางเกงยีนส์ขาดๆ (สองไอเท็มขายดีตลอดการของ Vetements) เมื่อตอนที่ Balenciga ยื่นข้อเสนอเข้ามา ผมรู้ตัวเลยว่านี่เป็นแบรนด์เดียวที่จะเปิดโอกาสให้ผมได้ค้นหาตัวเองมากขึ้น และผมก็สามารถให้อะไรแปลกใหม่กับแบรนด์ได้ด้วย”
ปิดท้ายด้วยประเด็นเรื่อง Youth Culture และการให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่ เป็นที่รู้กันว่า Demna นั้นให้ความสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้มาก
“ที่ผมใส่ใจต่อความคิดเห็นรวมถึงวัฒนธรรมของเด็กรุ่นใหม่ เพราะว่าพวกเขาคืออนาคต พวกเขามีแนวทางที่ชัดเจนสิ่งเหล่านี้มันบริสุทธิ์และไม่มีคำว่าผิด”
เขากล่าวย้ำด้วยแววตาที่แน่วแน่
เรียกได้ว่าถึงแม้ดีไซน์เนอร์ทั้งสองจะมีวิถีคิดและวิถีสื่อสารที่ต่างกัน แต่สิ่งที่พวกเขามีร่วมกันแน่ๆคือความแน่วแน่ต่อแนวทางตัวเอง และความจริงเหล่านี้ก็ได้ถูกส่งผ่านมาถึงพวกเราผ่านทางผลงานของพวกเขา และนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ Off-White, Balenciaga และ Vetements ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางและซื้อใจเหล่าสาวกได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางโลกแฟชั่นที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และการแข่งขันนี้ก็เป็นได้
source :
http://www.vogueforcesoffashion.com
https://hypebeast.com/2017/10/vogue-forces-of-fashion-virgil-abloh-demna-gvasalia-heron-preston
