ไนกี้ ผู้นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลกเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด Winner Stays ภาคต่อของแคมเปญฟุตบอลปี 2014 “#ทุ่มสุดตัว” (#RISKEVERYTHING) โดยบใจ พร้อมด้วยทัพนักกีฬาระดับโลกที่มาร่วมแสดงอย่างคับคั่ง
ดาวิเด กราสโซ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของไนกี้ กล่าวว่า “เราเชื่อมต่อความหลงใหลที่ผู้เล่นมีให้กับกีฬาชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดของโลกที่จะลงแข่งที่ประเทศบราซิลหรือผู้เล่นที่ดวลแข้งกันอยู่ในสวนหรือริมถนน โดยหนังเรื่อง “Winner Stays” ได้นำเอาประสบการณ์การเล่นฟุตบอลที่ผู้เล่นรุ่นเยาว์ทุกคนทั่วโลกรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี คือการแข่งขันกับเพื่อนๆ และใช้จินตนาการว่ากำลังเล่นอยู่กับฮีโร่ของตนหรือสมมุติว่าตนเองเป็นพวกเขาเหล่านั้น”
ภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มเรื่องขึ้นในสวนแห่งหนึ่งโดยมีกลุ่มเพื่อน 2 กลุ่มท้าแข่งขันฟุตบอลในกติกา “Winner Stays” ซึ่งหมายถึงทีมที่ชนะจะได้อยู่แข่งในสนามต่อ ผู้แพ้ต้องออกไปพัก เพื่อให้ทีมต่อไปเข้ามาเล่น จากนั้นการแข่งขันจึงพร้อมเริ่มต้นขึ้นในทันทีพร้อมกับการเดิมพันที่สูงขึ้นด้วย “ฉันเป็นคริสเตียโน โรนัลโด ก็แล้วกัน” เด็กคนหนึ่งพูดขึ้น ขณะที่เด็กอีกคนจากฝ่ายตรงข้ามจึงตอบกลับมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเขาจะเป็น เนย์มาร์”
และเพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้น การเล่นที่ดูน่าจะเป็นการแข่งกันธรรมดาๆ ของกลุ่มเพื่อนจึงกลับกลายเป็นการแข่งขันอันดุเดือด อัดแน่นด้วยทักษะเฉพาะตัวของนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ระดับโลก และเมื่อการแข่งขันดำเนินไป ผู้เล่นต่างเริ่มส่งเสียงเรียกชื่อผู้เล่นคนอื่นติดๆ กันเป็นชุด และยังมิทันที่พวกเขาจะรู้ตัว นักเตะซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เวย์น รูนีย์, ซลาตัน อิบราฮีมอวิช, เอแดน อาซาร์ และ กอนซาโล อีกวาอิน ก็ลงไปร่วมเล่นอยู่ในการแข่งขันแล้ว
ทันใดนั้นเอง โรนัลโด ยิงประตูเรียกเสียงเฮได้อย่างกึกก้อง ส่งผลให้ทีมของเขาออกนำไปก่อน 1-0 โดยที่เขาได้เย้ยผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางการยินดีโห่ร้องของแฟนบอลว่า “ผู้ชมโห่ร้องกันใหญ่แล้ว” อย่างไรก็ตามคู่แข่งของเขาก็ไม่ยี่หระต่อการเย้ยหยันและตอบกลับมาว่าผู้ชม 50,000 คนกำลังส่งเสียงเรียกชื่อตนอยู่ พร้อมทั้งบอกว่าที่เท้าของเขาสวมอยู่คือรองเท้ารุ่น มาจิสต้า (Magista) ซึ่งยังไม่ได้ออกวางขายด้วยซ้ำ โรนัลโดจึงโต้กลับด้วยการเผยให้คนทั่วโลกได้เห็นโฉมของ เมอร์คิวเรียล ซูเปอร์ฟลาย (Mercurial Superfly) ที่เขาสวมใส่เป็นครั้งแรก
การแข่งขันดำเนินต่อไปและมีผู้เล่นลงดวลแข้งเพิ่มอีกหลายคน เราได้เห็น เชราร์ด ปีเก เข้าสกัดในจังหวะสุดท้าย ได้เห็น เดวิด ลุยซ์ มีคู่แฝดอยู่อีกคน และยังได้เห็นความสับสนของเด็กชายคนหนึ่งที่ฝันว่าเป็นเหมือน อันเดรส อีเนียสตา แต่ความฝันต้องสลายลงไปจากเรื่องขำๆ ของการจำผิดคน ซึ่งนี่คือการแข่งขันคนในวัยนั้น
ย้อนกลับมาในเกมการแข่งขัน เนย์มาร์ยิงตามตีเสมอได้เป็น 1-1 ก่อนที่อีเนียสตาตัวจริงจะหวดลูกวอลเลย์สุดสวยให้ทีมเยือนขึ้นนำ 2-1 แต่แล้วรูนีย์ก็สวนกลับด้วยการยิงไกลให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 2-2 อีกครั้ง จากนั้นมีข้อความประกาศขึ้นบนหน้าจอขนาดยักษ์ว่า“ทีมที่ยิงลูกต่อไปได้ จะคือผู้ชนะ!”
ทันทีที่เสียงประกาศจบลง เกมการแข่งขันมีการโต้กลับอย่างรวดเร็ว และมีผู้เล่นต่างพยายามทะลุทะลวงเข้าไปทำประตู แต่มี เดวิด ลุยซ์ เป็นปราการสุดท้ายรวบล้มลงในกรอบเขตโทษ โรนัลโดรับหน้าที่ยิงลูกโทษ แต่บอลถูกปัดออกข้างกรอบประตูไป โดยฝีมือของหนุ่มน้อยที่เป็นผู้ห้าวหาญที่ยอมทุ่มสุดตัวและทำหน้าที่รับผิดชอบในช่วงห้วงเวลาสำคัญ ซึ่งถือเป็นจุดตัดสินของผลการแข่งขัน
“เราภาคภูมิใจกับประวัติศาสตร์ของเราที่ได้สร้างแคมเปญฟุตบอลสนุกๆ ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจและได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาในทัวร์นาเมนท์ระดับใหญ่ๆ เราเชื่อในการเล่นฟุตบอลอย่างไร้ความขลาดกลัวและเต็มไปด้วยความสนุกสนานเร้าใจ และนั่นก็คือมุมมองที่เราต้องการสื่อออกไป” กราสโซกล่าวเสริม
“นักเตะของไนกี้เล่นอย่างกล้าได้กล้าเสีย เพราะพวกเขารู้ดีว่าห้วงเวลาที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นได้จากความพยายามลองทำในสิ่งแหวกแนวและไม่ธรรมดา พวกเราเฝ้าชมการแข่งขันก็เพื่อรอดูช่วงเวลาเหล่านั้นนั่นเอง เพราะมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราสร้างห้วงเวลาแบบนั้นของตนเองต่อไป ดังนั้นนี่คือสิ่งที่แคมเปญ #ทุ่มสุดตัว ต้องการสื่อสาร ถ้าคุณพร้อมรับความเสี่ยงเหล่านั้น คงไม่ต้องบอกว่าคุณจะสามารถทำอะไรได้บ้าง” กราสโซกล่าวทิ้งท้าย
สำหรับนักกีฬาผู้เล่นที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมดประกอบด้วย คริสเตียโน โรนัลโด, เนย์มาร์ จูเนียร์, เวย์น รูนีย์, ซลาตัน อิบราฮีมอวิช, เอแดน อาซาร์, อันเดรีย ปิร์โล, เชราร์ด ปีเก, อันเดรส อีเนียสตา, มาริโอ เกิทเซ, ติอาโก ซิลวา, ติโบต์ กูร์กตัวส์, ทิม ฮาวเวิร์ด,เดวิด ลุยซ์ และ … เดวิด ลุยซ์
นอกจากนี้ ในภาค “ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ครองความเป็นหนึ่ง” ยังมีนักกีฬาระดับโลกจากกีฬาประเภทอื่นๆ และแขกพิเศษร่วมปรากฏตัวอีกมากมาย อาทิ โคบี ไบรอันท์, จอน โจนส์,แอนเดอร์สัน ซิลวา, อิรินา เชย์ค และ ดิ อินเครดิเบิล ฮัลค์ อีกด้วย