ยุคสมัยของ Fast Fashion กำลังจะก้าวผ่านไป แบรนด์เสื้อผ้าที่เคยได้รับความนิยมจากความรวดเร็วในการวางจำหน่ายสินค้าตามเทรนด์ในราคาปานกลางอย่าง H&M, Topshop, Forever 21 ต่างประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากจำนวนสาขา และสต๊อคสินค้าที่มากเกินไป การปูพรมเปิดหน้าร้านไม่ใช่สูตรสำเร็จในการทำธุรกิจลักษณะนี้อีกต่อไปแล้ว หลายๆแบรนด์เริ่มทยอยปิดลดจำนวนหน้าร้านสาขาต่างๆลง
Topshop ในประเทศไทยก็พึ่งประกาศปิดหน้าร้านทั้งหมดไปช่วงเดือนที่ผ่านมา ตามหลัง Topshop ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประกาศล้มละลายปิดหน้าร้านทั้ง 11 สาขาไปเมื่อปี 2019 ล่าสุดสาขาต่างๆในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ Topshop ก็ทยอยปิดหน้าร้านสาขาต่างๆลงเช่นกัน
เทรนด์ที่เปลี่ยนไปทำให้รูปแบบการซื้อสินค้าของผู้บริโภคต่างไปจากเดิมจนแบรนด์เหล่านี้ได้รับผลกระทบ แต่การมาถึงของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกนั้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างมาถึงจุดสิ้นสุดเร็วขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือพนักงานที่ทำงานอยู่ในร้านสาขาต่างๆ เมื่อครั้งหนึ่งร้านที่เคยคึกคัก และเป็นวิถีชีวิตของคนที่ทำงานเหลือเป็นเพียงซากหุ่นจำลองในความมืดมิด
“มันแปลกมาก มันรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงเลย การล็อคประตูและกล่าวคำลาโดยคิดว่าฉันจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว” คำกล่าวของ Tamsin Lynham ผู้เคยทำงานที่ร้าน Topshop ใน Westfield shopping centre ทางฝั่งตะวันตกของลอนดอน
เธอบอกว่าช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการเคลียร์ร้าน เธอร้องไห้ทุกคืนระหว่างทางที่นั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน
“มันเป็นครั้งแรกที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับฉัน ฉันอยู่ในสภาพตื่นกลัวอย่างสมบูรณ์แบบเลย มันไม่ใช่แค่งาน แต่มันเป็นเหมือนครอบครัวเล็กๆ มันเป็นส่วนใหญ่ของชีวิตฉันเลย”
Tamsin อายุ 35 ปี เธอทำงานที่ Shops แห่งนี้มานานกว่าครึ่งชีวิตของเธอ โดยเริ่มงานที่ Topshop ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ตั้งแต่อายุ 16 ปี ตอนนี้เธอรู้สึก “ใจสลาย” จริงๆ
Tamsin กำลังยืนสับสนอยู่ที่ทางแยกเหมือนกับอีกหลายคนที่เสียงานไปจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? พนักงานของร้านต่างๆจะไปอยู่ที่ไหนหากร้านรีเทลต่างๆปิดกิจการกันมากขึ้นเรื่อยๆ? ใครจะฝึกสอนงานใหม่ให้พวกเขา? การปิดสาขาของ Topshop อาจจะเป็นแค่หัวข้อข่าว แต่มันยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หายไปของใครบางคนด้วย
มันจะเป็นเหมือนวลีที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลอย่าง Tommy Docherty เคยกล่าวว่า เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง อีกบานก็จะเปิดมากระแทกหน้าแทนรึเปล่า?
Neil Carberry หัวหน้าของสมาพันธ์จัดหางานและการจ้างงาน กล่าวว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานที่รวดเร็วที่สุดของคนรุ่นใหม่
ผู้จัดหางานได้เห็นความต้องการที่ลดลงมาในส่วนของงานค้าปลีก, งานบริการ แต่ขณะเดียวกันงานด้านก่อสร้าง, งานดูแลสังคม และงานด้านขนส่งก็มีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ปีนี้เป็นช่วงเวลาตกต่ำที่สุดของพนักงานบาร์ ในขณะที่ความต้องการช่างก่ออิฐนั้นสูงขึ้นมาก
ผลกระทบของการแพร่ระบาดส่งไปถึงคนหลายช่วงอายุ ในขณะที่แรงงานวัยกลางคนกำลังกังวลกับการปรับตัวกับงานใหม่ คนหนุ่มสาวก็กำลังดิ้นรนในการหางานแรกของตัวเอง
Isabel Scavetta อายุ 23 จาก Maidenhead ใน Berkshire กล่าวว่าความคาดหวังด้านการงานของเธอกลับทิศกลับทางแต่ในความเห็นเธอมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว
Isabel ถือเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ในยุคสมัย Covid เธอพึ่งจบจากมหาวิทยาลัยเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา หรือหากจะพูดอย่างเป็นธรรมก็คือมหาวิทยาลัยทอดทิ้งพวกเขาเพราะวันเรียนของนักศึกษาหายไปอย่างฉับพลัน
เธอจบปริญญาณสาขาสังคม และการเมืองยุโรป จาก University College London แต่ด้วยแผนการศึกษาจำนวนมากที่ปิดตัวไปจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ทำให้ทิศทางของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เธอเรียนรู้การเขียนโค้ดด้วยตัวเองและเริ่มต้นทำงานอาสาสมัครให้กับโครงการออนไลน์ชื่อว่า Class of 2020 ซึ่งให้การอบรมฟรีสำหรับเยาวชนที่พึ่งสำเร็จการศึกษาและพยายามเริ่มต้นทำงาน
ความสามารถใหม่ด้านดิจิตอลของเธอทำให้เธอได้ทดลองทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ให้กับ Rolls Royce โดยเป็นการทำงานผ่านออนไลน์ “เส้นทางอาชีพทั้งหมดของฉันดูแตกต่างไปจากที่ฉันคิดไว้เมื่อปีที่แล้ว” Isabel กล่าว
Deirdre Hughes ที่ปรึกษาด้านอาชีพและอดีตประธานสภาอาชีพแห่งชาติ มีความเห็นว่าผู้ที่ต้องการคำแนะนำด้านอาชีพนั้นเกิดความสับสน และไม่ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมเนื่องจากระบบการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้แยกส่วนอย่างกระจัดกระจายมากเกินไป
Milly Vaja เพื่อนร่วมงานวัย 27 ของ Tamsin ที่ร้าน Topshop กล่าวว่าเธอรู้สึกตกตะลึงที่ร้านค้าระดับนี้ปิดตัวลง และยังตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงของการแพร่ระบาดไม่ได้ การปิดตัวต้องแบรนด์ High Street ที่ “ไม่มีวันจม” ไม่ต่างกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเรือไทแทนิคเลย
ตอนนี้ทั้ง Tamsin และ Milly กำลังเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบาก พวกเธอบอกว่าคำแนะนำที่ได้ส่วนใหญ่มากจากอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอเท่านั้น
“ฉันยังควรทำงานด้านรีเทล? ฉันควรยึดอยู่กับสิ่งที่ฉันมีความรู้?” Tamsin กำลังตัดสินใจว่าเธอจะทำอย่างไร บางทีมันอาจจะปลอดภัยกว่าถ้าย้ายไปทำงานด้านไฮเอนด์แฟชั่น
“ฉันรักมันมากจริงๆนะ แต่ตอนนี้ฉันควรมองหาอะไรอย่างอื่น?” Milly กล่าว
Tamsin อาจจะเปลี่ยนเส้นทางอย่างสิ้นเชิงไปทำงานด้านตัดแต่งขนสุนัข “ฉันจะเริ่มต้นจากตรงไหนล่ะ? ฉันไม่เคยได้รับคำแนะนำด้านอาชีพตั้งแต่จบมาจากโรงเรียนแล้ว” Tamsin ที่เคยไต่เต้าไปจนถึงตำแหน่งผู้จัดการด้านภาพลักษณ์ของร้านกล่าว
“คนส่วนใหญ่ไม่ดูเอกสารประวัติส่วนตัวของคุณด้วยซ้ำถ้าคุณไม่มีใบปริญญา มันเป็นการปิดประตูจำนวนมาก” เธอกล่าว
“กระบวนการสัมภาษณ์ก็ยากเหลือเกิน พวกเขาทำให้มันยากมากๆ คุณต้องมีประสบการณ์ห้าปี แต่ฉันจะมีประสบการณ์ได้ยังไงหากไม่มีใครให้โอกาส?” Milly กล่าว
เธอย้ายจากลอนดอนไปยังเลสเตอร์ เพื่อหาบ้านที่พอจ่ายเงินไหวแต่นั่นก็หมายถึงว่าเธอต้องหางานที่มั่นคงเพื่อผ่อนมันด้วย
Milly กล่าวว่าเธอยื่นขอสัมภาษณ์งานแพ๊คของเพื่อขนส่งแต่ตัดสินใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเธอ เธอจึงกลับไปค้นหางานทางออนไลน์อีกครั้ง ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยภาระต่างๆ ไม่ใช่แค่ตัวเธอคนเดียว
เว็บไซต์จัดหางาน LinkedIn กล่าวว่าอัตราการจ้างงานด้านร้านค้าปลีกลดลง 24% ในปีเดียว เช่นเดียวกับงานด้านท่องเที่ยวที่ลดลงถึง 52% ในปีที่ผ่านมา
การเติบโตของงานที่เพิ่มมากที่สุดสองประเภทคืองานด้านการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้น 28% และงานด้านขนส่งที่เพิ่มขึ้น 11% นี่เป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
Amina Dahir จากเมืองเบอร์มิงแฮมต้องเสียงานทำความสะอาดในห้างสรรพสินค้าไปจากการล็อคดาวน์
“มันยากลำบากจริงๆแต่พวกเรายังมีความหวังว่าจะสิ่งต่างๆจะกลับมา แต่มันไม่มีความมั่นคงอีกแล้ว ถ้าคุณเข้าใจนะ นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึก” Anima วัย 40 กล่าว
ผู้คนมากมายต้องสูญเสียงานของพวกเขาไปแต่เธอยังมีทิศทางใหม่ที่เป็นไปในแง่บวก โค้ชด้านจัดหางานที่ JobCentre Plus ส่งตัวเธอไปยังศูนย์สุขภาพเพื่อรับการฝึกสอนฟรี เธอกล่าวว่ามันถือเป็นรางวัลที่ได้ดูแลผู้สูงอายุและจะได้มีคุณสมบัติในการได้งานที่มั่นคง
Amina คาดว่าหลังจากการแพร่ระบาดหมดไปทุกอย่างจะยากขึ้นเพราะมีคนมากมายต้องการไล่คว้างานที่มีอยู่เพียงน้อยนิด “เมื่อคุณสูญเสียงานคุณต้องการการฝึกสอน คุณไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องมองหามันจากที่ไหน” เธอกล่าว
ค่าใช้จ่ายในการฝึกของ Amina นั้นทางรัฐบาลเป็นผู้ออกให้ และดำเนินการโดยองค์กรการศึกษาผู้ใหญ่ชื่อว่า สมาคมการศึกษาแรงงาน(WEA) ที่อบรมคนไปแล้วกว่า 36,000 คน ระหว่างการแพร่ระบาด
“ตอนนี้หลายคนเป็นห่วงและหวาดกลัวเนื่องจากอัตราการว่างงานที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว” Simon Parkinson หัวหน้าผู้บริหารของ WEA กล่าว
“ทุกอาชีพลำบากกันหมด แต่ถ้าคุณเป็นคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวมาตลอด 15 หรือ 20 ปี มันช่างเลวร้ายเลยล่ะ”
“มันเป็นเรื่องของการเพิ่มความมั่นใจของผู้คน เตือนให้พวกเขารู้ว่ามันไม่สายเกินไปหรอก พวกเขาต้องการมีกินมีใช้ พวกเขาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มันไม่ใช่งานระดับบัณฑิตศึกษา มันคือผู้คนนับล้านในช่วงอายุ 25-55 ปีที่ทำงานซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ”
เขากล่าวว่าบางสิ่งก็เป็นอุปสรรค เช่น การทำขั้นตอนต่างๆทางออนไลน์ รวมถึงการสัมภาษณ์ผ่าน Zoom “มันไม่จริงเลยที่คิดว่าทุกคนในประเทศนี้เข้าถึงการเชื่อมต่อต่างๆได้เป็นอย่างดี หรือทุกคนมีแลปท๊อป”
บทความนี้เป็นแนวทางที่ทำให้เราได้เห็นถึงความสำคัญของหน่วยงานที่ทำหน้าที่แนะนำแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการหางานว่ามีส่วนช่วยลดปัญหาเรื่องการว่างงาน และพัฒนาแรงงานให้คุณภาพ โดยเฉพาะแรงงานที่ทำงานสายเดิมมาอย่างยาวนานและต้องการเปลี่ยนสายไปเป็นงานซึ่งมีความมั่นคง มีความต้องการของตลาดงานในช่วงเวลานั้นมากกว่าเดิม ถือเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆควรเล็งเห็นและเน้นเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะประเทศไทย