ถ้าคิดว่า Streetwear นั้นจะต้องเกี่ยวกับวัยรุ่น! แนะนำให้ตามบทความนี้จนจบ แล้วเพื่อนๆจะได้ไปรู้จักกับ Charles Allcroft เทพเจ้าสตรีทแวร์รุ่นลุง และจะได้รู้ว่าเสน่ห์ของวัฒนธรรมสตรีทนั้น สามารถดึงดูดคนได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ
Charles Allcroft นั้นเดิมทีเป็นอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ศิลป์ที่ School of Visual Arts, New York และมีความหลงใหลในศิลปะทิเบต และแอฟริกันเป็นพิเศษ ซึ่งก่อนเขาจะมาเป็นอาจารย์ เขาเคยเป็นนักแสดง และนักเขียนบทละครเวทีมาก่อนแล้วถึง 25 ปี! ผลงานของเขาเช่น Vintage Wine, or Past Its Prime ได้รับการชื่นชมในฐานะละครที่สะท้อนภาพของคนหลายรุ่น และการจุด “ไฟ” ในตัวคนรุ่นเก่า และส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่
ซึ่ง “ไฟ” ที่ว่านี้ก็อยู่ในตัวของ Allcroft ตลอดเวลา การผสมผสานของประสบการณ์ชีวิต กับความหลงใหลในสตรีทแวร์ที่ถูกแสดงออกมาผ่านบทสัมภาษณ์ของเขา ทำให้เรารู้สึกว่าลุงคนนี้โคตรเท่เลย และก็อยากจะแปลบทสัมภาษณ์มาให้อ่านกัน
ลุง Allcroft นั้นได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนของเขา โดยเล่าว่า
“ผมมีเพื่อนคนนึงชื่อ Joseph เขาเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อฮู้ดตลอดเวลา และเขาก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเริ่มศึกษาเกี่ยวกับ Streetwear และเริ่มรู้จักร้านต่างๆ เช่น Dave’s Quality Meat, aNYthing, NORT/RECON และ Memes อะไรพวกนี้”
เขาเล่าให้ฟังถึงช่วงเวลาที่เข้าไปผูกมิตรกับคนขาย Supreme ใน New York จนสนิทกันถึงขั้นที่คนขายนั้นแอบเก็บของเอาไว้ต่างหากเพื่อ Allcroft โดยเฉพาะ นั่นก็เพราะว่า Allcroft ไม่ว่างมาได้ตอนที่ช็อปเปิดในตอนเช้า พวกคนขายก็เลยจัดเซ็ตไอเทมไว้ รอให้คุณลุงคนสนิทมารับไปตอน 6:30 P.M. ทุกวันพฤหัสบดี จนเหล่าคนขายได้ตั้งฉายาให้กับลุงไว้ว่า “Mr. 630” จนกระทั่งได้มารู้ชื่อจริงของ Allcroft ทีหลัง
นอกจากนั้นเขายังได้เล่าถึงครั้งหนึ่งที่เขาไปช็อปปิ้ง และบังเอิญได้ขึ้นลิฟต์กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหลังจากพูดคุยกันไปก็ได้รู้ว่า พ่อหนุ่มคนนั้นกำลังจะสร้างเนื้อสร้างตัวในฐานะดีไซน์เนอร์
“ตอนนั้นผมอยู่ในลิฟต์ส่งของ และมีใครบางคนบอกผมว่า เขากำลังทำแบรนด์เป็นของตัวเอง เขาเขียนชื่อแบรนด์ลงบนผ้าเช็ดหน้า แล้วพอหลายปีผ่านไป แบรนด์นั้นก็เริ่มเติบโตและโด่งดังขึ้น แบรนด์ที่ว่านั้นมีชื่อว่า Hood by Air“
ความชื่นชอบใน Streetwear ของคุณลุง Allcroft นั้นมีตั้งแต่แบรนด์ชื่อดังอย่าง Supreme และ fragment ไปจนถึงแบรนด์ที่เรียกว่า “นอกกระแส” ก็คงพอได้ อย่าง Enyce, COME TEES ซึ่งเขาเล่าว่าเขาค้นคว้า และเสาะหาแบรนด์ใหม่ๆจากย่านท้องถิ่น เช่น Planet X เป็นต้น
Allcroft อธิบายคอลเล็กชั่น Streetwear ของเขาว่าเป็นเหมือนกับ “”สมบัติ” แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเขาเองนี่แหละ ที่ทำให้สมบัติเหล่านั้นมีค่า จนกลายเป็นเหมือนขุมทรัพย์ที่บอกเล่าเรื่องราวของตัวเขาเอง ซึ่งความสัมพันธ์ของเขากับเสื้อผ้านั้น ก็มีที่มาจากการเดินทางไปนู่นมานี่ของเขา และได้พบปะกับสิ่งใหม่ๆ
“เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ไปที่เมือง Tbilisi ประเทศ Georgia และได้พบกับแร็ปเปอร์ชื่อ Luna 999 เขาและ Irina เป็นดีไซน์เนอร์ของแบรนด์ LTFP – Let The Funk Ride ก่อนหน้านี้ผมรู้จักชื่อ Luna 999 ผ่านทางอินเตอร์เน็ต รู้ตัวอีกทีผมก็ข้ามโลกมาอยู่ในสตูดิโอเดียวกับเขา มันเป็นประสบการณ์ที่เพอร์เฟ็คต์มากๆ และตอนนี้ผมก็เป็นแฟนตัวยงของ Luna 999 เลยล่ะ”
และแน่นอนว่าคุณลุง Allcroft ก็ไม่พลาดปรากฏการณ์สุด Hype ของ Louis Vuitton x Supreme เขาเล่าเรื่องของเขาว่า
“ผมเจอ Josh เพื่อนผมที่กำลังใส่เสื้อฮู้ด LV x Supreme ผมบอกเขาไปว่าราคาตอนนี้มันสูงถึง 25,000 ดอลล่าร์แล้วนะ เขาตอบผมมาว่า “Times Square ตีสอง” ซึ่งผมก็บอกเขาว่า คนอื่นคงอยากเปลี่ยนเจ้าฮู้ดดี้ตัวนี้เป็นตัวเลขมหาศาลในบัญชีไปแล้ว แต่ Josh ตอบผมกลับมาว่า “ผมอยากเปลี่ยนมันให้เป็นความทรงจำ”“
เรื่องสุดท้ายที่น่าสนใจคือคำพูดทิ้งท้ายของ Allcroft เกี่ยวกับเทรนด์สตรีทแวร์ ณ ปัจจุบัน ซึ่งเขาก็พูดไว้อย่างเรียบง่าย แต่เห็นภาพว่า “มันไม่ได้เกี่ยวกับเสื้อผ้าหรอก แต่ว่ามันเกี่ยวกับผู้คน ผมยังชื่นชอบการไปไล่ล่าเสื้อผ้าสุดเจ๋ง ผมชอบพลังงาน และบรรยากาศตรงส่วนนั้น ถ้าคุณโชคดีพอ คุณก็จะได้ไอเทมสุดเจ๋งกลับบ้าน และในอาทิตย์ต่อไป คุณก็สามารถทำแบบนั้นได้อีก”
Charles Allcroft ก็ยังให้คำแนะนำไปถึงคนรุ่นใหม่ในการหาสไตล์ของตัวเองอีกว่า
“คำถามก็คือว่าคุณซื้อมันไปทำไม? คุณกำลังวิ่งตามกระแสทั่วไป หรือว่ากำลังวิ่งตามใจของตัวเอง ซึ่งถ้าคุณกำลังวิ่งตามใจตัวเอง คุณก็จะสามารถผสมผสานเสื้อผ้าเหล่านั้น และทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆขึ้นมา อะไรบางอย่างที่คุณไม่เคยค้นพบเกี่ยวกับตัวเองมาก่อน และตอนนั้นแหละมันจะไม่ใช่เสื้อผ้าที่เจ๋ง แต่เป็น “คุณ” ต่างหากที่เจ๋ง เมื่อคุณเฉิดฉายไปตามท้องถนน ผู้คนก็จะเห็นคุณ และแสงสว่างของคุณ ก็จะเฉิดฉายให้กับโลกใบนี้”
Source: Highsnobiety