หลังจากเปิดตัวอัลบั้ม ‘CHROMAKOPIA’ ในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา เพียง 2 สัปดาห์อัลบั้มนี้ได้สร้างสถิติให้กับ Tyler, The Creator มากมาย ทั้งยอดสตรีมเปิดตัววันแรกถึง 85 ล้านครั้งบน Global Spotify, อัลบั้มฮิปฮอปที่มียอดสตรีมเปิดตัววันแรกสูงสุดในปี 2024 และติด Top 20 ตลอดกาล, ทั้ง 14 เพลงในอัลบั้มยังครอง Top 14 บน US Spotify, อันดับ 1 Official UK Album Charts ซึ่งเป็นครั้งแรกของไทเลอร์ที่ครองบัลลังก์ของชาร์ตแดนผู้ดี, เปิดตัวอันดับ 1 บน Billboard 200, 14 เพลงของอัลบั้มเข้าชาร์ต Billboard Hot 100 ในสัปดาห์แรกของเดือนนี้ทั้งที่มีเวลาเก็บยอดเพียง 4 วัน และสุดท้ายเพลง ‘St.Chroma’ และ ‘Noid’ ยังทำให้ไทเลอร์ติด Top 10 เป็นครั้งแรกอีกด้วย
CHROMAKOPIA คืออัลบั้มลำดับที่ 8 ของ Tyler, The Creator แรปเปอร์ชาวอเมริกันวัย 33 โดยเขาได้เผยเบื้องหลังเรื่องราวของอัลบั้มนี้ในงาน Listening Party ที่จัดใน Los Angeles บ้านเกิดของเขาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม “ผมเกิดและโตที่นี่ (LA) อัลบั้มนี้เริ่มต้นมาจากเรื่องราวการเติบโตที่นี่ของผม หลังจากนั้นก็กลายเป็นการที่ผมนำเอาสิ่งต่าง ๆ ที่แม่เคยบอกผมตอนเด็กมาใช้ ตอนนี้ผมอายุ 33 แล้ว บางเรื่องมันก็นี่สินะคือสิ่งที่แม่เคยบอก เคยสอนไว้นี่หว่า ผมไม่ใช่เด็กอายุ 20 อีกต่อไปแล้ว คนเราแก่ตัวลงทุกวัน ตอนนี้คนอื่นมีลูก มีครอบครัว แต่สิ่งเดียวที่ผมมีคือรถเฟอร์รารี่คันใหม่ มันก็รู้สึกแปลก ๆ นะ ผมน้ำหนักขึ้น มีขนหงอกที่หน้าอก ชีวิตคนเราก็เลยผ่านไปทุกวัน ผมไม่รู้ ผมแค่ต้องการเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ผมคิดเมื่ออยู่คนเดียว”







แม้คอนเซ็ปต์ของอัลบั้มจะมาจากเรื่องราวส่วนตัว สิ่งที่เขาเคยเจอในช่วงวัยเด็ก ความกดดันที่ต้องอยู่ในบรรทัดฐานของสังคม หรือสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน แต่หลายคนก็ยังพูดถึง Alter Ego หรือคาแรกเตอร์ที่ไทเลอร์มักจะสร้างเพื่อถ่ายทอดคอนเซ็ปต์และเพลงของอัลบั้มนั้น ๆ สำหรับอัลบั้ม CHROMAKOPIA นั่นก็คือ St.Chroma ที่มีชื่อเดียวกับเพลงเปิดอัลบั้มของเขา มีหลากหลายคนวิเคราะห์ตีความไปหลากหลายทาง แต่ทฤษฎีที่ดูเข้ามากที่สุดนั้นได้วิเคราะห์ไว้ว่า St.Chroma มีต้นแบบมาจากตัวละครที่ชื่อ Chroma The Great ในหนังสือที่มีชื่อว่า ‘The Phantom Tollbooth by Norton Juster’



ซึ่งอาชีพของ Chroma คือ วาทยกรผู้คุมวงออเคสตรา ที่สามารถสร้างเสียงและสีสันให้กับโลกใบนี้ หากขาดเขาและเสียงดนตรีไป โลกนี้จะกลายเป็นสีขาวดำในทันที สอดคล้องกับคอนเซปต์ของอัลบั้ม CHROMAKOPIA ที่ถูกโปรโมตโดยใช้ภาพโทนสีซีเปีย ไม่มีสีสัน ผิดแปลกจากภาพในอัลบั้มก่อน ๆ และเอมวีของเพลง St.Chroma เองก็ใช้โทนสีขาวดำในการนำเสนอเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นการเปิด New Album, New Era & New Alter Ego ได้อย่างแยบยล
พาร์ทดนตรีของอัลบั้มนี้ ไทเลอร์ได้ชวนศิลปินมากหน้าหลายตาเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในพาร์ทเบื้องหลังและพาร์ทที่ร่วมร้องด้วยกัน ทั้ง Daniel Caesar, Childish Gambino, Rex Orange County, Lil Wayne, Playboi Carti, Thundercat, WILLOW, Teezo Touchdown, Sexxy Red, GloRilla, LaToiya Williams, Santigold, ScHoolboy, Lola Young, Doechii, Solange และอีกหนึ่งคนสำคัญคือ Bonita Smith คุณแม่ของไทเลอร์ที่มีส่วนร่วมกับการอัดเสียงถึง 5 เพลง เรียกได้ว่ารวมไลน์อัปตัวตึงของวงการมาอยู่ในอัลบั้มนี้เลยทีเดียว

สิ่งที่ขาดไม่ได้เวลาไทเลอร์ปล่อยอัลบั้มคือ Merchandises ของแต่ละอัลบั้มที่วางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ GOLF WANG ที่ไทเลอร์เป็นเจ้าของเอง อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นขาประจำ ทำงานร่วมกันในหลากโปรเจกต์นั่นก็คือ ‘Converse’ ที่คราวนี้เหมือนจะเป็นพาร์ทเนอร์หลักของการทัวร์อัลบั้ม ถึงขั้นไทเลอร์ได้ไปแสดงโชว์แบบเซอร์ไพร์สที่ Converse HQ ในเมือง Boston พร้อมวางจำหน่ายรองเท้า Limited Edition ‘CHROMAKOPIA CHUCK 70s’ พิเศษเพียง 300 คู่ ก่อนจะวางจำหน่ายเพิ่มที่ Converse สาขา SOHO แบบจำนวนจำกัดเช่นกัน








หากใครยังไม่ได้ฟัง Tyler, The Creator – CHROMAKOPIA เราอยากชวนเชิญให้ทุกคนลองไปฟังอัลบั้มนี้แบบรวดเดียวจบ เผื่อจะได้มาอินเป็นเพื่อนกัน ส่วนใครที่อยากไปดูโชว์ของอัลบั้มแบบเต็ม ๆ ‘CHROMOKAPIA THE WORLD TOUR’ จะเริ่มอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ chromakopia.com เพราะนอกจากจะสามารถดูตารางทัวร์ได้แล้ว ยังเข้าไปเลือกชอปเมิร์ช และเขียนข้อความจากฟอนต์หลักของอัลบั้มได้อีกด้วย เซฟรูปมาแชร์กันได้เต็มที่เลยทุกคน
*ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2024
Source: Billboard, Spotify, Converse, Rolling Stone, CBC, here and there, x: @boymolish