หลายคนคงจะยังอารมณ์ค้างกับโชว์ในช่วงพักครึ่ง ‘Super Bowl LIX’ ของ ‘Kendrick Lamar’ หนึ่งในแรปเปอร์ที่ดีที่สุดของยุคนี้ นอกจากช็อตเด็ด ‘Say Drake’ จากเพลง ‘Not Like Us’ ที่แฟน ๆ พากันไฮป์กันไม่หยุด K.DOT ยังแฝงสัญญะตามสไตล์นักเล่าเรื่องชั้นครูอยู่ตลอดโชว์ ตั้งแต่การเรียง Setlist ที่ไม่เน้นแค่เพลงฮิตติดลมเท่านั้น การดีไซน์เวที หรือแม้กระทั่งการดึงนักแสดงวัยเก๋าอย่าง ‘Samuel L. Jackson’ มารับหน้าที่บรรยายและเชื่อมโยงโชว์ในฐานะ ‘ลุงแซม (Uncle Sam)’ บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์ของ USA ในช่วงสงคราม เขาต้องการสื่อถึงสัญญะทางการเมือง, การต่อสู้ของคนผิวสี และการทวงคืนวัฒนธรรม Hip-hop อย่างแท้จริง




อินโทรโชว์ด้วยการเล่นแสงของสนาม ทั้งส่วนของเวทีและฝั่งสแตนด์คนดู เราจะเห็นดีเทลแรกเลยเวทีที่ดีไซน์มาจากจอยเกม Playstation (ส่วนนี้เราจะยกไว้ก่อน) แต่การเปิดม่านโชว์ที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว ‘ลุงแซม (Uncle Sam)’ รับบทโดย ‘Samuel L. Jackson’ นักแสดงวัยเก๋า ซึ่งลุงแซมในวันนี้ต่างจากลุงแซมที่เราคุ้นเคย ไม่ใช่ลุงผิวขาว ผมขาว ในโปสเตอร์ ‘I WANT YOU’ ของ ‘U.S. ARMY’ แต่เป็นลุงแซมผิวสี ซึ่งตรงนี้สื่อถึงการที่สัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่าง ‘ลุงแซม’ ไม่จำเป็นต้องเป็นคน ‘ผิวขาว’ เสมอไป แต่ตลอดโชว์ลุงแกจะคอยเป็นขั้วตรงข้ามกับ K.DOT อยู่ตลอดเวลา แสดงออกถึงการที่คนอื่นไม่ค่อยยอมรับและชื่นชมในความเป็นคนผิวดำ



การที่ลุงแซมพูดเปิดโชว์ว่า “This is the great American game” ด้วยการสื่อว่า American Football คือเกมหรือกีฬาที่ดีที่สุด แต่อีกความหมายแฝงคงหมายความว่านี่เป็น ‘เกม’ ที่ผู้มีอำนาจหรือรัฐบาลสหรัฐอเมริกาคอยจะเล่นกับประชาชน (ทั้งเรื่องทุนนิยม, การเมือง, กฎหมาย ฯลฯ) อ้างอิงจากบทความของ WIRED เวทีจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน มีรูปร่างเหมือนปุ่มบนจอย PlayStation (สามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม, วงกลม, กากบาท) ซึ่งสื่อว่าโชว์นี้หรือแม้กระทั่งชีวิตของประชาชนทุกคน เสมือนกับการเล่นเกมที่มีใครบางคนคอยควบคุมและบงการอยู่ตลอดเวลา




ตัดภาพไปที่ Kendrick Lamar เริ่มต้นโชว์ของเขาด้วยการยืนอยู่บนรถ “GNX” ที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้มล่าสุด พร้อมร่ายมนต์ด้วยเพลงทีเซอร์ ก่อนจะกล่าวถ้อยคำที่ว่า “The revolution’s about to be televised. You picked the right time, but the wrong guy” เหมือนเป็นการส่งสารไปถึงเหล่าผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะประธานธิบดีคนล่าสุดอย่าง Donald Trump ที่เข้ามาชมในสนามแห่งนี้ด้วย “ช่วงเวลานี้แหละเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนแปลงสหรัฐอเมริกา แต่พวกคุณดันเลือกผิดคน” พี่แกแอบแย๊บไปหนึ่งหมัด




หลังจากที่เริ่มช่วงต้นของโชว์ด้วย “squabble up” ลุงแซมแกก็โผล่ขึ้นมาเลย “too loud, too reckless, too ghetto.” ที่สื่อถึงเพลงและโชว์ของ K.DOT มันแหกปาก มันไม่สุภาพ ไม่เหมาะสม เหมือนกับที่คนผิวขาวไม่ได้ชอบวัฒนธรรมเพลงฮิปฮอปสักเท่าไหร่ มองว่ามันเกเร ดิบเถื่อน ต่อด้วย “Mr. Lamar, do you really know how to play the game?” “Then tighten up!” พร้อมเข้าเพลงถัดไปจัดแบบเข็ม ๆ ด้วย “HUMBLE” โดยเหล่านักเต้นปรากฏตัวด้วยชุดสีแดง ขาว และน้ำเงิน เคลื่อนไหวเหมือนหุ่นยนต์ ยืนเรียงกันเป็นธงชาติอเมริกา K.DOT อยู่ร้องอยู่ตามกลางนักเต้นที่แบ่งเป็นสองฝั่ง เหมือนประชาชนในประเทศที่แบ่งออกเป็นสองฝ่าย (ทั้งเรื่องเชื้อชาติและการเมือง)

โชว์ดำเนินต่อไปด้วยเพลง “DNA” ก่อนจะเข้าสู่ “euphoria” กล้องถ่ายทอดสดได้แพลนออกให้เห็นการเล่นแสงบนสแตนด์เป็นประโยคที่ว่า “Warning Wrong Way” ซึ่งตรงนี้อาจสื่อถึงมุมมองของเขาที่ต้องการเตือนประชาชนว่า ประเทศนี้กำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด (จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด) หรือเขาอาจต้องการส่งข้อความถึงคนผิวดำที่ดำเนินชีวิตด้วยอาชญากรรม บอกให้รู้ว่าพวกเขากำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด (ตรงนี้อ้างอิงจากลานกลางของเวที ที่คล้ายกับลานในคุก) เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่คนตีความกันไป



ต่อเนื่องด้วยเพลง “man at the garden” ที่โชว์พร้อมกับกลุ่มนักเต้นผิวดำ Turf Feinz ซึ่งหลังจากจบเพลง ลุงแซมแกก็เข้ามาแทรกแซมตำหนิทันที “I see you brought your homeboys with you” “The old culture cheat code. Scorekeeper, deduct one life.” หมายความว่าการที่ K.DOT ดึงกลุ่มนักเต้นที่มีชื่อเสียงและเป็นคนผิวดำด้วยกันอย่าง Turf Feinz ร่วมแสดงโชว์นี้ เหมือนเป็นการพยายามเอาชนะใจผู้คนผิวดำผ่านการแสดงของเขา


Kendrick ไม่สนใจและเริ่มเพลงถัดไปอย่าง “peekaboo” ต่อด้วยบทสนทนากับนักเต้นหญิงพร้อมขึ้นอินโทรเพลง “Not Like Us” มายั่วแล้ว แต่พี่แกก็พูดว่า “I wanna perform their favorite song, but you know they love to sue.” จิกกัดไปถึงคดีของ “Drake” ที่ฟ้อง Spotify และ Universal Music Group เกี่ยวกับเนื้อหาของเพลงนี้ ก่อนจะยังไม่โชว์เพลงฮิต และเข้าสู่ช่วงเพลงช้าแทน ด้วยการเปิดตัวเกสคนพิเศษอย่าง SZA


SZA ร่วมแสดงเพลงฮิตจากอัลบั้มใหม่อย่าง “luther” และเพลงประกอบภาพยนตร์ Black Panther อย่าง “All The Star” ที่นัยยะแฝงของเรื่องยังสื่อถึงคนผิวดำอีกด้วย การดึง SZA นักร้องสาวคู่ใจ หลายคนมองว่าเป็นการหักหน้า Drake กลาย ๆ เพราะทั้งคู่เคยคบกันในช่วงวัยรุ่นอีกด้วย พอจบพาร์ทนี้ลุงแซมแกก็มาชมเลย “that’s what America wants” (เพลงที่ฟังง่าย สบาย ๆ มีความป๊อป ไม่เหมือนเพลงฮิปฮอป) ต่อด้วยการเตือนว่า “don’t mess this up!” อย่าทำโชว์นี้พังล่ะ
ไม่ทันขาดคำอินโทรเพลง “Not Like Us” ก็ขึ้นมาพร้อมกับประโยคที่ K.DOT พูดว่า “40 acres and a mule this bigger than the music.” ประโยคที่เขาใส่ไว้ในหลายเพลง อ้างอิงถึงคำสัญญาในอดีตที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเคยให้ไว้หลังสงครามกลางเมือง (Civil War) ว่าจะการชดเชยให้กับเฉลยผิวดำที่เป็นอิสระ ด้วยการมอบที่ดิน 40 เอเคอร์กับล่อหนึ่งตัวให้ แต่คำสัญญานี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ตอกย้ำถึงบริบทในปัจจุบันว่าคนผิวดำไม่ควรอ่อนข้อและยอมรับสิ่งที่สหรัฐอเมริกามอบให้พวกเขา ด้วยการปฎิบัติอย่างไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม ไม่เหมือนกับประชาชนคนอื่นทั่วไป



ถึงเราจะบอกว่าโชว์นี้มีความหมายมากกว่าการดิส แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเพลงเจ้าของรางวัลแกรมมี่อย่าง “Not Like Us” นั้นสร้างความไฮป์ไปในวงกว้างโดยเฉพาะการ “Say Drake” และเปิดตัวอีกหนึ่งแขกรับเชิญคนพิเศษ Serana Williams นักเทนนิสหญิงระดับตำนาน มาเต้น Crip Walk ย้อนรอย Olympic Games London 2012 ที่เธอเคยถูกวิจารณ์ว่าการเต้น C-Walk เพื่อแสดงความพอใจมันไม่เหมาะสม (เนื่องจากท่าเต้นมีที่มาจากแก๊งคนดำ Crips) อีก easter egg เลยคือ Serana เป็นคนบ้านเดียวกับ Kendrick และเธอยังมีข่าวลือว่าเคยคบกับ Drake อีกด้วย มาขนาดนี้คงไม่ใช่แค่ลือแล้ว K.DOT แกเก็บทุกเม็ด



หลังจากไต่ระดับความไฮป์มาถึงเพลงปิดท้ายอย่าง “tv off” พร้อมการปรากฏตัวของโปรดิวเซอร์คู่ใจ “Mustard” ให้ผู้ชมได้กรีดร้องเรียกชื่อของเขา พร้อมปิดท้ายด้วยการที่ K.DOT แจกมินิฮาร์ตไปหนึ่งที ตามด้วยกล้องที่แพลนออกให้เห็นคำว่า “GAME OVER” อาจหมายถึงจุดจบของการ Beef ระหว่างเขากับ Drake, หมายถึงการจบโชว์อย่างสมบูรณ์, หรือหมายถึงการต้องการจะจบ ‘เกม’ ระหว่างคนผิวดำ คนชายขอบ กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา



นัยยะแฝงของโชว์นี้ถือว่าเต็มไปด้วยสารที่ Kendrick Lamar สื่อสารผ่านผลงานของเขามาโดยตลอด ซึ่งการตีความคงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย ไม่แปลกที่หลายคน หลายฝั่งจะมองว่าโชว์นี้ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ไม่เหมือนโชว์พักครึ่งขึ้นหิ้งอื่น ๆ แต่โชว์นี้มันเป็นแสดงออกทางวัฒนธรรมของคนผิวดำ หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรม Hip-Hop อย่างแท้จริง
Source: NFL, pgLang, X, Complex, HYPEBEAST, THE ROOT, The Hollywood Reporter, Getty Images