หลายคนคงรู้จัก ‘คิม-วรษา คาฮิลล์’ ในฐานะนางงามเจ้าของมงกุฎเวที Miss Bear Bangkok 2025, อินฟลูเอนเซอร์, แดนเซอร์ในเอ็มวีเพลง ‘XL – SILVY’ หรืออดีตเกิร์ลกรุ๊ปพลัสไซซ์ ‘Notype’ แต่ก็มีหลายคนที่รู้จักเธอมากขึ้นในฐานะ “เครื่องด่าคนบุลลี” ที่พร้อมฟาดฟันกับคำวิจารณ์ในแง่ลบที่พุ่งเข้าใส่ตัวเธอ และก้าวสู่การเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงผ่านการเป็นนางงาม
วันนี้ S4S เลยขอพามาคุยกับ ‘คิม’ บุคคลที่ทำวงการนักเลงคีย์บอร์ดสั่นสะเทือน ย้อนไปถึงการเดินทางในชีวิตของเธอ กว่าจะรู้จัก เข้าใจ ยอมรับตัวเอง และเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เธอต้องผ่านเหตุการณ์แบบไหนมาบ้าง และเธอสามารถผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้อย่างไร
‘คิม-วรษา คาฮิลล์’ ด่ากราดนักเลงคีย์บอร์ดจนทำให้คนบนโลกโซเชียล รู้จักเธอมากขึ้น บางคนถึงขั้นต้องขอคารวะเลยทีเดียว
เมื่อปีที่แล้ว คิมมีโอกาสไปเที่ยวเกาะล้านใช่ไหมคะ แล้วเราก็ถ่ายรูปใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่ ลงโซเชียลของเราตามปกติ หลังจากนั้นเริ่มมีเพื่อนก็ทักมาบอกว่า “ยอมให้คนอื่นด่าได้ยังไง” เราก็งง ๆ เลยเข้าไปดูโพสต์ ปรากฏว่ามีแต่คนโปรไฟล์แก่ ๆ มาคอมเมนต์ด่าทอเรา เราก็รู้สึกตกใจบวกกับตอนนั้นไม่สบายด้วย อากาศยิ่งร้อนมันทำให้เราหงุดหงิดง่ายขึ้น เราก็เลยตอกกลับคนพวกนั้นไปด้วยข้อความปั่น ๆ
หลังจากคืนนั้นโพสต์เราก็กลายเป็นไวรัลเลย ฟีลดังชั่วข้ามคืน เราตกใจมากไม่รู้จะรับมือยังไงดี มันกลายเป็น ‘Talk of the Town’ ถึงขนาดเวลามีคนเจอเรา เขาจะทักและพูดถึงโพสต์นั้นว่า “ใช่คนที่คอมเมนต์ด่าคนแก่ใช่ไหม” หลังจากนั้นก็มีงานเข้ามาไม่หยุดเลย ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเราค่ะ ก็ขอบคุณพวกคนแก่ที่มาคอมเมนต์ด้วยที่ทำให้เราได้งาน
ก้าวข้ามคำบุลลีผ่านการเติบโต สู่การมั่นใจในตัวเอง
คิมรู้สึกว่าเราไม่ได้ก้าวผ่านคำบุลลี คำดูถูกได้หรอกค่ะ แต่เพราะตัวเราเองโตขึ้นเรื่อย ๆ ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ก็ยังมีร้องไห้น้อยใจ ลองเสื้อผ้าแล้วใส่ไม่ได้เลยทำทุกทางให้น้ำหนักลด ซึ่งมันไม่ดีเลยค่ะ พอช่วงมหาลัยเราเอนจอยมากขึ้น ปรับมายเซต เริ่มไม่แคร์สายตาคนอื่น ตามใจตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำมากขึ้น เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ การกล้าเป็นตัวเองมากขึ้น ทำให้ชีวิตเราดีกว่าเดิม มีงานในวงการบันเทิงเข้ามา สิ่งที่คิมยึดมั่น คือ เราชอบแต่งตัว ชอบแต่งหน้า ทำให้รู้สึกเอนจอยกับชีวิตและไม่เบื่อตัวเองค่ะ
‘คิม’ นางงามสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทุกไซซ์
อันนี้คิมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เคยมีคนเคยมาบอกเราตอนประกวด ‘Miss Fabulous Thailand’ ช่วงพักเบรก มีคนกลุ่มหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนอ้วน แต่ทั้งคนผอมหรือแม้แต่กะเทย มาร้องไห้ตรงหน้า บอกเราว่า “พี่เป็นแรงบันดาลใจให้หนูนะคะ ทำให้เขากล้าทำในสิ่งที่เขาไม่เคยกล้าทำ” เราก็งงว่าเรานี่นะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ด้วย แต่คนอื่นบอกว่าเห็นเราแล้วรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เราก็แฮปปี้ไปกับเขาด้วย
เป้าหมายอื่นของ ‘คิม’ นอกจากการเป็น ‘นางงาม’
คิมเป็นมาหมดแล้ว ทั้งแดนเซอร์, นางแบบ, สไตลิสต์ และอดีตเกิร์ลกรุ๊ปพลัสไซซ์ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบหาอะไรสนุก ๆ ทำตลอดเวลา เมื่อปีที่แล้วเราอยากเป็นนางงามเวทีไหนก็ได้ก่อนอายุ 28 เราก็ได้เป็นสมใจแล้ว ปีนี้ก็เลยมีแพชชั่นใหม่ที่อยากทำเพิ่มมา 2 อย่าง คือ การเดินแบบแฟชั่นวีคให้กับแบรนด์ดัง ๆ ค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสได้เดิน ถ้าได้เดินชีวิตคงคอมพลีตมาก แล้วก็อยากพากย์เสียง คิมชอบพากย์เสียงเล่นกับเพื่อน อยากลองหาอะไรใหม่ ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ
บริบทของสังคมไทยในปัจจุบัน มีความเปิดกว้างมากขึ้น ยอมรับในความต่างของแต่ละคนได้มากขึ้น เห็นด้วยไหมกับสิ่งนี้
ส่วนตัวคิดว่าโลกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในทุก ๆ ปี เรามองย้อนกลับไปในช่วงมัธยมปลาย รู้สึกว่าตอนนั้นก็ยังไม่ได้เปิดกว้าง มีแค่บรรทัดฐานที่สังคมตั้งไว้เกี่ยวกับ ‘Beauty Standard’ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุก ๆ ปี โลกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น อย่างเรื่องสีผิว รูปร่าง เพศ และล่าสุดปีนี้ก็มีสมรสเท่าเทียมแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ด้วยความที่เมื่อก่อนสังคมเรายังไม่ได้เปิดกว้างมากเท่าทุกวันนี้ ‘คิม’ คงถูกคำพูดมากมายที่กระทบจิตใจและสร้างบาดแผลให้ตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องรูปร่าง เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่าเราต้องผอม ต้องหุ่นดีแค่ไหนคนอื่นถึงจะพอใจ
สมัยช่วงมัธยมต้น คิมเคยถูกบุลลีรูปร่าง เรือนร่างเราก็เปลี่ยนไปตามวัยเนอะ พอขึ้นมัธยมปลายยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เราก็เลยลดน้ำหนักเพราะคนอื่นชอบบอกว่าเรา ‘อ้วน’ แต่พอเราลดน้ำหนักจนผอมลงก็ยังมีคนเรียกเราว่า ‘อ้วน’ อยู่ดีเพราะเราเป็นคนสรีระลูกครึ่ง บวกกับมีหน้าอกหน้าใจ ชีวิตของคิมในช่วงนั้นไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น วนเวียนอยู่แต่ในฟิตเนส คลินิกลดน้ำหนัก เพราะถ้าน้ำหนักขึ้นก็โดนแม่ว่า จนถึงช่วงที่ตัวคิมเองทนไม่ไหว แต่พอเข้ามหาลัยเราก็เริ่มแฮปปี้มากขึ้น เพราะสแตนดาร์ดในเรื่องเหล่านี้เริ่มลดลง ได้ใช้ชีวิตในการเป็นตัวเองมากขึ้น
ความสวยในอุดมคติของ ‘คิม’
คิมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง แล้วแต่คนจะมองจริง ๆ ค่ะ แต่สำหรับคิมแค่เรามั่นใจว่าตัวเองสวย มันก็คือสวย อยู่แบบมั่น ๆ สวย ๆ ก็จบก็ไม่มีใครมาทำอะไรเราได้แล้ว ถ้าเราเชื่อว่าตัวเองเป็นแบบนั้น
กว่าจะเติบโตอย่างแข็งแรงได้เหมือนทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
คิมว่าหัวใจคิมแข็งแรงนะ อาจจะโดนอะไรหนัก ๆ เข้ามาในชีวิตตั้งแต่เด็กจนมันจำไม่ได้แล้วมั้ง พอโตมาก็เลยแข็งแกร่ง ไม่ได้สนใจคำพูดคนขนาดนั้นแล้ว เอาจริง ๆ เราว่าเดี๋ยวนี้การด่ากันมันง่าย มีแอคหลุม สมัครเข้ามาด่าเราได้ง่ายขึ้น เราก็แค่ไม่ต้องไปใส่ใจ มีปุ่มบล็อกปุ่มลบก็ใช้ไป
‘อยากแนะนำอะไรให้เด็ก หรือวัยรุ่นที่กำลังเติบโตขึ้นมาผ่านสังคมการบุลลีบ้างไหม
ถ้าอยากแนะนำอะไรกับเด็กที่กำลังเติบโตขึ้นมาในสังคมแบบนี้ คิมคงแนะนำว่าให้สู้กลับบ้างค่ะ คิมเคยไปฟังบทสัมภาษณ์ของ ‘พี่มิกซ์-เฉลิมศรี’ เขาบอกว่า “หัดโต้ตอบกลับไปบ้าง ไม่ใช่ให้คนอื่นคอยแต่กดเรา” คิมคิดว่ามันจริง ปี 2025 แล้วก็หัดตอบโต้กลับไปบ้าง บุลลีมาชั้นสู้กลับ สู้แบบใช้มันสมอง หรือถ้าไม่อยากเห็นเราก็แค่บล็อก ให้หัวใจเรามาเป็นอันดับหนึ่ง อย่าให้ใครมาทำร้ายเราได้ง่าย ๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขในช่วงที่กำลังเติบโตค่ะ ไม่อยากให้เหมือนคิมในช่วงวัยรุ่นที่ไม่เคยเอนจอยไลฟ์เลยค่ะ
” อย่าให้ใครมาทำร้ายเราได้ง่าย ๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุข “
จากความฝันของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง สู่การยืนบนเวทีประกวดนางงามพร้อมคว้ามงใหญ่แรกในชีวิต
ตอนนั้นเรา 3 ขวบ แม่บอกว่านางงามจะมาแถวบ้าน เราก็ตื่นเต้นอยากถ่ายรูปกับนางงาม ขอให้แม่แต่งหน้า แต่งตัวให้ อยากสวยแข่งกับเขา แล้วหลังจากนั้นคิมก็ถือความฝัน ‘การเป็นนางงาม’ มาโดยตลอด ก็มีประกวดนางนพมาศตอนเด็ก แต่ไม่เคยได้ประกวดนางงามใส่ชุดว่ายน้ำแบบเดินสับเลย จนโตขึ้นสรีระเราเป็นสาวขึ้น โดนติดต่อให้ไปประกวดนางงามเวที ‘Miss Grand Thailand’ ครั้งแรก แต่เขาให้ใส่ชุดว่ายน้ำด้วย ตอนนั้นเราไม่ได้อ้วนนะแต่ยังไม่กล้า หลังจากนั้นเราก็ไปประกวดนพมาศต่อก็ได้รางวัลมาบ้าง แต่ก็ยังอยากเดินสับบนเวทีนางงามอยู่ดี เพราะเราฝันอยากเป็นนางงาม ดูบ่อยมาก
จนเมื่อ 1-2 ปีก่อน เวทีประกวดเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ใจตอนนั้นเรากำลังมา มีความกล้ามากขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะกล้าแบบนี้อีกไหมเลยลงสมัครไป กลายเป็นว่าเรากลายเป็นหญิงพลัสไซซ์คนเดียวในเวที ‘Miss Keemao’ ทีนี้ก็เด่นเลยค่ะ จากนั้นก็ไปประกวดเวที ‘Miss Fabulous Thailand’ และล่าสุดคิมได้มงใหญ่ครั้งแรกในชีวิตในเวที ‘Miss Bear Bangkok 2025’ มันเกินความคาดหมายเราไปมาก ไม่คิดว่าวันหนึ่งเราจะได้มงใหญ่กับเขาด้วย ถือว่าสานฝันตัวเองสำเร็จ
เราเคยไปช่วยงานในเวทีนางงามครั้งนึง เราก็สงสัยว่าทำไมนางงามดูเหนื่อย ดูเพลีย จนวันนึงเราได้มาเป็นนางงามเอง เราเลยเข้าใจในการเป็นนางงามมากขึ้น เพราะเขานอนกันดึกมาก ต้องซ้อม ต้องจำบล็อกเยอะแยะไปหมด เหนื่อยไปหมด ทำให้เราอ๊องได้เลย อยากจะบอกทุกคนว่าอย่าไปด่านางงามเขาเลยค่ะ มันเหนื่อยมากจริง ๆ
ในเวลา 1 ปี คิมคว้ารางวัลมา 2 มง กับ Top 7 ได้ ถือว่าเร็วมาก ๆ สำหรับคิม มันเกินความคาดหมาย รู้สึกภูมิใจในตัวเอง แล้วเราก็ชอบการที่เราได้เป็นนางงามในแบบของตัวเองด้วยค่ะ
ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า อยากเป็นแม่ที่ดีให้กับลูก
‘แม่คน’ คิมคิดว่าตัวเองในอีก 10 ปีคงเป็นแม่คนค่ะ เราอยากมีลูกมาก ขอเวลาไปศึกษาการเป็นแม่ที่ดี มองตัวเองว่าในวัย 36 คิมคงมีลูกแล้ว เป็นแม่คนแล้วค่ะ
อีกโลกคู่ขนานหนึ่ง ‘คิม’ อยากเป็นมหาเศรษฐีนี
อยากลองเป็นมหาเศรษฐีสักครั้งนึง อยากมีบ้านแบบนี้ (สถานที่ถ่ายทำ) อยากถูกหวย ได้ไปเที่ยวรอบโลก คิมคิดว่าตัวเองไม่เคยมีดวงเรื่องเสี่ยงโชค เรามีโชคเรื่องงานแล้ว แต่ไม่มีเรื่องโชคเรื่องเงินเลย มีคนบอกเราว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่คิมคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างนะ มีเงินเท่ากับมีความสุข หรือถ้าเศร้าก็ขอเศร้าแบบมีเงินแล้วกันค่ะ
ถ้า ‘คิม’ ในวันนี้ได้เจอกับ ‘คิม’ จากโลกคู่ขนานที่รวยเป็นมหาเศรษฐี อยากทำอะไร?
” อยากไปอยู่ด้วยค่ะ ขอไปอยู่ด้วย “
Setting of The Parallel
Shure SM7dB ไมโครโฟนแบบไดนามิก ที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่น SM7B ตอบสนองคลื่นความถี่ได้อย่างดี เป็นกลาง (Flat) และกว้าง เหมาะสำหรับงานสร้างคอนเทนต์ งานพูด ดนตรี และอื่น ๆ มีปรีแอมป์ (PREAMP) บิวต์อินในตัว ที่สามารถเพิ่มระดับเสียง (Gain) ได้มากถึง 28dB ที่ให้เสียงรบกวนต่ำ, เป็นกลาง (Flat), โปร่ง และยังคงเก็บความสะอาดและความคลาสสิกของเสียงได้อย่างดี ปรีแอมป์ของ SM7dB นั้นให้เสียงระดับตำนาน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปรีแอมป์จากภายนอก และสวิตซ์ต่าง ๆ ของ SM7dB สามารถปรับแต่งย่านความถี่ และกำหนดของปรีแอมป์ได้
