หลายคนคงรู้จัก Black Friday วันที่ทุกแบรนด์ลดกระหน่ำที่สุด โดยเกิดขึ้นทุกวันศุกร์หลังจากวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) หรือวันพฤหัสที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 29 พฤศจิกายน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Black Friday มีที่มาจากอะไร ทำไมถึงเรียกว่าวันศุกร์สีดำ วันนี้ S4S จะแถลงไขให้ทุกคนได้รู้กัน ก่อนไปชอปให้เต็มที่วันพรุ่งนี้

Black Friday อาจไม่มีที่มาแน่ชัด 100% แต่คำนี้เกิดขึ้นจากหลากหลายเหตุการณ์ สำหรับในเชิงธุรกิจคำนี้อาจหมายถึงโมเมนต์ที่ยอดขายของร้านเปลี่ยนจากเลขสีแดง (ที่หมายถึงการติดลบ ขาดทุน) เปลี่ยนมาเป็นเลขสีดำ (ที่ร้านเริ่มพลิกจากขาดทุนมาเป็นได้กำไรแล้ว) ซึ่งช่วงนั้นมักตรงช่วงวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้าเป็นต้นไป
ในศตวรรษที่ 50 คำว่า Black Friday ถูกนำไปใช้อธิบายสถานการณ์ยากลำบากของร้านรวงในวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ที่บรรดาพนักงานขายจะแห่กัน ‘ลาป่วย’ แต่เป็นฟีลป่วยการเมือง เพราะไม่อยากทำงานหนักเกินไปในวันที่ทุกคนออกมาจับจ่ายซื้อของเข้าบ้านกันหมด ส่งผลให้ร้านไม่มีพนักงานขายเพียงพอกับจำนวนลูกค้าที่หลั่งไหลเข้ามาซื้อของลดราคาในวันนั้น
ต่อมาในศรรตวษที่ 60 ตำรวจในเมือง Philadelphia ได้ใช้คำว่า Black Friday อธิบายถึงความโกลาหลของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางชมการแข่งขันกีฬาอเมริกันฟุตบอลประเพณีระหว่างทีมกองทัพเรือกับทีมกองทัพบก บวกกับเข้ามาชอปปิ้งในช่วงวันหยุดยาว ทำให้ตำรวจต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อคลี่คลายสถานการณ์บนท้องถนน

แต่ที่มาที่เข้าเค้าและทำให้คำนี้แพร่หลายมากที่สุดคือในช่วงศรรตวษที่ 70 คำว่า Black Friday ถูกนำมาใช้ในสื่อสิ่งพิมพ์ครั้งแรกผ่านโฆษณาในนิตยสารของนักสะสมแสตมป์ในปี 1966 และคำนี้ยังถูกอธิบายโดยนักข่าวสายตำรวจผ่านบทความใน Philadelphia Inquirer ในปี 1994 อีกครั้ง ว่าคำนี้ถูกคิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลาเดลเฟีย เพื่อนำมาใช้อธิบายสภาพการจราจรติดขัดเป็นอย่างมากในวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า

การเปลี่ยนความหมายจากหน้ามือเป็นหลังมือของ Black Friday ที่กลายมาเป็นชื่อเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่แห่งปี เกิดขึ้นในช่วงปี 1961 เริ่มมีนักการตลาดพยายามเปลี่ยนความเข้าใจผู้คนที่มีต่อคำว่า Black Friday ให้มีความหมายว่า Big Friday เพื่อสื่อถึงวันแห่งความสุขของครอบครัวและความสุขจากการได้ชอปปิ้ง

แม้ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปอย่างแท้จริง แต่ Black Friday ก็กลายเป็นเทศกาลลดราคาที่นักชอปจะจับจ่ายใช้สอยกันอย่างเต็มที่ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาเองจนขยายไปทั่วโลก Black Friday ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักชอปเลยทีเดียว เพราะสินค้ามักลดราคาระดับ 50-70% จากราคาเดิม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ อีกมากมาย บางคนถึงขั้นยืนแคมป์หน้าร้านตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ได้สินค้าที่ต้องการในราคาสบายกระเป๋า

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Black Friday ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคงไม่พ้นช่วงวันที่ลดราคา ไปตรงกับช่วงสิ้นปีที่ทุกคนกำลังรอคอย ไม่ว่าจะชอปเฉลิมฉลอง มองหาของขวัญให้กับคนอื่นก็ถือว่าเหมาะเจาะ ปีนี้เพื่อน ๆ เล็งของแบรนด์ไหนกันไว้ คอมเมนต์ป้ายยากันหน่อย เผื่อจะได้เพื่อนเสียตังเพิ่มอีกคนสองคน
Source: Walden University, WWD, MarketingOops!