หลายคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวแนวสตรีทแวร์ คงต้องมีเสื้อผ้าของ Supreme ติดตู้ไว้สักตัว หรือไม่ก็ต้องมีสติ๊กเกอร์ Box Logo สักชิ้นแปะไว้ตามโน๊ตบุค เพราะนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้ามาสู่วงการสตรีทแวร์ของใครหลาย ๆ คน ยิ่งช่วงที่ Supreme เดินมาถึงจุดที่พีคขั้นสุด คือ การได้ไปคอลแลบกับแบรนด์ Luxury ระดับโลกอย่าง Louis Vuitton เมื่อปี 2017 เพราะนี่ถือเป็นการเปิดประตูบานใหม่ของสตรีทแวร์ให้ก้าวข้ามไปยังวงการลักชูรีเป็นครั้งแรก จนทำให้ใครหลายคนต่างก็รอคอยต่อคิวซื้อทุกดรอปที่วางขาย แต่แล้วกระแสของ Supreme ก็ค่อย ๆ เบาลงจนแทบจะหายไปในสายตาของวงการแฟชั่น มันเกิดอะไรขึ้น วันนี้ S4S ขอพามาพูดคุยถึงประเด็นนี้กันครับ!

จากแบรนด์เสื้อผ้าเล็ก ๆ สู่ ‘King of Streetwear’ ที่ไม่ว่าขายอะไรก็ Sold Out !

จากแพชชั่นที่อยากทำแบรนด์แฟชั่นที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนชอบสเก็ตบอร์ดเหมือนกันของชายที่ชื่อว่า James Jebbia กลายเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ Supreme เกิดขึ้นในปี 1994 เขาเริ่มจากจุดเล็กในแบบที่ใคร ๆ ก็ทำกันอย่างการขายของวินเทจ ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ของตัวพ่อหลายคนในวงการแฟชั่น สังสมประสบการณ์ด้านแฟชั่นจนเปิดร้าน Multi Store ของตัวเองได้ แต่แล้วก็ถึงจุดอิ่มตัว เขาเลยใช้ความรู้ที่มีทั้งหมดจากการคลุกคลีอยู่ในวงการสตรีทแวร์ เปิดแบรนด์ของตัวเองอย่าง Supreme ควบคู่ไปกับการทำงานให้กับแบรนด์ดังอย่าง Stussy โดยจุดมุ่งหมายของ Supreme คือ พื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เด็กสเก็ตเตอร์ทุกคนได้มีพื้นที่แสดงฝีมือในการเล่นสเก็ตที่ร้านของตัวเองได้เต็มที่ เพราะถึงแม้ตัว James เองจะเล่นสเก็ตบอร์ดไม่เป็น แต่เขาก็เข้าใจวัฒนธรรมของเด็กสเก็ตได้เป็นอย่างดี
และด้วยความที่ Supreme ไม่เคยเหมือนใคร ทั้งการด้านดีไซน์ การโฆษณา หรือแม้แต่สินค้าที่วางขายเองก็ตาม ทำให้ใครหลายคนต่างก็ตกหลุมรัก Supreme เข้าอย่างจัง ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรขอแค่เป็นของ Supreme ทุกอย่างก็จะ Sold Out ไปจนหมด เป็นเครื่องการรันตีชั้นดีว่า Supreme นี่แหละแบรนด์สตรีทแวร์ระดับโลก
ขึ้นสู่จุดพีค และร่วงหล่นตามวัฐจักรของเทรนด์แฟชั่น

หากพูดถึง Supreme ทุกคนที่อยู่ในวงการแฟชั่นไม่ว่าจะสายไหน คงต้องรู้ข่าว Talk of The Town อย่างการที่ Supreme ไปคอลแลบกับแบรนด์ Luxury อย่าง Louis Vuitton ในปี 2017 แน่นอน เพราะนี่คือเป็นการเปิดประตูบานแรกที่ทำให้วงการสตรีทแวร์ได้ร่วมงานกับแบรนด์ Luxury แถมใครจะคิดว่าแบรนด์ที่จะโดน LV ฟ้องเมื่อปี 2000 อย่าง Supreme ที่นำลาย Monogram ซิกเนเจอร์ของ LV มาใช้บนแผ่นกระดานสเก็ตบอร์ด โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตในวันนั้น จะได้มาร่วมงานกันในวันนี้ ทำให้นี่กลายเป็นคอลเลกชันที่ทำให้ชื่อเสียงของ Supreme จากที่ดีอยู่แล้วพุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่ ทุกคนต่างตามหาคอลนี้กันให้ควัก ทำให้ต่อมาไม่ว่า Supreme จะออกไอเทมอะไรมาก็ Sold Out แถมราคารีเซลยังแพงจัด ๆ ในทุกไอเทมเลย ยิ่งเป็นเสื้อ Box Logo Tee อย่างต่ำต้องมีหมื่นกว่าบาทแน่นอน ยังไม่รวมไปถึงการที่คนดังระดับโลกหยิบมาใส่กันถ้วนหน้า ทั้ง Justin Bieber , Travis Scott และคนอื่น ๆ ยิ่งทำให้ Supreme ไปถึงจุดสูงสุดของวงการสตรีทแวร์ เรียกว่าเป็นจุดที่พีคที่สุดของแบรนด์เลยก็ว่าได้
แต่แล้วชื่อของ Supreme ก็ค่อย ๆ หายไปจากวงการแฟชั่นทีละนิด แบบที่ไม่มีใครรู้ตัว แต่ก็เป็นเรื่องปกติของเทรนด์แฟชั่นที่พอขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็ย่อมตกลงมาอยู่ในจุดที่ตัวเองเคยอยู่เหมือนเดิม แต่ในกรณีของ Supreme มันไม่เหมือนกันนะสิ เพราะมีหลายคนถึงกับพูดว่า ‘Supreme กำลังจะหมดมนต์ขลังในไม่ช้า’ กันเลยทีเดียว แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันหละ?
เพราะอะไร Supreme ถึงกำลังหมดมนต์ขลัง?

อย่างที่บอกไปครับ ว่าใคร ๆ ก็ทราบดีว่า Supreme เป็นแบรนด์ที่ถูกยกให้เป็น ‘King of Streetwear’ ในด้านความไม่เหมือนใคร ดีไซน์ การโปรโมท และสินค้าที่แปลกแหวกแนว ทำให้ใครหลายคนต่างก็ตกหลุมรัก ยิ่งบวกกับ Box Logo สุดไอคอนิกของแบรนด์ที่ไม่ว่าจะแปะไว้บนสินค้าตัวไหนก็ขายหมด แต่ทำไมแบรนด์ที่ดูมีข้อดีเยอะแบบนี้ คนถึงกำลังคิดว่าแบรนด์นี้กำลังหมดมนต์ขลัง และไม่เท่สำหรับพวกเขาอีกต่อไป
- การเข้ามาเทคโอเวอร์แบรนด์ของ VF Corporation
การเข้ามาเทคโอเวอร์แบรนด์ของ VF Corporation บริษัทแม่ของ The North Face , Vans , Timberland และอื่น ๆ คือสาเหตุหลักที่ทำให้ Supreme เสียความเป็นตัวเองที่แฟนรุ่นเก่าเคยหลงรัก อย่างการขบถ และอันเดอร์กราวด์ไป กลายเป็นแบรนด์ Commercial แบบเต็มรูปแบบ

- จากแรร์ไอเทม สู่ความธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
พอแบรนด์ถูก VF Corporation เข้ามาเทคโอเวอร์ ทำให้ Supreme จากที่เคยเป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องแรร์ไอเทม เพราะชอบดรอปของแบบเอ็กคลูซีฟ ทำให้ใครที่ได้ไปจะรู้สึกว่าเจ๋งสุด ๆ กลายเป็นแบรนด์ที่เติบโตขึ้น ต้องผลิตสินค้าออกมาจำนวนเยอะขึ้น บวกกับตลาดรีเซลที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ของแรร์กลับไม่แรร์อย่างที่ควร ทุกคนจึงรู้สึกหมดสนุกกับการที่ต้องไปต่อแถวรอ เพราะเดี๋ยวนี้ฝากพ่อค้ารีเซลทั้งหลายก็ได้มาครอบครองแล้ว เพียงแค่เงินคุณถึงพอ

- จากความสดใหม่ กลายเป็นความจำเจแบบเดิม ๆ
หนึ่งในไอคอนิกของแบรนด์อย่าง Box Logo ที่เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนตกหลุมรัก Supreme กลายเป็นสิ่งที่ถูกหยิบมาใช้บ่อยจนจำเจ พักหลังคนมักพูดถึงการคอลแลบของ Supreme ว่ามักง่าย ไร้ความคิดสร้างสรรค์ คิดอะไรไม่ออกก็แปะ Box Logo Supreme ลงไปสิ เดี๋ยวคนก็ซื้อเอง จากที่มันควรจะรู้สึกตื่นเต้น ว้าวกับการคอลแลบ กลายเป็นรู้สึกว่า แปะโลโก้แบบเดิม ๆ อีกแล้ว เมื่อไหร่จะมีอะไรที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นได้ซักทีนะ

- ของปลอมเกลื่อนตลาด
ทุกคนที่เคยเดินตลาด คงเห็นกันแล้วว่าเสื้อ Supreme ของปลอม มันมีเยอะแยะเต็มไปหมด จนถึงขั้นมีการเปิดแบรนด์ Supreme Italia (เก๊) ในจีน ซึ่งสุดท้ายจะถูก Supreme แท้ฟ้องและชนะคดีจนถูกปิดไปในที่สุด แต่ที่แสบกว่าคือบ้านเรานี่แหละ เปิด Supreme ลิขสิทธิ์ไทยแท้ (เก๊อีกนั้นแหละ) โดยที่คนพวกนี้ใช้ช่องทางในการจดทะเบียนก่อนที่ของแท้จะมาจด ทำให้ตัวทาง Supreme ของแท้ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้คนที่ไม่รู้ในเรื่องแฟชั่นมาก ก็หลงเชื่อว่านี่คือ Supreme แท้ แต่ถ้าสังเกตกันดี ๆ คุณภาพและดีไซน์แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย

- เป็นไปตามวัฐจักรของแฟชั่น
วงการแฟชั่น ก็เหมือนวงการกีฬา หรือนักแสดงเลยครับ พอแบรนด์ถึงจุดสูงสุดแล้ว ยืนระยะมาสักพัก ก็ย่อมมีแบรนด์หน้าใหม่ไฟแรง เข้ามาแย่งชิงพื้นที่ของคุณไปเป็นเรื่องปกติตามวัฐจักรของวงการแฟชั่น หาก Supreme เป็นตัวแทนของ Streetwear ในยุค 2000 – 2010 ในยุคสมัยนี้ก็คงเป็น Human Made ที่คนนิยมใส่กัน หรือแม้แต่ Stussy ที่เคยหายไปในช่วงหนึ่งก็ยังกลับมามีกระแสในช่วงนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า Supreme คงไม่ได้หายไปซะทีเดียว แต่เดี๋ยวก็วนกลับมาตามกระแสของแฟชั่นนั้นแหละ

- Gen Z ต้องการความแตกต่างไม่เหมือนใคร
อย่างที่บอกไปว่าขนาด Stussy ที่หายไปช่วงหนึ่งยังกลับมามีกระแสได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเด็กรุ่นใหม่ (Gen Z) ที่ให้ความสนใจ อีกทั้งเด็กรุ่นนี้โตมาพร้อมกับ Tiktok และ Instagram ทำให้สามารถมองหาแบรนด์ใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ บวกกับความต้องการที่จะแตกต่าง ไม่เหมือนใครของเด็กรุ่นนี้ ทำให้อาจมองข้ามแบรนด์อย่าง Supreme ไป และเลือกที่จะหันไปใส่ Human Made หรือ Fear Of God Essentials แทน แถมตอนนี้แฟชั่นยังไม่ได้มีแค่ Streetwear ที่บูมอีกต่อไป เพราะทุกคนเริ่มมีสไตล์เป็นของตัวเอง แบรนด์สตรีทแวร์อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรก ๆ ของพวกเขาอีกต่อไป นี่เป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า Supreme กำลังหมดมนต์ขลัง และจะตายลงในไม่ช้า

แม้กระแสลดลง แต่ความเก๋ายังเหมือนเดิม

แน่นอนว่าแบรนด์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะถึงแม้คนจะพูดถึงการคอลแลบของ Supreme ว่ามันดูน่าเบื่อ จำเจ มีแต่อะไรเดิม ๆ แต่ Supreme ก็ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าพวกเขายังมีความเก๋าอยู่ เพราะเมื่อปีที่แล้วพวกเขาได้ร่วมคอลแลบกับแบรนด์ดัง ทั้ง Martine Rose , Corteiz รวมไปถึงได้ศิลปินชื่อดังอย่าง Tyler, The Creator มาอยู่บนเสื้อ Photo Tee ในคอลเลกชัน Fall/Winter 2024 ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กลับมาอีกครั้ง เพราะเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ปล่อยรูปการร่วมมืออกไป โปสเตอร์ที่แปะเพื่อโปรโมทตามกำแพง ก็ถูกขโมยออกไปเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปขายรีเซลกันยกใหญ่ และในปี 2025 นี้ยังได้ Playboi Carti มาอยู่บนเสื้อ Photo Tee ในคอล Fall/Winter 2025 อีก เป็นสิ่งที่ตอกย้ำความเจ๋งของ Supreme ที่ยังไม่หายไป เพราะถึงแม้กระแสของแบรนด์จะไม่ไฮป์เท่าเดิม แต่ก็ยังเป็น ‘King Of Streetwear’ อยู่เหมือนเดิม ยังคงมีแฟนรุ่นเก่าที่ยังรักความเป็น Supreme อยู่เสมอ ถึงแม้อาจจะดึงดูดคนใหม่ ๆ ให้เข้ามาไม่ได้มากนัก แต่ยังไง Supreme ก็คือ Supreme อยู่วันยันค่ำ

และนี่คือเหตุผลทั้งหมดที่คนคิดว่า กำลังจะหมดยุคทองของ Supreme แล้ว แต่เราคงต้องรอดูกันต่อไปว่า Supreme จะแก้เกมทำให้ชื่อเสียงและเสน่ห์ของแบรนด์กลับมายังไง แล้ววัฐจักรของเทรนด์แฟชั่นจะใช้ได้จริงกับ Supreme ไหม หรือจะทำให้แบรนด์ ๆ นี้ค่อย ๆ หายไปจากวงการแฟชั่นทีละนิดกันแน่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่า Supreme จะสามารถกลับมาได้แน่นอน ดูจากคอลเลกชันที่รอปล่อยในปี 2025 นี้แล้วเรียกได้ว่าจัดเต็มสุด ๆ แล้วสาวก Supreme คิดเห็นยังไงกับประเด็นนี้บ้าง!
Source: Medium , UNLOCKMEN , Supreme