Soul4Street ได้รับเกียรติจากทาง Nike Thailand และ Nike South East Asia ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวรองเท้าในคอลเลคชั่นพิเศษที่ทาง Nike ได้ร่วมมือกับ Virgil Abloh กับคอลเลคชั่น The Ten ซึ่งเราได้มีโอกาศสัมภาษณ์ตัวศิลปินถึงเรื่องราวความเป็นมากับการออกแบบรองเท้าในรุ่นพิเศษครั้งนี้รวมทั้งเรื่องราวในวงการ Streetwear
ทางคุณ (Virgil) กับ Nike มีข้อตกลงในการเลือกโมเดลรองเท้ากันยังไง? ทาง Nike ต้องเห็นชอบด้วยมั้ย? หรือว่าคุณแค่เลือกของคุณมาเอง?
Virgil: มันก็มีบทสนทนาที่ผมคุยกับทาง Nike เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ คุณลองนึกดูสิว่าฤดูกาลนึง Nike ทำรองเท้าออกมากี่รุ่น ดูแค่จากประวัติศาสตร์ของแบรนด์นะ Nike ได้ทำรองเท้ามาแล้ว ถ้าแค่พูดกันคร่าวๆก็นับเป็นร้อย เป็นพันรุ่น ซึ่งในประวัติศาสตร์นี้แหละ มีรองเท้าอยู่ 10 รุ่น แต่ที่จริงก็มากกว่านั้นแหละนะ ที่โดดเด่นกว่าเพื่อน Air Force 1 เป็นอะไรที่โดดเด่น Air Jordan 1 นั้นยิ่งกว่าโดดเด่นซะอีก นี่แหละคือความขลังของโปรเจ็คต์นี้ พวกเขา (ทาง Nike) มองไปในแคตตาล็อกของพวกเขา จนเจอ 10 รุ่นที่ว่า โดยตั้งเป้าว่าจะ “ชุบชีวิตใหม่” ให้กับพวกมัน พร้อมกับแอดไฮไลท์ของแบรนด์ และนำเสนอมันในเชิง 10 นวัตกรรมจากอดีต ตรงนั้นแหละเป็นจุดที่ผมพูดว่า “Let’s do this” ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำลายอาชีพไปเลยก็ได้ ลองนึกดูสิ ถ้าเกิดว่า 8 คู่ดันออกมาเจ๋ง แต่อีก 2 คู่ดันออกมาแย่ ผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ มันก็คงไม่มีงานแถลงข่าว ไม่มีทัวร์เกี่ยวกับรองเท้าทั้ง 10 คู่
มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จมาอยู่แล้ว ผมไม่เรียกตัวเองว่าดีไซน์เนอร์ในงานนี้ เพราะผมยังไม่ใช่ ผมยังไม่ได้คาดหวังไปถึงระดับว่าเป็น Sneaker Designer งานนี้มันเป็นแค่ฉากแรกของผม ผมยังไม่เพ้อถึงขนาดว่าจะต้องมีชื่อในวงการ Sneakers หรอกนะ งานนี้มันคืองาน Collaboration ที่แท้จริง “ผม” คอลแลปกับเหล่าดีไซน์เนอร์ที่สรรค์สร้างสุดยอดรองเท้าพวกนี้ แน่นอนรวมถึงทาง Nike ด้วย
ในมุมมองของ Designer, Form (รูปแบบ) และ Function (การใช้งาน) คุณหาจุดสมดุลตรงนั้นยังไง?
Virgil: ผมไม่เน้นฟังก์ชั่นหรอกนะ (ขำ) ความทุ่มเทของผมต่อดีไซน์นั้นอยู่ในคอนเซ็ปต์แบบ Post-modern มันเป็นเรื่องของสไตล์ ซึ่งนั่นแหละคือ Streetwear นั่นแหละคือ Hip-hop ผมไม่ได้ต้องการทำอะไรที่เน้นใช้งาน สิ่งที่ผมอยากทำคืออะไรสิ่งที่สำคัญต่อวงการสตรีท ทุกวันนี้ผมไม่ได้เล่นบาสแล้ว แต่ว่าผมก็ไม่ได้จะลดค่าความสำคัญของวัฒนธรรมรองเท้าบาสที่ยิ่งใหญ่ ไอเดียของผมคือการใส่ข้อความไปนิดหน่อย, ใส่โลโก้ Air, เลือกโทนสีที่ใช่ เพื่อที่จะให้มัน Perfect สำหรับสตรีท ลองมองไปที่พวก Dover street market สิ มีผลงานมากมายในนั้น จากดีไซน์เนอร์หลายคน เล่าถึงเรื่องราวการผสมผสาน ระหว่างวงการกีฬา และวงการแฟชั่น ผมก็เป็นแค่อีกคนนึงที่อยากจะสร้างเรื่องราวบทใหม่, ความสวยงามรูปแบบใหม่ให้กับวงการ ซึ่งไม่
เกี่ยวกับการสร้างรองเท้าบาสที่ดีขึ้น รองเท้าพวกนี้เกิดมาตั้งแต่ยุค 80 นู่นแล้วนะ นั่นแหละเหตุผล ที่ผมเลยได้ใส่ปีผลิตลงไปไงล่ะ
จุดที่ชื่นชอบเป็นพิเศษเกี่ยวกับโปรเจ็กต์
Virgil: ที่ผมชอบเลยคือตอนที่ Roger Federer ใส่ Air Jordan 1 ของผมไปตีเทนนิส ไอ้การที่เขียนลงไปในรองเท้านี่แหละ คือประเด็นใหม่ของการเล่าเรื่องเลย เป็นรูปแบบใหม่ของการสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวเอง ไม่แน่นะ ในวงการกีฬาอีก 10 ปีข้างหน้า พวกผู้เล่นกีฬาระดับแนวหน้าอาจจะเริ่มเขียนอะไรลงไปในรองเท้า เพื่อสร้างสไตล์ที่เป็นตัวเองขณะลงเล่นด้วยก็ได้ ทำให้คำว่าไลฟ์สไตล์ ที่ปกติจะถูกจำกัดไว้นอกสนาม กลายเป็นมาอยู่ในสนาม และอาจจะส่งผลต่อการเล่นของพวกเขาก็ได้ ถ้าพวกเขารู้สึกมั่นใจขึ้นซักหน่อย พวกเขาก็อาจจะเล่นได้ดีขึ้นใช่มั้ยล่ะ!? อะไรประมาณนั้นแหละ
แรงบันดาลใจในการมาเป็นดีไซน์เนอร์?
Virgil: พวกดีไซน์เนอร์ดูเหมือนเขาจะสนุกกันดีอ่ะ ตอนนั้ผมกำลังอยู่ในช่วงหางาน ตอนแรกผมก็คิดแหละว่าผมไม่ได้อยากจะทำอะไรที่มันสนุกหรอก เพราะชิวิตมันก็งี้ คุณทำในสิ่งที่คุณไม่ได้อยากทำ และคุณก็จะเริ่มเห็นจุดสมดุล ผมมีความชอบในการเป็น DJ, ผมชอบดูกีฬาด้วย ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะเป็นดีไซน์เนอร์ที่ DJ ไปด้วย แล้วก็ทำอะไรไปเรื่อย ผมนึกถึงภาพตอนที่ผมไปซื้อ Jordan หรือ Air Max 90 ผมก็รู้สึกว่า “เฮ้ย ผมอยากจะไปเป็นเด็กฝึกที่ได้นั่งอยู่ในห้องนั้นอ่ะ ห้องที่พวกเขาคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ผมจะเข้าไปได้ยังไงนะ?” เพราะว่ากว่าจะเป็นผลงานระดับตำนานพวกนั้น มันก็ต้องมีคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังจริงๆ ผมอินกับอารมณ์นั้นมาก และมันก็กลายเป็นเป้าหมายของผม
ลองคิดดูสิ การจะได้ไปเสนอโปรเจ็กต์ให้กับ Nike นี่มันเหมือนเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยนะ มันเหลือเชื่อมาก แต่ผมก็มีวิธีของผม และเป็นวิธีที่ผมสนับสนุนให้คนอื่นทำด้วย อย่าพยายามไปในที่ๆคุณอยากจะทำงาน คุณต้องทำอะไรซักอย่างที่ทำให้พวกเขาเห็นค่าในตัวคุณต่างหาก และพอถึงฉากที่ต้องคุยกันมันก็จะง่ายเอง ผมออกแบบเสื้อยืด, ผมสร้างสรรค์วิธีคิดใหม่ๆ และสุดท้ายพอผมไปคุยกับ Nike ผมก็พูดแค่ประมาณว่า “อยากทำรองเท้ามั้ยล่ะ? ผมมี 10 ไอเดีย”
อยากให้พูดถึง OFF-WHITE ตอนนี้หน่อย
Virgil: ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกครับ ตอนนี้ผมคิดว่ากระแสกำลังไปเร็วขึ้น คุณต้องมีมุมมองและคุณต้องมีแรงบันดาลใจ ซึ่งผมมีทั้งสองอย่างแหละ ปีนี้มันเหมือนเป็นแค่ปีก่อตั้ง OFF-WHITE ยังถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่อยู่สำหรับวงการ เพราะผมเองก็มีภาษาของผม มีการพัฒนาอยู่ตลอด มีการสร้างสรรค์อะไรที่น่าสนใจให้คนพูดถึง