ชายผู้หนึ่งที่เคยโดนข้อหาคราฟท์เบียร์ผิดกฎหมาย ชายผู้หนึ่งมีความคิดที่แตกต่างจากคนรุ่นเก่า ชายผู้มีความบ้าที่กล้าท้าทายลงสมัครชิงตำแหน่ง ส.ส. โดยเลือกเจาะจงขอลงเขตที่เป็นฐานเสียงหลักเก่าแก่ของพรรคการเมืองใหญ่ย่านสามเสน ก่อนที่จะชนะการเลือกตั้งแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ด้วยการทุ่มเทลงพื้นที่หาชาวบ้าน เดินเท้า ปั่นจักรยาน ไถสเก็ตบอร์ด โดยไม่มีขบวนแห่บนรถกระบะแบบสมัยโบราณ จนได้ชื่อว่าเป็น ส.ส. ที่เข้าถึงหัวใจของชาวบ้านได้มากคนหนึ่ง เขาคือ “ส.ส. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร” จากนักกฎหมายหนุ่มแห่งธรรมศาสตร์ ก่อนมาเป็นทนายความและเบื่อโลกจนไปเป็นมัคคุเทศก์และครูสอนภาษาอังกฤษสุดท้ายต้องการหาตัวเองจนไปอยู่เกาะเป็นครูสอนดำน้ำเจอโลกกว้างมากมาย
ในวันที่เราเจอท่าน ส.ส.ภาพในหัวคือต้องขับรถมาพร้อมกับทีมงานหลายสิบคนแน่ๆ แต่ผิดถนัดท่านมาพร้อมกับการเดินมือถือสเก็ตบอร์ดและไถมาหาพวกเราทันที หลังจากนั้นไม่นานก็มีทีมงานปั่นจักยานตามมาอีกสามคัน ทำให้พวกเราคิดไปถึงการหาเสียงของ ส.ส.ในต่างประเทศ ที่พวกเราพบเจอตอนที่พวกเราไปเรียนกันที่เมืองนอกไม่มีผิด แม่งเจ๋งว่ะ!!! กูไม่เคยเห็น ส.ส. ประเทศเราไถสเก็ตมาก่อน (ทีมงานของเราอุทานเสียงดังด้วยความประทับใจ ทำให้เราอยากคุยกับเขามากขึ้นอีก วันนี้เรามาทำความรู้จัก ส.ส. รุ่นใหม่คนนี้กัน)
ทำไมอยู่ดีๆถึงมาลง ส.ส. ทั้งๆที่ตอนแรกคราฟท์เบียร์?
คือตอนที่คราฟท์เบียร์เราไม่สามารถทำในประเทศไทยได้ เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่ถูกกฎหมาย ทำให้โดนเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอย่างที่เคยเป็นข่าวดังไป หลังจากนั้นเลยมานั่งคิดว่าทำยังไงถึงจะทำได้ ก็คือต้องมีการแก้กฎหมาย และถ้าถามว่าใครที่สามารถเปลี่ยนกฎหมายได้ก็คือ ส.ส. ก็เลยมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ นี่ก็คือทางของมันที่เราต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย จะทำอะไรให้มันถูกก็ต้องไปว่ากันในสภาซึ่งเป็นพื้นที่ที่ ส.ส. สามารถพูดแทนประชาชนได้ที่นั่นคือเวทีของเรา รวมทั้งนโยบายของพรรคก็ตรงกับความคิดของเราซึ่งเป็นความคิดของคนยุคใหม่ด้วย
มีใครมาชวนพี่ไปอยู่พรรคอนาคตใหม่หรือเปล่า?
คนที่ชวนหรอ ไม่มีนะ มีแต่ลูกค้าประจำที่ร้านตอนนั้นเปิดร้านด้วย เราก็นั่งคุยกันเขาก็บอกว่าลองไปดู ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ตอนนั้นจัดเป็นแค่เวทีเสวนาของคนรุ่นใหม่ ก็ลองไปดู จนมีทีมงานของพรรคมาชวนเลยได้ร่วมก่อตั้งพรรคตั้งแต่วันแรก ตอนแรกยังไม่ค่อยมีสมาชิกพรรคสักเท่าไหร่ เพราะเป็นพรรคใหม่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก จึงเริ่มทำนโยบายและกิจกรรมของพรรค
ถ้าได้เข้าไปในสภาแล้วคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง?
ณ เวลานี้ในบทบาทหน้าที่การเป็น สส.แล้วในเวลานี้ ผมคิดว่าผมเป็น สส.ที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด เวลาลงพื้นที่จะได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบด้วยตัวเองเสมอ และจะเอาปัญหาที่เกิดขึ้นไปประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งปกติแล้วเราลงพื้นที่มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรควันแรกจนถึงวันนี้ที่ได้เป็น สส.แล้ว เราก็ยังลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ขี่จักรยาน เดิน รวมถึงไถสเกตบอร์ดบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้รู้สึกว่าเราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ง่าย และพร้อมช่วยเหลือแก้ปัญหาให้ประชาชนจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมเจอเคสหนึ่ง เขาหมดความหวังแล้วจากการไปร้องเรียนที่สำนักงานเขตแต่ไม่มีความคืบหน้า เขามาเจอเราแล้วบอกปัญหาให้เรารู้ เราก็รับเรื่องและช่วยเหลือต่อ ซึ่งเรามีสิทธิ์มีเสียงที่ดังกว่าด้วยความที่เราเป็น สส.
เราจะนำความทันสมัยมาช่วยเหลือประชาชนอย่างไรบ้าง?
แน่นอนว่าแต่ล่ะเขตมีประชากร 200,000 คนขึ้นไป ซึ่งทำให้มีปัญหาที่อาจจะดูแลประชากรในพื้นที่ไม่ทั่วถึง เราจึงมีนโยบายรับเรื่องร้องเรียนผ่านทางออนไลน์โดยใช้ Social media เช่นการใช้ Line@ ในการรับเรื่องร้องเรียน พอเราทราบเรื่องเราก็ลงพื้นที่ พอประชาชนเห็นเราเขาก็อุ่นใจที่เราลงไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นแบบนี้และเขาไม่คิดว่าจะได้พบเจอ สส. ความจริงแล้ว สส.เป็นผู้แทนราษฎร และตอนนี้เราได้สร้างมาตรฐานการเป็น สส. เอาไว้แล้วต่อไปใครที่จะมาเป็น สส.ต่อจากนี้ ก็ต้องทำให้ได้มาตรฐานที่ดีกว่าเรา หรือใครจะเอาโมเดลเราไปใช้ก็ได้ นี่แหล่ะคือภาพ สส.ที่ควรจะเป็น การเมืองไทยถึงจะดีขึ้น การที่เราทำแบบนี้มันได้ทำลายระบบการซื้อเสียงในอดีต
ตอนลงสมัครโดนคนดูถูกไหม?
ก็มีบ้างนะครับ เพราะเราก็อายุแค่ 30 กว่าๆซึ่งถือว่ายังเด็กและไม่ใครรู้จักในวงการการเมือง แถมไม่มีต้นทุนอะไร ซึ่งทุกคนน่าจะคิดว่าการที่มาเล่นการเมืองจะต้องเป็นลูกใครสักคนที่มีชื่อและมีฐานะ หรือชายวัยกลางคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้ว แต่ตอนนี้เรามาลงได้เพราะพรรคนี้เปิดโอกาสให้ทุกคน เพราะที่ผ่านมาทุกคนในวัยเราจะรู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าคนธรรมดาก็สามารถเป็น สส.ได้ และพรรคอนาคตใหม่ได้ชูประเด็นตรงนี้
จากการลงพื้นที่แล้วแต่เดิมเป็นพื้นที่ของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งที่ฐานเสียงเหนียวแน่นมาหลายสิบปี แต่เราลงพื้นที่ตลอดไม่เคยหยุด ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราก็ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้ว ในบางครั้งก็มีความรู้สึกท้อแท้ เพราะเวลาลงพื้นที่ก็จะเห็นป้ายผู้สมัครของพรรคการเมืองใหญ่หรือแม้แต่ถังขยะก็จะมีชื่อของ สส.พรรคใหญ่พรรคนั้น ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าเราคงไม่ชนะหรอก แต่นี่คือความคิดของผมเองที่บอกกับทางพรรคว่าขอลงพื้นที่ที่เป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง เพราะเราไม่หวังว่าเราจะได้ แต่เราขอทำอะไรบ้าๆเพราะมีความท้าทายดี
หลังจากที่เป็น สส.แล้วสิ่งแรกที่จะทำคือ?
อันดับแรกคือแก้ไขปัญหาต่างๆของพื้นที่รับผิดชอบของประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ โดยที่เราจะไม่ทำเหมือน สส.แบบเก่าที่ชี้นิ้วสั่ง แต่เราจะใช้วิธีการแก้ปัญหาร่วมกันเพราะเรามองว่าทุกคน หรือแม้แต่ข้าราชการก็คือคนเท่าเทียมกัน เขาก็มีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชนเหมือนๆกัน เพราะการเป็น สส. คือการแก้ปัญหาของประชาชน ถ้าทำไม่ดีครั้งหน้าก็สอบตก ส่วนเรื่องที่อยากจะทำตามมาอีกอย่างเลยคือการเปิดให้คราฟท์เบียร์อย่างถูกกฎหมาย เพราะคนทุกคนสามารถทำได้แต่ปัจจุบันเบียร์เป็นของบริษัทใหญ่ๆเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วในต่างประเทศเขาเปิดให้ประชาชนสามารถคราฟท์เบียร์ได้จนมีแบรนด์ดีๆ เบียร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ จนเป็นสินค้าส่งออกได้เลย อีกอย่างตอนเราเป็นประชาชนคนธรรมดา เราเห็นอะไรที่ไม่ดีหรือมีปัญหาไม่เคยเห็น ส.ส. มารับรู้หรือแก้ปัญหาให้อะไรเลย เราเลยมีความคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสเราจะต้องลงไปช่วยแก้ปัญหาหรืออย่างน้อยก็ไปรับฟังประชาชน เราไม่อยากทำให้คนที่เลือกเราเสียใจอย่างที่เราเคยเสียใจ
ในฐานะที่เป็นตัวแทนของพรรคของคนรุ่นใหม่ อยากจะพัฒนาอะไรให้เจริญและทันสมัยของบ้านเมืองของเราบ้าง?
แน่นอนถ้าเรามีโอกาศเราพัฒนาแน่ เรามองคนละมุมกับนักการเมืองยุคเก่าโดยสิ้นเชิง เราเห็นความเจริญของเมืองใหญ่ในต่างประเทศเราก็อยากจะพัฒนาบ้านเราบ้าง จะไม่เอาแล้วเรื่องการทำฟุตบาททุบแล้วสร้างใหม่ไม่รู้จบ ไม่เอาแล้วเอางบประมานมาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน Facility ไม่ดีเอาเลย การขนส่งสาธารณะ การใช้รถใช้ถนน เลนจักรยาน ทางเท้า เสาไฟเกะกะ ใต้ทางด่วนเป็นที่ว่างเปล่าหรือลานกีฬาที่ไม่ได้รับการดูแลเยาวชนและชาวบ้านไม่มีพื้นที่เล่นกีฬา และการจัดระเบียบต่างๆก็แย่ เราเคยเล่นสเก็ตบอร์ดมาก่อนเราก็อยากมีพื้นที่ดีๆ สำหรับรองรับกีฬาอีกประเภทที่วัยรุ่นสนใจแบบต่างประเทศที่เขามี การศึกษา การคมนาคม การลงทุนเศรษฐกิจ จะต้องไม่มีการผูกขาดของบริษัทใหญ่ ทุกอย่างต้องกระจายสู่วงกว้าง เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้รวมทั้งใช้งบแบบคุ้มค่าต่อประชาชน ยกตัวอย่างลานสเก็ต ลานกีฬาใต้ทางด่วน ผู้ใหญ่รุ่นเก่ามองว่าจะเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่งคุณไม่ลงมาดูเด็กเขาเล่น เขาออกกำลังกายกันก็ตีราคาไปแล้วว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ดี ซึ่งเราสามารถพัฒนาสถานที่ให้มันดูน่าใช้ของชุมชน มีคนในชุมชนนั้นช่วยกันดูแลทรัพย์สินสาธารณะของพวกเขา ซึ่งมันทำได้ แต่น้อยมากที่ผู้ใหญ่จะดูแล
อยากเห็นอะไรต่อจากนี้ของบ้านเมือง?
ใจเราคนไทยทุกคนแหละอยากเห็นบ้านเมืองเจริญ แต่ที่แน่ๆเราและพรรคอยากสร้างมาตฐานการเมืองของประเทศเราให้สูง อยากเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นใหม่ที่จะตามหลังรุ่นเราขึ้นมา ให้เขาเห็นว่าเราคือตัวอย่างที่ดีของพวกเขาอยากให้พวกเขายึดเป็นแนวทางต่อไป เพราะคนรุ่นใหม่ย่อมเก่งกว่าคนรุ่นเก่าแน่นอน เราต้องรับฟังและปลูกฝังคนรุ่นใหม่เห็นเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม ถ้าคนรุ่นใหม่ไม่เก่งกว่าโลกมันคงไม่เจริญจนถึงทุกวันนี้ แต่เราต้องทำให้คนรุ่นเก่ายอมรับเราให้ได้ ถ้าคนรุ่นใหม่มีความคิดที่ดี ทำสิ่งดีๆ บ้านเมืองจะเจริญไปข้างหน้าเองโดยอัตโนมัติ
คิดว่าเมื่อเข้าสู่สภาแล้ว คนรุ่นเก่าจะเปิดรับอะไรใหม่ๆมั๊ย?
ผมคิดว่าไม่ เพราะพวกเขาเข้ามาในสภาด้วยวิธีเก่าๆ แต่เราก็ยอมรับนะว่าไม่ใช่วิธีเก่ามันไม่ดีไปซะหมด อันไหนดีเราต้องยอมรับ แต่คุณจะมาห้ามความคิดหรือวิธีการใหม่ๆไม่ได้แล้ว คุณจะมาห้ามหรือปิดกั้นทุกอย่างไม่ได้แล้ว อย่างคนจะแต่งเพลงแร็พปด่าการเมือง คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามแล้ว เพราะมันเสียงสะท้อนของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองสามารถพัฒนาได้จากแรงเสียดทานและเสียงสะท้อนจากสังคม ทุกอยางมันต้องมีการพัฒนา มีการแข่งขันแบบใหม่ๆ เพราะถ้าทำอะไรแบบเดิมไม่ทันยุค คุณจะไม่ทันโลกเลยและสุดท้ายก็จะหมดยุคของเขาไป
อยากบอกอะไรกับคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศไทยต่อไป?
ผมก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับพวกเราทุกคน แต่ที่มีโอกาสมาอยู่ตรงนี้ได้ผมว่ามาจากความทุ่มเท่ ตั้งใจ อดทน เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและแก้ไข คนรุ่นใหม่ต้องเปิดรับอะไรใหม่ๆและนำมาพัฒนา
สุดท้ายคิดว่าประเทศไทยจะไปต่อได้มั๊ย?
มันไปต่อได้แน่นอนมันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ มันอาจจะมีดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ยังไงมันต้องเดินหน้า อยู่ที่พวกเราด้วยละที่ต้องช่วยกันทุกคน