Old Money Aesthetics ความคลาสสิกตลอดกาลในแบรนด์อเมริกัน

หลังจากที่เราเคยเขียนถึง Old Money Style ไปเมื่อ 2 ปีก่อน (https://soul4street.com/มาทำความรู้จักกับ-old-money-style-แฟช/) กระแสของคำว่า “ผู้ดีเก่า” ได้กลายเป็นไวรัลมากยิ่งขึ้นในปี 2024 ต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ 2025 ที่ “Quiet Luxury” ยังคงเป็นเทรนด์ที่หลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ยืนหยัดในคอนเซปต์นี้อยู่

อย่างที่เราเคยกล่าวไป Old Money ที่แท้จริงนั้น ไม่ได้วัดกันที่การแต่งกายเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าคุณอยากแต่งตัวแบบ “ผู้ดีเก่า” อยากเข้าถึงความคลาสสิก (Classic) มองหาเสื้อผ้าที่ไม่ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนผ่านไปแค่ไหน ไอเทมเหล่านี้จะยังคงอยู่เหนือกาลเวลา (Timeless) วันนี้เรามี 4 แบรนด์จากสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับแฟชั่นมากมาย มาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน

Brooks Brothers

แบรนด์อเมริกันที่มีประวัติศาสตร์เดียวกับการสร้างความยิ่งใหญ่ของประเทศอเมริกา ก่อตั้งในปี 1818 โดย Henry Sands Brooks ชายชาวอเมริกันผู้หลงใหลในการตัดเย็บเสื้อผ้า เริ่มแรกใช้ชื่อร้านว่า “H. & D.H. Brooks & Co.” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อโดยลูกชายที่รับมรดกตกทอดไป กลายเป็นชื่ออย่างในปัจจุบัน

แบรนด์ที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา

Abraham Lincoln

ที่เกริ่นไว้ว่ามีประวัติศาสตร์เดียวกับการสร้างความยิ่งใหญ่ของประเทศอเมริกา มาจากข้อมูลที่ว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง 40 จาก 45 คน เคยสวมใส่เสื้อผ้าของ Brooks Brothers ในวาระสำคัญหรือแม้กระทั่งการใส่ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น John F. Kennedy เลือกสวมสูท 2 กระดุมของแบรนด์ในพิธีเข้ารับตำแหน่ง, Barack Obama สวมเสื้อโคตยาวและผ้าพันคอแคชเมียร์ในพิธีเข้ารับตำแหน่ง

John F. Kennedy
Donald Trump & Barack Obama

ไอเทมหลักคงหนีไม่พ้นเสื้อเชิ้ต “OCBD” (Oxford Cloth Button Down) เสื้อเชิ้ตที่ทุกคนควรมีติดตู้ สะท้อนความเป็นสุภาพบุรุษอเมริกันสุดคลาสสิก นอกจากนี้ยังมีเสื้อสูท เสื้อโคต และเนกไท ที่ได้รับความนิยมและครองตลาด ณ เวลานั้น นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ งานฝีมือที่ตัดเย็บอย่างประณีต จนครองใจชาวอเมริกันกว่าหลายทศวรรษ

Celebrating 125 Years of the Brooks Brothers Button-Down Collar Shirt (2025)

Brooks Brothers ไม่ใช่แค่เพียงเสื้อผ้า แต่เปรียบเสมือนกับมรดกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์แฟชั่นอเมริกัน จนสามารถขยายไปทั่วโลก และสร้างมาตรฐานให้กับวงการแฟชั่นของผู้ชายเลยทีเดียว ถ้าคุณอยากจะดูเหมือน “ผู้ดีเก่า” แบรนด์นี้ก็ตอบโจทย์ตั้งแต่ปีก่อตั้งแล้ว

Ralph Lauren

แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ก่อตั้งโดย Ralph Lauren (ชื่อเดิม Ralph Rueben Lifshitz) ในปี 1967 แต่รู้หรือไม่ กว่าจะก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นแบรนด์ดังระดับโลก เขาเคยทำงานตำแหน่งพนักงานขายที่ Brooks Brothers มาก่อน ซึ่งเป็นพาร์ทสำคัญที่ทำให้เขาได้เรียนรู้สไตล์ Americana และเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวงการเสื้อผ้าบุรุษ

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือการทำงานเป็นพนักงานขายที่บริษัทผลิตเนกไท Beau Brummell เขาไม่เพียงแค่เป็นพนักงานขายธรรมดา แต่เขาได้เสนอไอเดียและวิสัยทัศน์ของตัวเองเกี่ยวกับตลาดเนกไทในตอนนั้น จนได้รับโอกาสออกแบบเนกไทอย่างที่เขาต้องการ ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้บริษัทผิดหวัง เนกไทที่เขาทำได้รับความนิยม และสร้างชื่อเสียงให้กับราล์ฟ

จากเซลส์แมนธรรมดาสู่ผู้ก่อตั้งอาณาจักรแฟชั่น

ราล์ฟเริ่มต้นแบรนด์จากการกู้เงินทุนจากพี่ชายกว่า 50,000$ โดยแรกเริ่ม Ralph Lauren โฟกัสที่เนกไทเป็นอย่างแรก หลังจากที่กระแสของเนกไทนั้นดีมาก เขาได้งอกคอลเลกชันเสื้อผ้าผู้ชายเต็มรูปแบบในปี 1968 และสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับแบรนด์อเมริกันเรื่อยมา

ไอเทมซิกเนเจอร์คงหนีไม่พ้น เนกไท เสื้อโปโลสุดไอคอนิก เสื้อเชิ้ต หรือแม้แต่สเวตเตอร์ ขยายไปจนถึงการถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ผ่าน Ralph Lauren Home ที่เน้นไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตกแต่งบ้าน และแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Purple Label, Polo Sport, Double RL (RRL) ล้วนแต่ได้รับความนิยมทั้งสิ้น

Ralph Lauren SP25 at Wimbledon 2025

Ralph Lauren เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ทุกคนควรมีติดตู้ ย้ำว่าทุกคน! เพราะไม่ว่าคุณจะมีไอเทมไหน ก็สามารถจับแมตช์ได้กับทุกสไตล์ ไม่ใช่แค่ลุคคลาสสิกเท่านั้น นอกจากนี้สินค้ายังมีทั้งของใหม่มือหนึ่งผลิตปี 2025 หรือแม้กระทั่งมือสอง ของวินเทจ ที่มีให้เลือกอีกหลากหลายแบบ

Tiffany & Co.

นอกจากเสื้อผ้าแล้ว เครื่องประดับก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มลุคของคุณได้ เหมือนกับที่เราเคยพูดถึงไปว่า Old Money สไตล์ต้องเรียบง่าย ไม่ตะโกน แต่ดูหรูหราสมกับเป็นผู้ดี Tiffany & Co. ก็ตอบโจทย์นั้นทันที แบรนด์เครื่องประดับอเมริกันที่ก่อตั้งโดย Charles Lewis Tiffany และพาร์ทเนอร์ J.B. Young ในปี 1837 ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า Tiffany & Young เปิดเป็นร้านเครื่องเขียนและของกระจุ๊กกระจิ๊กเพียงเท่านั้น (fancy goods)

Charles Lewis Tiffany

หลังจากนั้นไม่นาน Charles Lewis Tiffany กลายเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Tiffany & Co. และปรับเปลี่ยนแนวทางเป็นขายเครื่องประดับในปี 1853

บริษัทเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในปี 1870 ชาร์ลส์ย้ายร้านไปยัง Union Square ซึ่งได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนชนชั้นสูงและผู้มีฐานะในนิวยอร์กอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แบรนด์ได้พัฒนาเอกลักษณ์ด้านการออกแบบ เริ่มมีชื่อเสียงในด้านเครื่องเงินสไตล์ Japonesque ที่ประณีตงดงาม และเครื่องประดับเพชรระยิบระยับ จนทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งเพชร”

*Japonesque Style: สไตล์การออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมในโลกตะวันตกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศ Tiffany & Co. เป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ ที่นำสไตล์นี้มาใช้กับเครื่องเงิน

Tiffany & Co. ได้รับความนิยมขยายไปในระดับโลกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แต่แบรนด์ได้ตอกย้ำความนิยมจนกลายเป็นหมุดหมายในฝันและเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จัก ผ่านภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s (1961) ถ่ายทำที่สาขาใหญ่บนถนน Fifth Avenue นอกจากสร้างชื่อให้กับแบรนด์แล้ว เรื่องนี้ยังสร้างชื่อให้กับนักแสดงหญิง Audrey Hepburn อีกด้วย

หลังจากรุ่งโรจน์และกลายเป็นแบรนด์ระดับท็อปของวงการเครื่องประดับยาวนานกว่าศตวรรษ ในปี 2021 เครือแบรนด์ลักชูอันดับ 1 ของโลกอย่าง LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) ได้เข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co. ซึ่งเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ที่ผสมผสานระหว่างมรดกอันยาวนานของอเมริกันกับความหรูหราในแบบยุโรป

The 97th Annual Academy Awards / Vanity Fair Oscar Party 2025

ไม่ว่าจะหยิบจับเครื่องประดับจาก Tiffany & Co. แบบไหนมาเติมเต็มลุคก็ไม่เคอะเขิน ด้วยคุณภาพและดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา ทำให้แบรนด์นี้ไม่ใช่แค่ร้านขายเครื่องประดับ แต่เป็นสิ่งสะท้อนถึงความหรูหรา ความเป็น “ผู้ดีเก่า” อย่างไม่ต้องสงสัย

The Row

มาถึงแบรนด์สุดท้ายต้องเล่นใหญ่ซะหน่อยกับ The Row แบรนด์ไฮ-เอนด์ที่เป็นยุคใหม่ของ Old Money และ Quiet Luxury อ่านแล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า แบรนด์ใหม่จะให้ Aesthetics ของความคลาสสิก ความอมตะได้ขนาดไหน แต่แบรนด์ของ Ashley Olsen และ Mary-Kate Olsen แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเธอสามารถทำได้ และทำออกมาดีมากเสียด้วย

Ashley Olsen & Mary-Kate Olsen

The Row ก่อตั้งในปี 2006 โดยปรัชญาหลักเลยคือ “Quiet Luxury” การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย โทนสีสบายตา โลโก้ไม่ตะโกน วัสดุที่เลือกใช้มีความพรีเมียมมากที่สุดที่พวกเขาจะหาได้ นอกจากนี้ยังเด่นเรื่องการตัดเย็บที่ไร้ที่ติ ราวกับคุณสั่งตัดเย็บแบบพิเศษทุกตัว

Womenswear & Menswear Spring 2023

แต่อีกหนึ่งสิ่งสำคัญของ The Row คือความขบถและต่อต้านต่อแนวทางการตลาดในยุค 2000s Ashley และ Mary-Kate จงใจไม่เอาตัวเองไปอยู่ในแสงของแบรนด์ ไม่สร้างภาพจำว่าพวกเธอเป็นเจ้าของ ไม่ค่อยออกสื่อและให้สัมภาษณ์สักเท่าไหร่ ทั้งที่พวกเธอเคยเป็นนักแสดงและมีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก

ไม่ต้องพึ่งชื่อเสียงหรือการตลาดใด ๆ แต่ให้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์คุณภาพด้วยตัวมันเอง

สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำความต้องการของพวกเธอที่อยากให้เสื้อผ้าทำงานด้วยตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งเซเลบหรือคนมีชื่อเสียงใด ๆ มีแต่เหล่าคนมีชื่อเสียงที่สนใจและเลือกใช้ไอเทมจาก The Row ด้วยตนเอง จนทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงมากขึ้น โดยคนที่ทำให้แบรนด์รู้จักเป็นวงกว้างคงหนีไม่พ้น Kendall Jenner แฟชั่นไอคอนแห่งยุคนี้

ไอเทมหลักของแบรนด์มีทั้ง Cashmere Knitwear ยอดฮิตที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวลเมื่อสัมผัสและรูปทรงคลาสสิก, Margaux Bag ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “Birkin ใบใหม่ของยุคนี้” กระเป๋าที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราแต่เรียบง่าย และไอเทมเบสิกในชีวิตประจำวันอย่าง เสื้อยืดสีขาว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ The Row

ความสำเร็จของ The Row เป็นเครื่องยืนยันถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่มีฐานะ สำหรับสินค้าที่สะท้อนถึงคุณค่าที่แท้จริง งานฝีมือ คลาสสิก และเหนือกาลเวลา ไม่ต่างจากแบรนด์ยุโรปที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน

จัดไปเต็มอิ่มสำหรับ 4 แบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ให้ Old Money Aesthetics ได้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่หรือแบรนด์ยุคใหม่ ก็ให้ความหรูหราแต่คลาสสิก ตรงสไตล์ “ผู้ดีเก่า” 100% นอกจากฝั่งเมกาแล้วยังมีแบรนด์ฝั่งยุโรปที่เป็นตัวเต็งด้านความ Timeless อีกเพียบ เพื่อน ๆ อ่านแล้วอยากได้พาร์ทต่อไป อย่าลืมทิ้งคอมเมนต์กันไว้นะครับ

Source: Brooks Brothers, Ralph Lauren, Tiffany & Co., The Row, VANITY FAIR, MAM-E, Vogue, Sotheby’s, GLAMOUR, USA TODAY, WWD, CR FASHION BOOK

Share:
On Key

Related Posts

บอมบ์งาน เส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพ หรือเป็นแค่การย่ำยีผลงานของผู้อื่น?

ถึงแม้กราฟฟิตี้จะกำเนิดขึ้นบนความต่อต้านอำนาจ และท้าทายระบบที่มีอยู่ในสังคม แต่สิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save