ถ้าพูดชื่อ Mark Ong บางคนก็อาจจะยังไม่คุ้น แต่ถ้าพูดว่า SBTG หรือ SABOTAGE ก็คงร้องอ๋อ นักคัสตอมยอดฝีมือชาวสิงคโปร์คนนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าดีกรีไม่ธรรมดา !
Mark Ong เป็นที่รู้จักในฉายา SBTG จากการเพ้นท์ หรือว่าคัสตอมรองเท้าอันเป็นเอกลักษณ์ หลังจากเร่ิมต้นด้วยการเพ้นท์รองเท้า Nike ขายออนไลน์ในปี 2002 เขาก็ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น (Kobe Bryant ก็แฟน SBTG !) และประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินคัสตอม และนักสะสมรองเท้าตัวยง
Mark ได้รับอิทธิพลและความหลงใหลในการวาดภาพมาจากพ่อของเขาที่เป็นจิตรกร ลวดลายที่โดดเด่นและเป็น Signature ของ SBTG ก็คือลายพรางเพ้นท์ด้วยมือ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากลวดลายของเครื่องแบบทหารภายใต้คอนเซ็ปต์อันล้ำลึก
และในวันนี้ Mark Ong ก็ได้กลับมาอีกครั้งในโปรเจ็กต์ “G-SHOCK x SBTG” ผลงานที่สามารถนำเอาสไตล์ของทั้งทาง SBTG และแบรนด์ G-SHOCK ออกได้อย่างโดดเด่น หลังจาก G-SHOCK DW-5600 ได้เปิดวางจำหน่ายไปในไทยแบบ Limited เพียง 300 เรือน ที่เจ้าของผลงานก็ให้เกียรติมาร่วมเปิดจาก ทำให้เราได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับ Mark Ong ความชื่นชอบใน และงาน Collaboration นี้ และนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกันกับเรื่องของสตรีทแฟชั่น
คุณ Mark Ong น่าจะเป็นแฟนของ G-SHOCK อยู่แล้ว อยากรู้ว่าคุณเริ่มสนใจ และกลายเป็นแฟนของ G-SHOCK ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
SBTG: ผมเป็นแฟนของ G-SHOCK มาตั้งแต่ช่วงประถม ตอนนั้นก็เป็นช่วงปี 1980s เด็กสมัยนั้นจะมีนาฬิกา CASIO กันทุกคน ผมก็มีนะแต่ว่าจริงๆคือทุกคนอยากได้ G-SHOCK แบบว่ามันเป็นเหมือนความเหนืออ่ะ ตอนนั้นผมสอบได้คะแนนดี คุณแม่ผมเลยซื้อ G-SHOCK ให้ มันเจ๋งมากเลยครับ ผมกลายเป็นเด็กเท่เลยตอนนั้น
นอกจากนั้นแล้ว มีอะไรแบบเจาะจงมั้ยที่ทำให้คุณตัดสินใจทำงานคอลแลปนี้ ?
SBTG: แน่นอนครับ ผมตัดสินใจทำเพราะว่าผมอินกับมัน ผมมีเรื่องราวที่ผูกพันกับ G-SHOCK 20 ปี ไม่สิ 30 ปีแล้วมั้งที่ผมใส่ G-SHOCK นานมากเลยนะ (หัวเราะ)
นี่ใช่ครั้งแรกรึเปล่ากับ G-SHOCK ?
SBTG: ผมเคยคอลแลปกับ CASIO มาก่อนในโปรเจ็กต์ทัวร์ “SHOCK THE WORLD” เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ว่ามันเป็นแค่อีเว้นท์โปรโมทเฉยๆ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นงานคอลแลปแบบจำหน่ายในสเกลใหญ่จริงๆ เพราะงั้นจะนับว่านี้เป็นครั้งแรกของผมกับ G-SHOCK ก็ได้นะ
มีอุปสรรคในการทำงานบ้างมั้ย? การดีไซน์แพทเทิร์นให้กับ Sneakers และนาฬิกานั้นเหมือน หรือต่างกันยังไงบ้าง ?
SBTG: มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนะ หลักๆมันก็คือการนำแพทเทิร์นลงไปบนพื้นผิว ประเด็นจริงๆมันก็คือการเลือกว่าพื้นผิวแบบไหน ที่อยากจะใส่ Pattern ลงไป สำหรับผมมันก็เหมือนกับการทำ Sneakers อ่ะแหละ ง่ายๆครับ
คอนเซ็ปต์ของงานคอลแลปล่ะ ?
SBTG: สาส์นที่อยากจะสื่อมันก็อยู่ในดีไซน์น่ะแหละ เราตัดสินใจใช้ลายพรางเสือดาวเพราะว่ามันสื่อถึงความเป็น “เอกลักษณ์” พอผมเพ้นท์มัน ผมจะรู้สึกได้ว่าแต่ละจุดมันแตกต่างกันหมด ซึ่งจุดนี้แหละที่นำเสนอถึงความต่างอย่างมีเอกลักษณ์
ทำไมต้อง DW-5600 ?
SBTG: การ Collaboration มันเป็นเหมือนบทสนทนาระหว่างศิลปินและแบรนด์อยู่แล้ว ปีนี้เราตัดสินใจกันว่าอยากจะผลักดันโมเดล DW-5600 ผมก็ชอบนะเพราะว่ามันมีความ Old School ตัวผมเองก็มาสาย Old School ประเภทแบบ Old School ทั้งตัวอยู่แล้ว มันก็เลยเป็นเหมือนแคนวาสที่น่าเพ้นท์มาก อีกอย่างคือที่ผมไม่ได้เลือกโมเดลตัวใหญ่ๆ ที่มีงานคอลแลปออกมาส่วนมากก็เพราะว่าผมอยากจะใช้โอกาสนี้ฉีกกรอบอะไรเดิมๆ เช่นนาฬิกาดูที่ใหญ่บนข้อมือ ผมอยากได้อะไรที่เล็กๆ เรียบๆ ซึ่งผมว่ามันดูทันสมัยกว่า
คนไทยส่วนมากรู้จักคุณและชื่อ SBTG มาจาก Nike SBTG ซึ่งเป็นงานคอลแลปขึ้นชื่อเมื่อ 11 ปีที่แล้ว คิดว่าแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงไหมตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ?
SBTG: เมื่อก่อนวัฒนธรรมสตรีทมักจะเกี่ยวข้องกับอะไรที่มัน “โคร่งๆ” (baggy) ถ้าพูดในเรื่องของโครงสร้างนะ ผมว่าอะไรๆมันดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ดีไซน์เนอร์สาย Streetwear หลายคนได้เข้าสู่วงการแฟชั่น และก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำเสื้อผ้ามากขึ้น ก่อนหน้านี้มันมักจะวนเวียนอยู่กับการ Mix & Match เสื้อผ้ากีฬาเป็นหลัก แต่เดี๋ยวนี้มันพัฒนาไปแล้ว พวกเขาเรียนรู้ที่จะตัดแต่ง Jogger Pants ให้เข้ารูปเข้าร่างมากขึ้น ผมรู้สึกว่าสมัยนี้อะไรๆมันเข้ารูปเข้าร่างมากขึ้นนะ
คุณมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับวัฒนธรรมแฟชั่นตะวันออก กับ แฟชั่นตะวันตก ?
SBTG: ที่ผ่านมาผมว่าสไตล์มันมีน้อยกว่าสมัยนี้นะ สมัยก่อนแฟชั่นส่วนมากก็จะมาจากนักสเก็ตบอร์ด พวกนักสเก็ตบอร์ดก็ได้กลายเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ พวกเขาได้กลายเป็นอะไรหลายๆอย่าง ระหว่างเอเชียและอเมริกานะ อเมริกามันมีอะไรที่เป็นต้นตำรับเยอะ หลายๆอย่างเริ่มต้นจากฝั่งนั้น พอสมัยนี้มันเหมือนว่ามีอะไรหลายๆอย่างที่ฝั่งเอเชียเป็นต้นกำเนิด และสร้างอิทธิพลให้ฝั่งตะวันตก ในอดีตฝั่งตะวันตกเป็นผู้บุกเบิก แต่เดี๋ยวนี้ฝั่งเอเชียก็เริ่มทำอะไรเจ๋งๆ ให้ตะวันตกเป็นผู้ตามบ้างแล้ว
https://www.instagram.com/p/BdxnQvwB-xA/?hl=th&taken-by=mr_sabotage
เห็นภาพใน Instagram ของคุณเหมือนมีการเปิดโรงเรียนสอนคัสตอม ? พูดอะไรให้เราฟังเกี่ยวกับตรงนี้หน่อย
SBTG: จริงๆมันเป็น Workshop ครับ พวกเราเริ่มทำตรงนี้กันมานานแล้ว เรารู้ว่าพอพวกเราเก่งแล้ว ก็เลยอยากจะเริ่มสอน เราอยากที่จะแบ่งปันทักษะของเราให้คนอื่น เพราะว่าแต่ละคนก็มีวิธีการนำเสนอที่ต่างกันออกไป และทักษะก็เป็นเรื่องจำเป็นที่จะนำเสนอมุมมองนั้น