หากคุณมีกระทำความหว่อง ผมก็มีกระทำความ JJJJound ย้อนกลับไปในยุค 2000 ที่บล็อกยังเป็นสิ่งเฟื่องฟูของโลกอินเตอร์เน็ต Justin R. Saunders ก็เป็นอีกคนที่เริ่มทำบล็อกเหมือนกับคนอื่น งานอดิเรกของเขาคือการท่องโลกอินเตอร์เน็ต เซฟรูปสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คลาสสิก รองเท้าหายาก ศิลปะ สถาปัตยกรรมต่าง ๆ นำมาอัปลงในบล็อกของตัวเอง โดยไม่มีแม้แต่คำอธิบายว่ารูปภาพเหล่านี้คืออะไร ไม่มีแม้แต่ตัวหนังสือ หรือแคปชัน ไม่ต่างจาก “digital mood board” ที่มีความ “aesthetic” ไม่เหมือนใคร
 
											บล็อกของเขาเกิดขึ้นในปี 2006 แต่ถือว่ามาก่อนกาล หน้าเว็บที่เต็มไปด้วยรูปภาพจำนวนหลายพันรูป จนกลายเป็นเหมือนคลังภาพขนาดใหญ่ที่สามารถเลื่อนลงได้เพียงอย่างเดียว (ยุคนั้นบล็อกเต็มไปด้วยตัวหนังสือและไม่นิยมเลื่อนลงขนาดนั้น) เสมือนกับหน้าฟีดของแพลตฟอร์มในปัจจุบันอย่าง Tumblr, Pinterest, Instagram
What is JJJJound?
ที่มาของชื่อนี้มาจาก FFFFound เว็บไซต์บุ๊กมาร์กรูปภาพสำหรับเหล่าผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2017 เว็บไซต์นี้ถือเป็นผู้บุกเบิกที่ดีไซน์เนอร์ใช้ในการบันทึกและแบ่งปันภาพในรูปแบบการเลื่อนดูแบบไม่มีที่สิ้นสุด
 
											JJJJound ถูกสร้างขึ้นโดยต่อยอดมาจากแนวคิดข้างต้น ซอนเดอร์สได้เปลี่ยนตัวอักษร ‘F’ เป็นตัวอักษร ‘J’ ซึ่งมาจากชื่อของเขา หลังจากเปิดบล็อกได้ไม่นาน JJJJound ก็มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังไม่มีตารางเวลาอัปเดตที่ตายตัว เขาตั้งใจให้คนคอยเข้ามาส่องเว็บอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ติดตาม รูปที่เขาคัดมาได้รับการยอมรับว่าเป็นรูปที่เทสดี จนต่อมากลายเป็นวลี “JJJJound-approved” ซึ่งคนต้นคิดวลีนี้คือ Kanye West (Ye) เป็นวลีบ่งชี้ว่าสินค้า สิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่ได้ผ่านการคัดสรรและเป็นที่ยอมรับโดย JJJJound นั้นเทสมันถึง #ของมันต้องมี การันตี 5 ดาว
 
											#BEENTRILL# > Bring Online to I.R.L.
แต่ JJJJound ไปเกี่ยวข้องกับ Ye ได้อย่างไร คงต้องย้อนความไปในช่วงปี 2010 ช่วงที่บล็อกของซอนเดอร์สกำลังบูม เขาได้รู้จักกับ Matt George หัวจ่ายสายสนีกเกอร์และสตรีทแวร์ของแคนาดา ซึ่งทำงานกับ Ye อยู่ก่อนแล้ว ซอนเดอร์สจับพัดจับผลูได้มาทำงานกับ Ye (DONDA Creative Agency) ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเมิชทัวร์ช่วงอัลบั้ม Yeezus และ The Life of Pablo ทำให้เขากลายเป็นเสาหลักของทีม Ye โดยไม่ได้เปิดเผยตัวตนอะไรนัก
 
											ระหว่างนั้นเขาก็ได้รับการติดต่อจาก Virgil Abloh ที่ชื่นชอบบล็อกของเขาเป็นพิเศษ เขาได้พูดคุยและรู้จักวงเพื่อนเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Heron Preston, Matthew Williams ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง #BEENTRILL# โดยมีสมาชิกหลักอีกสองคนคือ Florencia Galarza และ YWP (ชายนิรนามที่ไม่เผยตัวตน แต่จากหลายข้อมูลเขาก็คือ Kanye West นั่นเอง)













#BEENTRILL# (2012) ตั้งต้นจากเป็นกลุ่ม ‘Collective DJ’ ที่เปิดเพลงโดดเด่นไม่เหมือนใคร ก่อนจะเริ่มทำเมิชของกลุ่ม ซึ่งได้รับความสนใจในอินเตอร์เน็ตเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นแบรนด์สตรีทแวร์ในเวลาต่อมา จากกลุ่มเพื่อนที่เปิดเพลงสำหรับปาร์ตี้กันเอง เริ่มเป็นที่รู้จักจนได้ไปร่วมงานกับคนอื่นมากมาย เช่น Travis Scott ที่ร่วมกันออกแบบเสื้อลายคาโม ไอเทมไอคอนิกของกลุ่ม (ร่วมงานกันเสมือนกับทราวิสเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของกลุ่ม) ถึงขนาดจัดอีเวนต์ของพวกเขาเอง ที่ผสมผสานดนตรี ศิลปะ และแฟชั่นเข้าด้วยกัน อย่างที่ไม่เคยมีใครทำ








หลังจากนั้นไม่กี่ปีแต่ละคนก็แยกย้ายไปตามเส้นทาง Virgil Abloh กลายเป็นดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียงกับแบรนด์อย่าง Off-White และ Louis Vuitton / Matthew Williams เข้าไปทำงานกับ ALYX และรับตำแหน่ง Creative Director ของ Givenchy ในเวลาต่อมา / แต่ JJJJound ยังคงความเป็นตัวเองอยู่เหมือนเดิม เน้นความเป็นนิรนาม ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าตาเหมือนดีไซน์เนอร์คนอื่นในยุคนั้น นอกจากนี้ที่ DONDA ชื่อของซอนเดอร์สยังเกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่าง A.P.C. และ SSENSE ร้านรีเทลในเมือง Montreal บ้านเกิดของเขาเอง
ในช่วงเวลาคู่ขนานกับ #BEENTRILL# ตัวบล็อก JJJJound เองก็มีการวิวัฒนาการจากโลกออนไลน์ออกมาสู่ออฟไลน์เช่นกัน ซอนเดอร์สได้จัดนิทรรศการ “Correspondence” ตั้งอยู่ที่ HVW8 Gallery ในลอสแอนเจลิส คอนเซปต์คือภาพวาดจากอีเมลของซอนเดอร์สที่ส่งภาพ mood board ที่เหมือนกับในบล็อกถึง Claudio Marzano เพื่อนของเขา







นอกจากจะเป็นการแสดงเบื้องหลังของบล็อก JJJJound แล้ว ภายในงานยังมีของที่ระลึกอย่าง Canvas Tote Bag, T-Shirts ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าชิ้นแรกของเขา ทั้งสองพาร์ทของซอนเดอร์สได้ก้าวออกมาสู่โลกแห่งความจริง ซึ่งหลอมรวมให้เขาเริ่มทำแบรนด์ของตัวเองอย่างจริงจัง
The Transformation Through Collaborations
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำ Collaborations ต่าง ๆ ทำให้ JJJJound เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนกลายเป็นแบรนด์ที่ทำคอลแลบรองเท้ามากที่สุดแบรนด์นึงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Vans, Reebok และตัวชูโรงอย่าง New Balance ที่สามารถเขย่าวงการสนีกเกอร์อยู่หลายรุ่น ราคาไปไกลตั้งแต่เปิดตัว จนถึงตอนนี้ผ่านมาหลายปีราคายังคงขึ้นหิ้งอยู่
นอกจากการร่วมงานกับแบรนด์ Footwear ซอนเดอร์สยังทำงานกับแบรนด์ Apparel, Accessories มากมาย เทียนหอม แว่นตา จักรยาน กระเป๋า ไปจนถึงชุดเครื่องนอน พี่แกเก็บหมด ถ้าจะได้ฉายาว่าเจ้าพ่อคอลแลบอีกคนก็ถือว่าสมมงไม่แพ้แบรนด์อื่น
แม้ว่าเขาจะทำคอลแลบมากมาย แต่แนวทางการดีไซน์ของซอนเดอร์สยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปตามแบรนด์ที่ร่วมงานด้วย เขายังเน้นความน้อยแต่มาก ไม่โดดเด่นฉูดฉาด เพียงแต่เลือกใช้วัสดุและคู่สีที่ลงตัว โดยคู่สีประจำของเขาได้แก่ สีขาว สีดำ สีน้ำเงิน สีน้ำตาล สีเขียว ทั้งหมดจะเป็นสีโมโนโครมธรรมดา แต่มีการไล่เฉดที่แตกต่างกันไปตามวาระ จนสามารถตกเหล่า Sneakerhead ได้อย่างอยู่หมัด
JJJJound Apparel Collections
หลายคนคงเป็นแฟนรองเท้าคอลแลบของ JJJJound กันอยู่แล้ว แต่เราจะขอเจาะไปที่ไลน์เสื้อผ้าของแบรนด์ ซึ่งสะท้อนความ Minimal Aesthetics มากที่สุด ซอนเดอร์สเริ่มทำไอเทมชิ้นแรกอย่าง Tote Bag ในปี 2013 หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสื้อผ้า Esstentials สำหรับชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันแบรนด์แบ่งคอลเลกชันหลักออกเป็น 3 เซต ได้แก่ Black Core คอลเลกชันที่ทุกไอเทมจะเป็นสีดำทั้งหมด, Heritage Core คอลเลกชันที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้ายุค 50s – 00s, Seasonal Capsules คอลเลกชันที่แตกออกมาจากสองอันก่อนหน้า อย่างซีซันล่าสุด FW25 มีคอลเลกชันเพิ่มเติมคือ Greyscale เน้นไปที่สีเทาและชาโคล ส่วนคอลเลกชัน Earthtone จะเน้นไปที่สีน้ำตาล เขียว และลวดลาย Realtree Camo
JJJJ FW25 HERITAGE CORE










JJJJ FW25 BLACK CORE










JJJJ SEASONAL CAPSULES “SUMMER LOOKS”










เริ่มต้นจากบล็อกส่วนตัวของ Justin R. Saunders ตอนนี้แบรนด์ JJJJound เติบโตขึ้นจนมีพนักงานกว่า 27 คน (ข้อมูลจากสัมภาษณ์ GQ, 2023) แบรนด์ไม่ได้สำเร็จอย่างเปรี้ยงปร้าง ไม่ได้ไฮป์แบบที่ทุกคนต้องรู้จัก แต่ JJJJound นั้นเป็นมากกว่าบล็อก มากกว่าแบรนด์ เสมือนเป็นลัทธิหนึ่งที่มีผู้ติดตามอย่างเหนี่ยวแน่น ไม่ว่าจะเป็นช่วงแรกที่ทุกคนรอว่าเมื่อไหร่ซอนเดอร์สจะอัปรูปอีก หรือแม้กระทั่งรอคอลแลบเจ๋ง ๆ ที่เคยพลาดไปในครั้งก่อน
ซอนเดอร์สยังบอกอีกว่าความภูมิใจของ JJJJound คือการที่ลูกค้ามีความ Loyalty เป็นอย่างมาก พวกเขากลับมาซื้อสินค้าซ้ำและอัตราการคืนสินค้าต่ำ สะท้อนถึงสิ่งที่เรากล่าวไปข้างต้นเป็นอย่างดี แม้ว่าแบรนด์จะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในอินเตอร์เน็ตอยู่เสมอว่าเป็นแบรนด์ที่ “ขี้เกียจออกแบบ” “ดีไซน์มินิมอลแต่ราคาสวนทาง” ก็ตาม
เราไม่รู้ว่าว่าใครเป็นคนเริ่มวลี “กระทำความ JJJJound” ที่เอาไปแทนที่หนังหว่อง แต่เรารู้สึกว่าประโยคนี้มันลงตัวมาก มู้ดของหนัง หว่อง กาไว ที่มีความเหงา เศร้า หม่น สิ่งเหล่านี้กลายเป็น “aesthetic” ที่มาจากฝีมือของเขา ไม่ต่างจากความเรียบง่าย มินิมอล แต่บิดจากความธรรมดา 5 องศาที่เป็นเอกลักษณ์ของ JJJJound จนสาวกคลั่งไคล้ไม่แพ้กัน
 
								 
								 
								 
															












