ไปทำความรู้จักรองเท้าสุดล้ำ Nike Hyper Adapt 1.0 พร้อมบทสัมภาษณ์จากผู้คิดค้น

ถ้าเพื่อนๆชาว Soul4Street คนไหนที่เคยดูหนังเรื่อง Back to the Future มาก่อน จะต้องตื่นเต้นแน่ๆ เพราะถึงแม้ว่าราคา Nike MAG ทีเด็ดจากในหนังนั้น จะมีราคาสูง (มาก) จนมิอาจเอื้อม แต่ว่าทาง Nike ก็ไม่ปล่อยให้เทคโนโลยีสุดเฟี้ยวนั้นเป็นแค่ตำนานอยู่บนหิ้ง และได้ออกมาประกาศผลิตรองเท้ารุ่น Nike” Hyperadapt” ที่โดดเด่นในฐานะรองเท้าที่ “ผูกเชือกเองได้” ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน!

ช่วงแรก Nike Hyperadapt 1.0 ถูกปล่อยออกมาในโทนสีที่เรียบง่ายอย่าง Black/White-Blue Lagoon และ Black/White-Red Lagoon ซึ่งแค่นั้นก็ทำให้แฟนๆ Swoosh ใจสั่นกันได้ และเมื่อได้เห็นราคาเปิดตัวทีสูงถึง 720 ดอลล่าร์ หรือราวๆสองหมื่นกว่าบาท  ก็อาจจะมีอาการหน้าสั่นตามมาด้วย แต่ถ้าเทียบกับตลาดรองเท้าสมัยนี้ ราคา 720 ดอลล่าร์ก็ไม่ได้ถือว่าเว่อร์ไปนัก แลกกับเทคโนโลยีที่เป็นฝันวัยเด็กของใครหลายๆคน ก็อาจจะถือว่าคุ้ม

และเมื่อไม่นานมานี้ Nike ก็ได้ประกาศเพิ่มโทนสีใหม่ให้เจ้า Hyperadapt 1.0 ที่ว่า โดยจะประกอบไปด้วยลาย “Digi Camo” ที่มาในสีสันสดใสตัดกับ Sole สีขาว โดยถ้าเทียบกับโทนสีแรกที่ปล่อยออกมาล่ะก็ บอกได้เลยว่าอันนี้แสบ ถูกใจวัยรุ่นกว่ากันเยอะ! และที่มาชัวร์ๆไม่มั่วนิ่ม ก็คือเทคโนโลยี “MT2” ที่เป็นชื่อของเทคโนโลยีการฝังเซ็นเซอร์ และมอเตอร์จิ๋วที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบรัด และคลายเชือกด้วยตัวเอง เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น

https://www.instagram.com/p/Bb9Q9_PFTYG/

ถึงแม้ว่าจะยังไม่กำหนดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่ความ Hype ก็มาเต็มเปี่ยม ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในปีหน้านี้เราก็จะได้เห็น Nike Hyperadapt 1.0 โทนสีใหม่มาสร้างสีสันให้วงการ Sneakers แน่นอน และในบทความนี้ เราก็ได้นำบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของ Tinker Hatfield ดีไซน์เนอร์คู่บุญของ Nike และผู้สร้างสรรค์ Nike Hyperadapt มาฝากกัน


Q: Nike Hyperadapt สุดยอดนวัตกรรมของ Nike นี้ได้ถูกนำเสนอมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2016 แล้ว อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Nike ใช้เวลานานขนาดนี้ในการปล่อยโปรเจ็กต์สู่สายตาชาวโลก

Hatfield: แน่นอนว่าเราเปิดตัวรองเท้าใน U.S ก่อนยุโรป และเหตุผลหลักๆก็คือปัจจัยทางเทคโนโลยี เราต้องมั่นใจว่ามันจะได้รับการรับรองในหลายๆประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีนโยบายที่ไม่เหมือนกัน มันก็เลยใช้เวลานานหน่อยกว่าผลิตภัณฑ์จะได้รับการยอมรับในยุโรป โดยเฉพาะในอังกฤษ

Q: ชื่อของรองเท้ารุ่นนี้คือ Hyperadapt 1.0 แปลว่ามันก็อาจจะมี Hyperadapt 2.0 ใช่หรือไม่ คุณบอกอะไรเราได้บ้าง?

Hatfield: ผมคงบอกอะไรไม่ได้มาก แต่บอกได้ว่ามันจะเป็นรองเท้าบาสเก็ตบอล และเป้าหมายของเรา ก็คือเราก็คิดว่ามันจะเป็นรองเท้าบาสที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เราพัฒนากันมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่ แต่ว่ามาแน่

Credit:Pinterest

Q: แน่นอนว่านวัตกรรมนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแค่การผลิตรองเท้าสำหรับ Nike คุณคิดยังไงเมื่อแฟนๆ หรือ Sneakerhead หลายคนใส่มันเพื่อจะโชว์ล้ำ โชว์ Hype ใน Instagram

Hatfield: ผมตื่นเต้นนะที่มีคนสนใจในผลิตภัณฑ์ และดีไซน์ที่เราทำ ซึ่งถ้าพวกเขาจะใส่มันในรูปแบบไหน มันก็ดีต่อเราอยู่ดี แน่นอนว่าเราคิดว่าตัวเองเป็นบริษัทเครื่องกีฬา และเป้าหมายหลักของเราก็คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มศักยภาพให้นักกีฬา ทั้งในเรื่องของระยะเวลาการเล่น และความสามารถในการแข่ง โดยที่ไม่บาดเจ็บ การที่ผู้คนพูดกันว่า “กระแสแฟชั่นกำลังเปลี่ยนโลก” นั้น และพูดถึงแนวโน้มของกระแสที่เปลี่ยนไป ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดอะไรไปไกลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เราแค่ต้องการให้ผู้คนสนุกไปกับผลงานของเรา สนุกที่จะใส่มันในสนาม และชีวิตประจำวัน ความคาดหวังหลักของเราคือ หวังว่าผู้คนจะรักในสิ่งที่เราทำ

Q: เทคโนโลยี E.A.R.L (Electro Adaptive Reactive Lacing) นี้เป็นอะไรที่เจ๋งมาก คุณมีแผนที่จะให้มันไปอยู่บนผลิตภัณฑ์อื่นๆของ Nike มั้ย?

Hatfield: เราก็พอจะพูดได้ว่าเทคโนโลยี E.A.R.L เป็นอะไรที่ประสบความสำเร็จ และมันก็ยังไม่ใช่จุดจบ แต่มันพึ่งเป็นแค่จุดเริ่มต้น เรามีความสนใจที่จะใส่มันไปในรองเท้ารุ่นอื่นๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย

Q: ตำนาน Air Max ของคุณเป็นอะไรที่ชาว Sneakerhead รู้ๆกัน คุณเคยคิดที่จะผสมเทคโนโลยี AIR ไว้ใน Hyperadpt บ้างรึเปล่า

Hatfield: เราก็เคยคิดนะ แต่เราก็ต้องคิดอย่างระมัดระวังอีกที เพราะบางทีถ้ามีอะไรหลายๆอย่างไปรวมกันมากเกินไป ในรองเท้าคู่เดียว มันก็อาจจะตีกันได้ เราก็เลยโฟกัสกับโมเดลเป็นหลัก แต่ในอนาคตเราก็หวังว่าจะหวังที่จะค้นคว้า และนำมันมาสร้างประโยชน์ให้กับวงการกีฬาได้

Q: ตัวรองเท้านั้นนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมใหม่แล้ว ยังรู้สึกว่ามันใส่สบาย แถมสวยด้วย คุณบอกได้มั้ยว่ามันมีแรงต้นแบบมาจากไหน

Hatfield: นั่นเป็นคำถามที่น่าสนใจมากครับ และผมว่าคำตอบของผมก็น่าจะพอทำให้เห็นภาพได้นะ รองเท้าคู่นี้เป็นเหมือนรองเท้าที่มีประโยชน์หลากหลาย คุณจะใส่มันไปทำอะไรก็ได้ และรองเท้ารุ่นแรกๆ ที่โดดเด่นในเรื่องนี้ก็คือ Converse Chuck Taylor All-Star มันก็เลยออกมาเป็นสีดำ และสีขาวตรง Sole และทำไมมันถึงเป็น Low-top

Credit: Tactics

สำหรับรุ่น Hyperadapt 2.0 ที่ Hatfield ได้คอนเฟิร์มแล้วว่ามาแน่นั้น ก็มีข่าวเกี่ยวกับมันด้วยว่า จะเป็นอะไรที่จับต้องได้ง่ายขึ้น หรือก็คือถูกขึ้นนั่นเอง (อาจจะถูกกว่า 700 ดอลล่าร์!?) ไม่แน่นะ Hyperadapt นี่แหละ อาจจะเป็นไม้ตายใหม่ของทาง Nike เพื่อกลับมางัดตำแหน่งราชาแห่งวงการ Sneakers ในปีหน้าก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ 
Source: Highsnobiety
Share:
On Key

Related Posts

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save