ANDOR SEASON 2 หนึ่งในซีรีส์ที่ดีที่สุดของจักรวาล STAR WARS

Andor คือซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้ของฝั่ง Rebel Alliance ก่อนเหตุการณ์สำคัญของจักรวาลอย่าง ‘Battle of Yavin’ จุดเริ่มเรื่องของ ‘Star Wars: Episode IV A New Hope’ (1977) ภาพยนตร์ระดับตำนานที่สร้าง Star Wars Saga ให้ยิ่งใหญ่อย่างเช่นทุกวันนี้ นอกจากนี้ Andor ยังเป็น Prequel สำคัญที่เล่าเรื่องเชื่อมโยงไปสู่ภาพยนตร์ ‘Rogue One: A Star Wars Story’ (2016) อย่างแยบยล

Andor ซีซันแรกเริ่มต้นจากช่วง 5 BBY (Before the Battle of Yavin) ซึ่งสำหรับบทความนี้เราจะเจาะไปที่ซีซัน 2 ที่เล่าเรื่องตั้งแต่ช่วง 4 BBY ถึง 1 BBY และส่งไปสู่เหตุการณ์ในภาพยนตร์ Rogue One ทั้งหมดคือการเล่าจุดเริ่มต้นของจุดจบที่ทุกคนทราบอยู่แล้ว แต่ซีรีส์สามารถเล่าได้แบบเพอร์เฟ็กต์ (สำหรับเรา) และทำให้มุมมองที่มีต่อ Rouge One เปลี่ยนไปในทันที ถ้าดูอีกรอบหลังจากจบซีรีส์แล้ว คุณจะได้ความรู้สึกใหม่ที่ไม่เหมือนกับครั้งก่อน

โดยซีรีส์โฟกัสไปที่ตัวละครหลักของฝั่งกบฏ Cassian Jeron Andor (Diego Luna) จากคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้สนใจในการต่อสู้ สู่ผู้กองคนสำคัญที่จุดประกายไฟให้กับ Rebel Alliance จนลุกโชนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

ซีรีส์แบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 Arc / Arc ละ 3 ตอน / ความพิเศษคือแต่ละ Arc จะใช้ผู้กำกับและคนเขียนบทแตกต่างกันไป / โดยแต่ละ Arc จะเล่าเรื่องราวสรุปในแต่ละปี นับถอยหลังไปเรื่อย ๆ จาก 4 BBY ไปจนถึง 1 BBY ทำให้รสชาติของแต่ละ Arc มีความเปลี่ยนแปลงไปเสมือนกับการ Timeskip ไปทีละ 1 ปี

รายชื่อของผู้กำกับและนักเขียนบท
กำกับโดย
Ariel Kleiman (Eps. 1-6), Janus Metz (Eps. 7-9), Alonso Ruizpalacios (Eps. 10-12)
เขียนบทโดย
Tony Gilroy (Eps. 1-3), Beau Willimon (Eps. 4-6), Dan Gilroy (Eps. 7-9), Tom Bissell (Eps. 10-12)

SPOILER ALERT!
บทความหลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Andor & Rouge One

Arc 1 Episodes 1-3 : "One Year Later", "Sagrona Teema", "Harvest"

ตอนที่ 1-3 ซีรีส์เล่าเรื่องต่อเนื่องจากตอนท้ายของซีซัน 1 เกริ่นถึงการเปลี่ยนแปลงของของ Cassian ที่มาทำงานให้กับ Luthen Rael (Stellan Skarsgård) อย่างจริงจัง เต็มตัว เปลี่ยนไปเป็นคนที่ทำภารกิจไม่เคยพลาด มีความเป็นผู้นำ หลังจากประสบการณ์ที่เขาได้เจอในซีซันแรก ก่อนจะส่งไปถึง ‘Yavin’ ฐานทัพลับสำคัญของฝั่ง Rebel Alliance (กลุ่มพันธมิตรฝั่งกบฏ) เราจะได้รับรู้ความเป็นอยู่ ความเป็นมาของที่นี่ครั้งแรก หลังจากฐานทัพนี้ถูกเล่าไปใน Rogue One

ในขณะที่ Cassian ออกไปทำภารกิจ เรื่องก็เล่าสลับกับฝั่งบนดาว Mina-Rau ที่พักอาศัยปัจจุบันของเขากับ Bix Caleen (Adria Arjona), Brasso (Joplin Sibtain), Wilmon Paak (Muhannad Bhaier) เหล่าเพื่อนและคนสำคัญจากดาว Ferrix ก็เกิดเหตุการณ์ที่ฝั่ง Empire เข้ามารุกรานดาวนี้ ทำให้ทั้งสามคนเตรียมหลบหนีอีกครั้ง แต่ก็ไม่พ้นสายตาของ Stormtroopers กลายเป็นฉากไล่ล่าสุดระทึก

ท้ายที่สุดถึง Cassian จะเข้ากลับมาถึงดาวได้ทันท่วงที ช่วยเหลือภรรยาและเพื่อนไว้ได้ แต่ดันไม่ใช่ทุกคนที่รอดจากการไล่ล่า พวกเขาสูญเสียเพื่อนคนสำคัญอย่าง Brasso เหตุการณ์นี้ยิ่งเติมไฟในการต่อสู้ให้กับทุกคนที่ยังเหลือรอดอยู่

ขณะเดียวกันเรื่องไปด้วยเรื่องราวบนดาว Chandrila ผ่านเซตงานแต่งงานลูกสาวของ Mon Mothma (Genevieve O’Reilly) เราได้เห็นฉากที่คราฟต์ หรูหรา ดูเป็นงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ แต่ขัดกับอารมณ์ภายในของ Mon ที่ต้องแยกแยะบทบาทระหว่างการเป็นแม่ เป็นภรรยา เป็นส.ว. กับบทบาทลับ ๆ ของการขับเคลื่อนฝั่งกบฏอยู่เบื้องหลัง ความซับซ้อนของอารมณ์ถูกระเบิดออกมาในฉากเต้นรำอันบ้าคลั่งของ Mon ที่ติดตราตรึงใจเราที่สุดใน Arc แรกนี้

Arc 2 Episodes 4-6 : "Ever Been to Ghorman?", "I Have Friends Everywhere", "What a Festive Evening"

ตอนที่ 4-6 เข้าสู่ช่วง 3 BBY โดยดำเนินเรื่องผ่านเหตุการณ์บนดาว Ghorman ดาวที่เคยถูกพูดถึงในจักรวาล แต่ยังไม่มีฉากในภาพยนตร์เรื่องไหน ทีมงานจะเลือกใช้ดีไซน์สถาปัตยกรรมแบบอิตาลี (ใกล้เคียงกับเมืองตูริน) ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับฉากบนดาวนี้อย่างมาก ๆ

เริ่มต้นเนื้อเรื่องจากการที่ Luthen ส่ง Cassian ไปทำภารกิจที่ดาว Ghorman เพียงลำพังโดยที่ไม่มี Bix ที่กำลังเจอกับทรอม่าจากเหตุการณ์ใน Arc ที่แล้ว โดยภารกิจคือการเข้าไปประเมินสถานการณ์การก่อกบฏของประชาชนภายในเมือง ที่ถูกฝั่ง Empire กดขี่ข่มเหงนานหลายปี นอกจาก Cassian แล้วยังมีสองสายลับสาวฝีมือดีอย่าง Vel Sartha (Faye Marsay) และ Cinta Kaz (Varada Sethu) เข้าร่วมภารกิจด้วย

ซึ่งแท้จริงแล้วเหตุการณ์บนดาวของ Ghorman ถูกจัดฉากโดยฝั่ง Empire จากคู่รัก ISB อย่าง Syril Karn (Kyle Soller) และ Dedra Meero’s (Denise Gough) ที่หวังจะก้าวหน้าจากการได้รับหน้าที่ดูแลดาวนี้อย่างลับ ๆ เพื่อหวังแร่มูลค่าสูงที่สามารถนำไปสร้างอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ฝ่ายจักรวรรดิเคยมีมา

ความเข้มข้นบนดาว Ghorman เริ่มทวีคูณเมื่อทีม Cassian เลือกที่จะถอย ไม่เข้าไปร่วมภารกิจกบฏของประชาชน แต่พวกเขาหมดความอดทนที่จะรอคนมาช่วยเหลือแล้ว ส่วนทางด้าน Empire ที่ดูลาดเลาบนดาวนี้มาหลายปี ก็ตัดสินใจที่จะเผด็จศึกเผื่อครอบครองดาวนี้อย่างแท้จริง ส่งไปสู่ Arc ถัดไปที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยน และเป็นไคล์แมกซ์ของซีซันนี้เลยก็ว่าได้

Arc 3 Episodes 7-9 : “Messenger”, “Who Are You?”, “Welcome to the Rebellion”

“Rebellions are built on hope.”

ถึงแม้ในอนาคต Cassian จะกล่าวประโยคเดียวกันนี้กับ Jyn Erso ที่ยังคงกังขาและไม่มั่นใจกับการปฏิวัติจากฝั่งของกบฏใน Rogue One: A Star Wars Story แต่แท้จริงแล้ว เขาได้รับสารนี้มาจาก Thela พนักงานโรงแรมธรรมดาบนดาว Ghorman ก่อนที่การสังหารหมู่บนดาวจะเกิดขึ้น และทำให้ทุกสายตาในกาแล็กซีจับจ้องไปที่เหตุการณ์นี้

สถานการณ์เริ่มถึงจุดเดือดกว่าที่เรารับรู้เมื่อตอนที่ 6 เมือง Palmo ถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียด หลังจากฝ่าย Empire ประกาศใช้เคอร์ฟิว ลดรอนสิทธิของพลเมือง ทำให้จุดนี้กลายเป็นชนวนที่เหล่ากบฏภายในเมืองหลังชนฝา ไม่มีเวลารอคอยผู้ช่วยเหลืออีกต่อไป เพราะพวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปได้แล้ว

ขณะเดียวกัน Cassian ก็ตอบรับทำภารกิจสำคัญนั่นคือการลอบสังหาร Dedra ที่มาประจำการที่เมือง Palmo / ทางฝั่ง Dedra ก็ได้รับคำสั่งให้กำราบชาวเมือง พร้อมทั้งเอาแหล่งพลังงานสำคัญใต้ดาวมาเสียที ซึ่งทางฝั่ง Syril ไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้แหล่งพลังงานใต้ดาวนี้ เขารู้เรื่องแค่ว่าให้มาสอดส่อง และคอยส่งข่าวกลับไปที่สำนักงานใหญ่ ทำให้เขารู้สึกสับสนที่ถูกพาร์ทเนอร์หลอกใช้ / ณ ตอนนี้เหล่าตัวละครหลักได้มารวมตัวกันที่ Grand Plaza แล้ว

เมื่อประชาชนมารวมตัวกัน ความมันส์จึงบังเกิด (ไม่ใช่) ความหายนะจึงบังเกิดต่างหาก ประชาชนทุกคนถูกฝั่ง Empire ล้อมไว้หมดแล้วที่ใจกลางพลาซ่า ชาว Ghorman เริ่มกู่ร้องเสียงของการไม่ยอมอ่อนข้อ จนกระทั่งพวกเขาเริ่มร้องเพลงชาติ ถือเป็นอีกซีนที่ตราตรึงของซีซันนี้เลยทีเดียว

แต่แล้วเสียงของพวกเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงของการต่อสู้ ฝั่งจักรววรดิเริ่มโจมตีผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเปิดตัว KX droids หุ่นยนต์รบทรงพลัง ทำให้ประชาชนเริ่มวิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุน ทันใดนั้นเอง Syril ที่กำลังสับสนท่ามกลางความวุ่นวายก็หันไปเห็น Cassian ชายที่เขาตามหาและหวังจะล้างแค้นมานานแสนนาน พอเจอปะทะกัน Cassian กลับมาไม่รู้ว่า Syril เป็นใคร “Who Are You?” จึงเป็นที่มาของชื่อตอน พร้อมปะทุความคับแค้นในใจของ Syril ให้ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้ว Cassian มีหุ่นยนต์คู่ใจอย่าง K-2SO ใน Rogue One: A Star Wars Story ซึ่งตอนนี้ก็จะเล่าถึงที่มาที่ไปของหุ่นยนต์ KX ตัวนี้ว่าจากหุ่นยนต์ของฝั่งจักรวรรดิ กลายมาเป็นหุ่นยนต์ของฝั่งกบฏได้อย่างไร

หลังเหตุการณ์สังหารหมู่บนดาว Ghorman สภาบนดาว Coruscant ก็เริ่มปั่นป่วน เหตุการณ์สังหารถูกบิดเบือนข่าวว่าเป็นความผิดคนชาว Ghorman ฝั่ง Empire เริ่มทยอยจัดการเหล่า ส.ว. ผู้หนุนหลังฝั่ง Rebel Alliance ไปทีละคน ทำให้ Mon เลือกที่จะทำสิ่งที่กล้าหาญ นั่นคือการพูดความจริงในสภาต่อหน้าฝั่ง Empire ซึ่งเธอรู้ดีว่าเมื่อออกจากสภาไป เธอจะต้องถูกเก็บแน่นอน

“What happened yesterday in Ghorman was unprovoked genocide…and the monster screaming the loudest? The monster we’ve helped create? The monster that will come for us all soon enough is Emperor Palpatine!”

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนนึงจาก Speech ของ Mon ที่กล้าที่จะประชันหน้ากับ Palpatine อย่างจริงจัง ยอมทิ้งหน้าตาในสังคงที่เธอมี เพื่อพูดในสิ่งที่อยุติธรรม ทำให้ซีนนี้ถือเป็นซีนไคล์แมกซ์ของเรื่องเลยทีเดียว มันคือซีนที่ประกาศกร้าวว่า ‘พวกเราฝ่ายกบฏจะไม่ยอมอีกต่อไป’

Luthen รับรู้ถึงสถานการณ์ของ Mon เป็นอย่างดีและส่ง Cassian แฝงตัวเข้ามาช่วย นี่คือฉากที่ทั้งสองคนเจอกันเป็นครั้งแรกตลอด 2 ซีซันที่ผ่านมา / Mon ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายที่เดินทางมาช่วยเธอนั้นคือใคร และไม่เชื่อใจ Cassian สักท่าไหร่ แต่ตอนนั้นเอง Cassian ก็กล่าวโค้ดลับของฝ่ายกบฏขึ้นมาในทันที นั่นก็คือ “I Have Friends Everywhere.”

ทั้งคู่ถูกไล่ล่า สกัดกั้นไม่ให้หลบหนี ทำให้ Mon เริ่มวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่ตนเองไม่เคยพบเจอ แต่สิ่งที่ Cassian พูดกับเธอกลับเป็นคำว่า “Welcome to the Rebellion.” ประโยคนี้ไม่เพียงแต่เป็นการพูดกับ Mon เท่านั้น แต่เสมือนกับเป็นการเปิดฉากสงครามการต่อสู้ของฝ่าย Rebellion ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของจักรวาล Star Wars เลยทีเดียว

Final Arc Episodes 10-12 : “Make It Stop”, “Who Else Knows?”, “Jedha, Kyber, Erso”

เนื้อเรื่องเล่าอยู่ในช่วง BBY 1 ช่วงสำคัญที่จะส่งต่อไปถึงเหตุการณ์ใน Rogue One: A Star Wars Story เมื่อ Luthen และ Kleya Marki (Elizabeth Dulau) รับรู้ผ่านสายลับที่อยู่ใน IBS ว่าอาวุธลับที่อนุภาพทำลายล้างขั้นสูงสุดของฝั่ง Empire ถูกสร้างขึ้นสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ฉากนี้จึงเป็นครั้งแรกของ Andor ที่เมนชันชื่อของ Death Star ออกมา

Luthen และ Kleya เริ่มส่งข่าวและเคลื่อนไหวในทันที แต่ก็สายไปเมื่อ Dedra ตามตัว Axis เจอเสียที (อีกชื่อหนึ่งของ Luthen) และเข้าจับกุมเขาโดยไม่ได้วางแผน ทำให้ Luthen พยายามที่จะจบชีวิตตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ ถึงอย่างนั้นเขาก็บาดเจ็บสาหัส ถูกยื้อชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลที่ฝ่าย Empire จับตาดูอยู่ตลอดเวลา

เราจะได้เห็นฉากอันแสนเศร้าที่ Kleya ต้องลอบเข้ามาในโรงพยาบาลเพื่อจบชีวิตของ Luthen ชายผู้เป็นเสมือนพ่อของเธอ ชายผู้ทำงานดำมืดให้กับฝั่งกบฏอย่างไม่มีข้อแม้ ชายผู้ยอมทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะของฝ่าย Rebellion

ทุกอย่างเริ่มเข้าใกล้เหตุการณ์ใน Rogue One เข้าไปทุกที เหตุการณ์ที่เราต่างรู้จุดจบว่าถึงแม้ฝ่าย Rebellion จะได้รับชัยชนะจากการขโมยแปลนของ Death Star ออกมาได้ แต่ต้องแลกมาด้วยการเสียสละของเหล่านักรบ นักต่อสู้ รวมไปถึง Cassian Andor เองที่ไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ พวกเขากลายเป็นวีรบุรุษผู้ส่งต่อ ความหวัง ให้กับเหล่ากบฏอย่างแท้จริง

Andor ตั้งแต่ซีซันที่ 1-2 ต่อเนื่องไปถึง Rogue One เปรียบเสมือนอีกหนึ่งไตรภาคที่เหล่าของของฝ่าย Rebellion ได้อย่างดีเยี่ยมมาก ๆ เป็นอีกมุมหนึ่งที่จักรวาล Star Wars ไม่เคยเล่าบนจอภาพยนตร์มาก่อน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นซีรีส์ขึ้นหิ้งในใจใครหลายคน และกวาดรางวัลให้กับ Disney ได้อย่างล้นหลาม

Andor ไม่ใช่แค่ ‘หนึ่งในซีรีส์ที่ดีที่สุดของจักรวาล STAR WARS’ แต่สำหรับเรานี่คือ ‘ซีรีส์ที่ดีที่สุดตั้งแต่ STAR WARS เคยมีมา’ เราตั้งใจข้ามรายละเอียดของเรื่องไปเยอะมาก เพราะอยากให้คนที่ยังไม่ได้ดูแต่เข้ามาอ่านแล้วอยากปิดเว็บไปดูในทันที ส่วนใครที่ดูจบแล้ว ยังมีอีกหลาย Easter Eggs ที่ถูกวางไว้ในซีรีส์เรื่องนี้ ตามเก็บกันให้ครบแล้วจะฟินยิ่งกว่าเดิม

Source: Star Wars, Disney, Wookieepedia
P.S. บทความมีส่วนหนึ่งแปลจากบทความ ‘Andor Explained’ ของนักเขียน Kristin Baver

Share:
On Key

Related Posts

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save