ในยุค 90’s มีใครบ้างที่ไม่ดูบาสเก็ตบอล มีใครบ้างไม่รู้จักทีม Chicago Bull และมีใครบ้างไม่รู้จัก Michael Jordan นักกีฬาผู้เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจผู้นี้นอกจากจะเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของวงการบาสเก็ตบอลแล้วยังเป็นคนที่ยกระดับมูลค่าของ NBA ให้มีอัดตราการเติบโตสูงตามไปอีกด้วย เรียกได้ว่าในยุคนั้นนักบาสเก็ตบอลเรารู้จักกันทุกคน แต่เชื่อหรือไม่ว่าเราอาจจะไม่ได้ใส่รองเท้า Air Jordan กันแล้วถ้าเราไม่มีชายคนนี้
David Falk เอเยนต์นักกีฬาผู้มีอิทธิพลต่อวงการบาสเก็ตบอล NBA ในยุคนั้นรวมทั้งเป็นเอเยนต์ส่วนตัวของ Michael Jordan ด้วยได้เข้าพบกับ Robert Strasser อดีตผู้บริหารของ Nike ในยุคนั้นว่าเขาต้องการให้ Jordan เซ็นสัญญากับ Nike เพราะเด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์คนนี้กำลังจะเซ็นสัญญากับ adidas ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (ตอนนั้น Jordan อายุ 21 ปี ในปี 1984)
เมื่อครั้งแรกที่ Robert Strasser ได้คุยกับ David Falk ในครั้งนั้นเขายังมีทีท่าที่ยังไม่มั่นใจในตัวเด็กหนุ่มวัย 21 ว่าจะสามารถดึงดูดความน่าสนใจต่อการตลาดของ Nike ได้แต่ด้วยผลงานที่ Jordan ได้สร้างไว้จากฝีไม่ลายมือในเวที NBA Robert Stresser จึงลองดูสักครั้งจากการเจรจาจนเป็นผลของ Falk นี้ แต่ทาง Falk ได้ขอให้ทาง Nike ปฎิบัติต่อ Jordan ในแบบเดียวกับนักกีฬาเทนนิสที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์ รวมทั้งขอให้ออกผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะของ Jordan ออกมาทั้งรองเท้าและเสื้อผ้าโดยเฉพาะ การเสี่ยงครั้งนี้มันท้าทายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเอเจนต์นักกีฬาระดับบิ๊กคนนี้ลงทุนมาเสนอด้วยตัวเองก็ย่อมน่าเสี่ยง
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดอยู่คือชื่อของแบรนด์และรุ่นของรองเท้าและเสื้อผ้าที่ Nike ยังติดปัญหาตรงนี้อยู่และเหลือเวลาไม่มากแล้วในการเซ็นสัญญา Folk ใช้ความคิดเพียงไม่นาน (หรือต้องการจบการเซ็นต์สัญญากับ Nike ให้ไวที่สุดก็ไม่ทราบ) จึงเสนอชื่อไปว่า “Jordan Line” และรองเท้าให้ใช้ชื่อ “Air Jordan” ในตอนนั้นทาง Nike กำลังพัฒนาเทคโนโลยี Air กับพื้นรองเท้าอยู่พอดี รวมทั้ง Jordan เวลากระโดดนั้นเหมือนลอยอยู่บนอากาศ Falk ได้กล่าวไว้เมื่อเคยถูกถามคำถามนี้
