ต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า ณ วินาทีนี้ ไม่น่าจะมีโมเดลไหนร้อนแรงเท่ากับ Nike Air Max 97 "Silver Bullet" ที่ซึ่งเพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และนอกจากนั้นดูเหมือนว่ากระแสความนิยมของโมเดลดังกล่าวในประเทศไทยก็ได้ปะทุขึ้นอย่างร้อนแรง ผ่านความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่พูดถึงเจ้าโมเดลในตำนานตัวนี้กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ดังนั้นในวันนี้ จึงขอนำเสนอ "18 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ Nike Air Max 97 เพื่ออรรถรสในการสวมใส่ที่ดียิ่งขึ้น !" ที่ทุกท่านควรจะรู้ไว้ ก่อนจะไปคว้าเจ้าสุดยอดรองเท้าสนีกเกอร์ในตำนานแห่งยุค 90s ตัวนี้มาไว้ในครอบครอง !?
1. เล่นเอาโมเดลรุ่นพี่อย่าง Air Max 96 เงียบจ๋อยหายไปเลย …
Image via Nike/Sneakers Addict
ถ้าจะพูดถึงการเรียงลำดับสามรุ่นตั้งแต่ Air Max 95 – 97 แน่นอนว่า 96 คือโมเดลที่ถูกลืมอย่างแท้จริง ทั้งที่ในความจริงแล้วนั้น Air Max 96 ก็ไม่ใช่โมเดลที่อัปลักษณ์อะไรขนาดนั้น ด้วยการออกแบบจาก Sergio Lozano ที่โดดเด่นด้วยการแบ่งช่อง Air Bag อย่างเยอะแยะแต่สวยงามในแบบฉบับของตนเอง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การถูกคั่นกลางระหว่างโมเดล Air Max 95 และ Air Max 97 ก็ย่อมทำให้รัศมีของมันถูกบดบังเป็นธรรมดา (เพราะสองรุ่นที่ว่ามานั้นขึ้นหิ้งโมเดลคลาสสิคไปแล้ว)
2. เคยฟิวชั่นกับ Nike Air Force 1 ซะด้วย !
Image via eBay
แค่ได้ยินก็รู้สึกว่า เป็นอะไรที่ค่อนข้างประหลาดในการผสมผสานความเรียบง่ายคลาสสิคเข้ากับความโฉบเฉี่ยวของโมเดลตัวนี้ แต่ว่าก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าไอที่เห็นอยู่เนี่ย มันเป็นตัวแซมเปิ้ลเท่านั้นแหละ ซึ่งเจ้ารองเท้าที่เห็นอยุ่นี้ก็ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง (จากทาง Nike) ในปี 1997 ก็อย่างที่เห็นในภาพว่าแทบทุกส่วนเป็นเอกลักษณ์ของทาง Nike Air Force 1 ยกเว้นพื้นแอร์ , ลิ้นรองเท้า และ แท็กบริเวณส้น ที่เป็นของ Air Max 97
ดีแล้วแหละที่เป็นแค่ตัวแซมเปิ้ลอะครับ …
3. ราคาป้ายแพงกว่าโมเดลแอร์แม็กซ์รุ่นอื่น ๆ นิดหน่อยเสมอ
สำหรับราคารีเซลของเจ้ารองเท้าคู่นี้แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เพราะว่าด้วยราคา $150 (พร้อมภาษี) ในปี 1997 ครั้งแรกที่รองเท้าคู่นี้วางจำหน่ายนั้น ก็ราคาสูงกว่าโมเดล 95,96 อยู่ประมาณ 10 เหรียญ แต่ถ้าเราพูดถึงราคารีเซล ก็ต้องบอกเลยว่าสมัยนี้ราคาพุ่งไปไกลกว่ากันเยอะ …
4. พิมพ์เขียวของรองเท้ารุ่นนี้ในตอนแรก มีบางอย่างแตกต่างออกไปจากตัว Air Max 97 ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
จากแม่แบบของ Christian Tresser ที่ร่างไว้ตั้งแต่ในปี 1996 สำหรับโมเดล Air Max 97 ตัวนี้นั้น มีสิ่งที่ถูกตัดทอนออกไปซึ่งนั่นก็คือ "ปุ่ม" ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตัวที่เชื่อมกับ Midsole แอร์ทั้งผืนเพื่อความเบาสบายยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ดูเหมือนว่าเจ้าปุ่ม Air Pressure ดังกล่าวนี้จะไปปรากฏอยู่บน Nike Air More Uptempo II ซะอย่างนั้น !?
5. Air Max 97 เคยรวมร่างกับ Air Max 90 และ Humura Trail มาแล้ว
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของการผสมผสานข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Air Max 97, Air Max 90 และ Humura Trail ซึ่งวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2008 โดยใช้ชื่อว่า Air Max Terra Ninety และถ้ามองกันแบบพินิจพิเคราะห์ให้ดีรองเท้ารุ่นนี้ก็มีพื้นแบบ Air Max 97 เป๊ะ ๆ !
6. สีที่สองของโมเดลนี้ถัดจาก "Silver Bullet" คือสี "Metallic Gold"
หลังจากที่เจ้ากระสุนเงิน Nike Air Max 97 "Silver Bullet" ได้เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าสาวกกันไปยกใหญ่แล้วก่อนหน้านี้ ในที่สุดหลังจากที่กระแส Nike Air Max Day ได้ผ่านพ้นไป Nike ก็เดินหน้าทำการตลาดอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง ด้วยการกลับมาของโมเดล Nike Air Max 97 "Metallic Gold" นั่นเอง ซึ่งฐานะญาติของเจ้าตัวนี้ก็นับได้ว่าเป็นญาติสนิทของโมเดลกระสุนเงิน เพราะมันคือสีที่สองที่ออกมา ถัดจาก "Silver Bullet"
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งก็น่าจะทำให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงกันอยู่พอสมควร สำหรับเจ้าพ่อทองคำตัวนี้ และจะวางจำหน่ายในโซนยุโรปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไป ติดตามกันไว้ให้ดี ถ้ากดในเว็บได้ก็น่าจะฟินนาเร่อยู่เหมือนกัน !
7. Nike Zoom Spiridon เป็นญาติกับ Nike Air Max 97 ด้วยนะ !
ก็แน่ละ เพราะ Christian Tresser เป็นคนออกแบบรองเท้ารุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างของรองเท้ารุ่นนี้จะดูคล้ายคลึงกันเหลือเกิน เพราะนอกจากจะวางจำหน่ายในปี 1997 เช่นเดียวกันแล้วนั้น ฟังก์ชั่นรวมถึงการใช้คู่สีก็ดูจะคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ด้วยการชูโรงออกตัวว่ารองเท้าเหล่านี้เป็นรุ่นที่มีน้ำหนักเบามากในยุคนั้น ซึ่งการออกแบบเหล่านี้ก็ต่อยอดทำให้ Christian Tresser ได้อยู่เบื้องหลังรองเท้าสตั๊ด 1997’s Air GX football boot และ Nike Mercurial ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนโฉมวงการรองเท้าฟุตบอลไปเลยตลอดกาล …
8. คู่สีในตำนาน "Silver Bullet" ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "จักรยานเสือภูเขา"
ในขณะที่หลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่ารองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "รถไฟหัวกระสุน ชิน คัน เซน " ของญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วนั้น Christian Tresser เคยปริปากบอกกับทางสื่อมวลชนว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจของคู่สีนี้มาจากจักรยานเสือภูเขา ที่ซึ่งมีสีหลักเป็นสีของวัสดุอลูมิเนียมแบบเพียว ๆ ในยุคนั้น แต่เขาก็เลือกที่จะใช้ชื่อว่า "Silver Bullet" ไม่ใช่ "Silver Bicycle" เพราะชื่อแรกมันเท่ห์กว่าเยอะ !
9. รูปทรงของรองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "เม็ดฝน"
ถ้า Air Max 95 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างอนาโตมีของมนุษย์ Air Max 97 ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ "เม็ดฝน" ที่ตกลงมาจากฟ้านี่แหละ … ส่วนแพทเทิร์นบริเวณอัปเปอร์ที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับคลื่นขนาดย่อมนี้นั้น ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝนเวลาตกกระทบกับผิวน้ำนั่นเอง !!
10 . ระบบผูกเชือกของรองเท้ารุ่นนี้คือนวัตกรรม !
อาจจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่แล้วในสมัยนี้ กับระบบผูกเชือกแบบ "hidden lacing system" ที่ซึ่ง Air Max เป็นรองเท้าคู่แรกที่ใช้ระบบนี้ ซึ่งดีไซน์อันวกวนประหลาดแปลก อีกทั้งยังสะท้อนแสงแบบ 360 องศาของรองเท้าคู่นี้ ก็สามารถทำให้แฟน ๆ สนีกเกอร์ไม่รักก็เกลียดรองเท้าคู่นี้ไปเลย !
11. มีเวอร์ชั่น Slip-on ด้วยนะขอบอก !
นอกจากการแทนที่เชือกด้วยซิปของ Air Max 95 และการออก Air Max Plus Slip-on มาให้แฟน ๆ ได้เลือกใส่กัน Air Max 97 ก็มีเวอร์ชั่นแบบถอดเชือกออกในแบบของตัวเองด้วยเช่นกัน ซึ่งออกมาให้แฟน ๆ ได้ยลโฉมครั้งแรกในปี 2001 แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่นัก …
12. ชาวอิตาลีโคตรคลั่ง Air Max 97





