ถ้าเพื่อนๆคนไหนรู้สึกเฉยๆเมื่อเห็นคอลเล็กชั่น “Supreme x Akira” ที่กำลังจะปล่อยอาทิตย์นี้ ก็ไม่เป็นไร แต่วันนี้เราจะพาไปย้อนอดีตว่าทำไม การ์ตูน Anime ญี่ปุ่นถึงเป็นส่วนหนึ่งในความ Hype ของวงการ Streetwear อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้!
สำหรับแบรนด์สตรีทตัวพ่ออย่าง Supreme ที่มีประสบการณ์และความช่ำชองในการทำงานคอลแลป มักจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนๆ ในการเลือกพาร์ทเนอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ และการเลือก Katsuhiro Otomo บิดาแห่ง Akira “คนไม่ใช่คน” การ์ตูน Sci-Fi สุดล้ำมาทำคอลเล็กชั่น ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เฉียบ และสร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งแฟนการ์ตูน รวมถึงแฟน Supreme ด้วย
คำถามคือ “ทำไมต้อง Anime ล่ะ?”
สำหรับคนไทยเรามีสำนวนว่า “วันวานยังหวานอยู่” ซึ่งชาวต่างชาติเขาก็มีอารมณ์แบบนั้นเหมือนกัน ในช่วงปี 80-90 นั้นเป็นเหมือนช่วงบุกเบิกสำหรับการ์ตูนอนิเมะในอเมริกา ความสุขของเด็กๆหลายคนเกิดขึ้นจากตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อมารอดูอนิเมะเรื่องโปรดในเช้าวันหยุด และถึงแม้เด็กพวกนั้นจะโตมาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ภาพอารมณ์ความสนุกในวัยเด็ก ก็ยังอยู่ในตัวพวกผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่เคยหายไปเลย (รวมถึงภาพ Hentai หรือการ์ตูนโป๊ญี่ปุ่นด้วย!)
กระแสของ Anime ในวงการสตรีทแฟชั่นนั้นเริ่มต้นมาจากแบรนด์ Hook-ups ที่เป็นเจ้าแรกๆที่นำการ์ตูนญี่ปุ่นมาเจอกับเสื้อผ้าสไตล์สเก็ต โดยไอเทมที่จัดว่าปังก็คือ Hook-ups x The Hundreds ในปี 2013 ซึ่ง Jeremy Klein หัวหน้าใหญ่ของ Hook-ups ได้เอา Adam Bomb มาสคอสของ The Hundreds มาวาดใหม่ในสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่น
ความนิยมต่อ Anime ในอเมริกา ต้นขั้วของสตรีทแฟชั่น ได้เดินทางมาถึงช่วงต้นปี 2000 Anime กลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น อนิเมะพากย์อังกฤษได้กลายเป็นที่ชื่นชอบอย่างแพร่หลาย ถึงขนาดที่ว่า Cartoon Network ก็ยังต้องเอาอนิเมะมาฉายเลย ภายใต้แฟรนไชส์ “Toonami” อนิเมะซีรี่ย์อภิมหายาวนานอย่าง Mobile Suit Gundam ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กอเมริกัน รวมถึงการ์ตูนรุ่นตำนานอย่าง Dragon Ball Z, Sailor Moon และ Pokemon ก็ถูกนำมาฉายใหม่ด้วย
และเมื่อเวลาผ่านไป ก็เป็นเวลาของอนิเมะรุ่นใหม่ๆอย่าง Full Metal Alchemist, One Piece, Naruto ที่มาครองใจแฟนๆทั่วโลก รวมถึงแฟนๆชาวอเมริกันด้วย ที่น่าสนใจคือความเป็นติ่งในการ์ตูนของชาวมะกัน ก็ไม่ได้ต่างกับประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆเลย ผู้คนติดการ์ตูนกันอย่างงอมแงม ถึงขนาดที่ว่าต้องมี Fan-sub หรือ Fan-dub เพื่อมาสนองหลายๆคน ที่รอแปลจากต้นฉบับไม่ไหว และก็เหมือนๆกับไทย และอีกหลายๆประเทศ ที่การ์ตูนญี่ปุ่น กลายเป็นความบันเทิง และส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในยุคนั้นๆ
วัฒนธรรมการเสพการ์ตูนญี่ปุ่นนี้ ยังต่อยอดมาถึงวงการเกมส์ด้วย หลายๆเกมรุ่นเดอะเช่น Street Fighter และ Final Fantasy ได้กลายเป็นลวดลายบนเสื้อผ้า ซึ่งแบรนด์อย่าง Triumvir ก็ได้ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับ CAPCOM เพื่อออกคอลเล็กชั่น Street Fighter ในปี 2008 และทางเจ้าของแบรนด์ก็ได้พูดถึงงานคอลแลปนี้ว่า
“Street Fighter มันเป็นอะไรที่แบบ.. คุณใช้เงินและเวลาทั้งวันขลุกอยู่กับตู้เกมนั่นแหละ จนมันกลายเป็นวัฒนธรรมของคุณ จนคุณกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนักสู้ นั่นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากทำคอลเล็กชั่นนี้มากๆ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม”
แค่นั้นยังไม่พอ แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Prada ก็ได้จับอนิเมะมาสู่โลกแฟชั่นเหมือนกัน ในปี 2007 Miuccia Prada ได้นำสไตล์จากอนิเมะเรื่อง “Appleseed Ex Machina” มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบเสื้อผ้า โดยที่เธอได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความชอบในเนื้อหาของการ์ตูน ที่พูดถึงความรัก, ความรุนแรง และความขัดแย้งในปรัชญาของมนุษย์ กับ เครื่องจักรด้วย
และเมื่อไม่นานนี้เอง Louis Vuitton ก็ได้แสดงถึงความ Hype ของอนิเมะผ่านทางคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2016 ที่นำเอา Lightning, ตัวละครจากเกม Final Fantasy XIII มาเป็นพรีเซ็นเตอร์! โดยผู้เป็นเจ้าของไอเดียอย่าง Nicolas Ghesquière ก็ได้เคยพูดเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์ของงานนี้ไว้ตอนแถลงข่าวเปิดตัว
“เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเราได้แรงบันดาลใจหลักๆ มาจากความสวยงามของวิดิโอกราฟฟิค ซึ่งถ้าเราพูดถึงภาพสะท้อนในเรื่องความเป็นวีรสตรี หรือความกล้าหาญของผู้หญิงที่กล้าจะออกมาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และน่าจดจำแล้ว Lightning เป็นตัวละครที่เหมาะสมมากๆ ในยุคที่การสื่อสาร และ Social Media เชื่อมพวกเราเป็นหนึ่งเดียว เธอก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการนำเสนอรูปแบบใหม่ด้วย คุณจะทำยังไงล่ะถึงจะได้ภาพที่ออกมาล้ำกว่าศาสตร์การถ่ายรูปและออกแบบทั่วไป? Lightning นี่แหละคือคำตอบเลย”
ในซีซั่นเดียวกัน, ก็มีการนำอนิเมะมาผูกเข้ากับแฟชั่นในอีกหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Loewe ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Akira และ Gundam อีกทั้ง Prada Spring/Summer 2018 Collection ที่จับ Manga (การ์ตูนรวมเล่ม) มานำเสนอ ผ่านมุมมองของ James Jean ดีไซน์เนอร์เชื้อสายไต้หวัน-อเมริกัน
ความสัมพันธ์ของ Anime และ Streetwear นั้นไม่ใช่อะไรที่ฉาบฉวย แต่เป็นอะไรที่มั่นคง เพราะว่าทั้งสองอย่างมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ยาวนาน รวมถึงมีจุดยืนที่ชัดเจน ในการแสดงออกผ่านทางภาพเหมือนๆกัน พอจับสองอย่างมารวมกัน ความมันส์ก็เลยบังเกิด! อย่างเช่นคอลเล็กชั่น A Bathing Ape x Dragon Ball Z เมื่อปี 2015, คอลเล็กชั่นของ Uniqlo (โดย Nigo แห่ง A Bathing Ape) ที่ถูกออกแบบมาพิเศษ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับ 20 ปีของ One Piece หรือว่า Billionaire Boys Club ที่ทำคอลเล็กชั่นกับ Dragon Ball Z ในลักษณะเดียวกัน เพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี
ตัวละครต่างๆจากอนิเมะญี่ปุ่นนั้น เป็นสีสันให้กับวงการสตรีทแวร์มาอย่างยาวนาน และนอกจากในโลกของแฟชั่น ความสัมพันธ์อันหอมหวานนี้ก็ยังมีให้เห็นในรูปแบบอื่นๆด้วย เช่นผลงานจาก HMN ALNS ซึ่งเป็นศิลปินนักวาดภาพ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเอาตัวละครจากอนิเมะสุดมันอย่าง Slam Dunk หรือ Dragon Ball มาผสมกับแบรนด์สตรีทตัวแรงอย่าง OFF-WHITE, BAPE หรือ Raf Simons ที่เราเชื่อว่าสาวกสตรีทแวร์ตัวจริง ก็น่าจะเคยเห็นรูปสไตล์นี้ผ่านๆตากันมาบ้างแล้ว
สุดท้ายแล้วนอกจากประวัติศาสตร์ที่คาบเกี่ยวกัน ความเหมือนจริงๆของทั้ง “Streetwear” และ “Anime” ก็คือ ความที่มันเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่ม ที่เต็มไปด้วยพวกหมกมุ่น (GEEK) และก็คงมีแค่พวกอินจัดเท่านั้นแหละ ที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ข้ามโลกสุดโรแมนติคของสองสิ่งนี้ !!!
Reference: Highsnobiety