เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ประจำสัปดาห์เลยก็ว่าได้ เมื่อ Supreme แบรนด์สเก็ตสุดไฮป์นั้นได้ทำการตกลงขายหุ้นกว่า 50% ของบริษัทให้กับ Carlyle Group กลุ่มธุรกิจรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ด้วยมูลค่าที่สูงถึง ห้าร้อยล้าน USD ! (คิดเป็นเงินไทยก็ หนึ่งหมื่นเจ็ดพันกว่าล้านบาท !!) ตามการรายงานของ Women’s Wear Daily รวมถึงการออกมายืนยันอย่าางเป็นทางการของ James Jebbia ผู้ก่อตั้งแบรนด์
ถ้ามองกันผิวเผิน ถึงแม้ว่าผู้บริโภคอย่างเราๆ อาจจะดูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมหาศาลนี้ แต่ว่าด้วยเงินทุนระดับนี้ทิศทางของ Supreme อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน คิดง่ายๆอย่างแรกเลย คือการขยายกิจการ และถึงแม้มันจะเป็นเรื่องจริงที่ว่า Supreme นั้นก็มีสาขาอยู่ทั่วโลก(ในเอเชียเราก็มีตั้ง 6 สาขาถึงแม้จะแค่ในญี่ปุ่นก็เถอะ) แต่เราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าความต้องการสินค้านั้นก็มีมากกว่าที่สาขาใดในโลกจะรับมือได้ ซึ่งช่องว่างนี้ก็ทำให้เราต้องจ่ายราคารีเซลแสนแพง เพียงเพื่อต้องการครอบครองสินค้าซักชิ้น ป้ญหานี้อาจจะหมดไปหาก Supreme ตัดสินใจเปิดสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการอันมหาศาลของลูกค้า แต่ว่าคุณค่าของความเป็น Supreme ที่เราเชื่อว่าทุกคนที่ยอมจ่ายราคารีเซลนั้นก็หลงรัก ก็อาจจะลดน้อยถอยลง (เพราะมันอาจจะไม่ต้องต่อสู้แย่งชิงหรือมานอนค้างรอซื้อแล้วนิ)
ส่วนตัวแล้วเรามองว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเข้าถึงแบรนด์ที่จำกัดมากๆ อย่าง Supreme ได้ง่ายขึ้น และถึงแม้ว่าแบรนด์จะก้าวไปในทิศทางไหนเชื่อว่าหลายคนก็ยังคงสนับสนุนและเคารพการตัดสินใจ เพราะไม่ว่ายังไง Supreme ก็คือสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมของสตรีทแฟชั่น ของสเก็ตบอร์ด เป็นอะไรที่ช่วยเน้นย้ำความชัดเจนของสไตล์ส่วนบุคคล ต่อให้สินค้าหรือหน้าร้านจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน ความรู้สึกดีๆต่อแบรนด์ก็ไม่น่าจะหายไปไหน (ลืมความรู้สึกตอนที่มี Box Logo ตัวแรกกันได้ลงมั้ยละ !) และอีกอย่างเงินที่ประหยัดค่ารีเซลไป ก็อาจะได้รองเท้าเจ็บๆ เพิ่มซักคู่ก็ได้นะ ใครที่คิดเห็นยังไงก็อย่าลืมมาแชร์ให้เราฟังกันบ้าง :))