ถ้าจะให้กล่าวถึงความคลาสสิคขึ้นหิ้งของเจ้าโมเดล Nike Air Jordan 1 แล้วนั้น คงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า เจ้าโมเดลตัวดังกล่าวนี้นั้น คือไอเท็มอมตะขึ้นหิ้งตลอดกาล อย่างไม่ต้องคัดค้านใดใดให้เสียดายเวลา
แต่ถ้าจะให้พูดอย่างเดียวว่า เจ้าโมเดลดังกล่าวนี้คือที่สุดแห่งที่สุดของรองเท้าสนีกเกอร์ ก็อาจจะสร้างข้อครหาให้ชาวสนีกเกอร์เฮดยุคใหม่อยู่หน่อย ๆ ว่าทำไมรองเท้าคู่นี้ถึงสามารถไต่เต้าขึ้นไปอยู่ถึงจุดนั้นได้ละ ? … ราคาไม่เห็นแพงเท่ารองเท้ารุ่นใหม่อย่าง YEEZY เลย เจ้านี่มันได้รับความนิยมกันขนาดนั้นเลยเหรอ ?
ดังนั้นในวันนี้ ผู้เขียนจึงอยากนำพาทุกท่าน ไปทำความรู้จักเจ้าโมเดล Air Jordan 1 ตัวนี้เพิ่มเติมกันอีกซักหน่อย …
แน่นอนว่ารองเท้าสนีกเกอร์ตระกูล Air Jordan ทุกรุ่นในวันนี้ มีต้นกำเนิดมาจากบุรุษคนเดียวกัน ซึ่งท่านผู้นั้นก็คือเทพเจ้าแห่งวงการบาสเก็ตบอล Michael Jordan นั่นเอง …
ซึ่งก็ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ในทีแรกตำนานของโมเดลดังกล่าวนี้อาจจะไม่ถือกำเนิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ เพราะในตอนที่ Michael Jordan ยังเป็นเพียงดาวรุ่งหน้าใหม่ในมหาวิทยาลัย North Carolina ตัวเขาเทใจให้กับ Converse และ adidas มากกว่า Nike ซึ่งเป็นบริษัทรองเท้าวิ่งหน้าใหม่เสียอีก
ทว่าท้ายที่สุดแล้วนั้น ทางฝั่งของ Nike ก็เป็นแบรนด์ที่คว้าตัวรุกกี้หน้าใหม่คนนี้ไปครอง ด้วยข้อเสนอที่คุ้มค่าด้วยมูลค่ากว่า 2.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และรองเท้าซิกเนเจอร์ของตัวเขาเอง
สำหรับยุคนั้น ข้อเสนอดังกล่าวถือว่าหาได้ยากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับในยุคที่การสปอนเซอร์เป็นธุรกิจขนาดมหภาคในสมัยนี้ และนี่เป็นการมองเกมการตลาดที่เฉียบคม แต่ก็เป็นการ "พนัน" ที่เสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะดาวรุ่งหลายต่อหลายรายในสมัยหลัง ๆ หากประสบอาการบาดเจ็บ จากดาวรุ่งก็กลายเป็นดาวร่วงไปเลยก็มี
และสิ่งที่ช่วยเพิ่มเติมความไฮป์ของโมเดลรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้น "เรื่องราว" ของตัวรองเท้า แรกเริ่มเดิมทีโมเดล Nike Air Jordan 1 นั้นถอดแบบมาจากรองเท้างานดีไซน์ฝีมือของสุดยอดดีไซน์เนอร์ค่าย Nike ที่มีชื่อว่า Peter Moore ซึ่งเจ้าโมเดลตัวนั้นคือ Nike Air Ship
ซึ่งสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดในโมเดล Air Jordan 1 นั้นก็คือ โลโก้ Wings สัญลักษณ์สุดคลาสสิคของตัวแฟรนไชส์รองเท้ารุ่นนี้ และภายหลังที่ Michael Jordan สวมใส่รองเท้ารุ่นนั้นได้ไม่นาน ก็เกิดกรณีพิพาทของเรื่อง "สีรองเท้า" ที่กำหนดให้เป็นสีขาวมากกว่าสีอื่น ๆ ตามระเบียบดั้งเดิม นั่นจึงทำให้โมเดลรุ่นแรกอย่าง Air Jordan 1 "Bred" ถูกห้ามใช้ในการแข่งขันจริง
และสิ่งที่เป็นไม้เด็ดของ Nike ในยุคนั้น แทนที่จะยอม ๆ กฏสุดจี๊ดของลีกข้อนี้ไป ก็กลายเป็นว่าพวกเขาเลือกที่จะจ่ายค่าปรับให้กับตัวของ Michael Jordan ในทุก ๆ นัดที่เขาสวมใส่ ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรมรองเท้าบาสเก็ตบอล นับตั้งแต่ช่วงปี 90s เลยก็ว่าได้ …
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา Nike Air Jordan ก็มีรุ่นใหม่ออกมามากมาย แต่สิ่งที่ทำให้ Air Jordan 1 ไม่เคยหายไปมีปัจจัยอะไรบ้างนั่นคือ …
ไมเคิล จอร์แดนบินได้
มักจะมีคำเปรียบเปรยอยู่ในประโยคอย่าง "Be Like Mike" ซึ่งปรากฏในแคมเปญโฆษณาของเขาอยู่เสมอ ซึ่งนั่นไม่ได้มาจากความเท่ห์ในการแต่งตัวของแต่อย่างใด แต่นั่นมาจากการที่เขาสามารถ "กระโดด" ได้สูงแบบเหลือเชื่อ ซึ่งนั่นทำให้คำว่า "Air Jordan" เป็นการเปรียบเปรยความโหดในการเล่นบาสของเขาไปในตัว
เด็กสเก็ตก็เคยฮิตในการสวมใส่ Air Jordan ในยุคหนึ่ง
หลายท่านอาจจะไม่เคยทราบว่า ในยุคหนึ่งเจ้าโมเดลรองเท้าบาสตัวนี้ กลับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของชาวสเก็ตบอร์ด ด้วยความทนทานของตัวรองเท้า และความแข็งแกร่งซึ่งเหมาะกับการกระแทกกับแผ่นบอร์ดเป็นอย่างยิ่ง นั่นทำให้เจ้าโมเดลสุดไฮป์ตัวนี้ เป็นที่นิยม
ซึ่งในครั้งแรกที่ชาวสเก็ตบอร์ดเริ่มให้ความสนใจรองเท้าตัวนี้นั้น เกิดจากที่ทาง Nike พยายามเคลียร์สต็อค Air Jordan 1 เพื่อต้อนรับการวางจำหน่าย Air Jordan 2 ซึ่งแน่นอนว่ารองเท้าสุดเท่ห์ในราคา 30 $ นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีของเด็กสเก็ตบอร์ด ที่มักจะมีพื้นฐานมาจากครอบครวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก
วัฒนธรรมฮิปฮอป
เพราะไม่ว่าไอคอนฮิปฮอปในยุคไหน อาจจะไล่มาตั้งแต่ LL Cool J , Jay Z ไปจนถึง A$AP Rocky ก็ล้วนแล้วแต่เคยสวมใส่รองเท้าคู่นี้กันมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งนั่นทำให้โมเดล Nike Air Jordan 1 กลายเป็นรองเท้าขั้นเบสิค ของผู้ที่สนใจในการแต่งตัวแนวฮิปฮอปเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นหากเราเชื่อมโยงวัฒนธรรมบาสเก็ตบอลกับฮิปฮอปเข้าด้วยกัน เราก็จะพบว่าสองวัฒนธรรมนี้มีรากฐานเดียวกันมาอย่างยาวนาน
ชาวร็อคยุค 80s
อาจจะเซอร์ไพรซ์ผู้อ่านพอสมควร สำหรับข้อนี้ แต่ในช่วงยุค 80s ชาวร็อคแคลิฟอร์เนีย ล้วนแล้วแต่คลั่งไคล้ในโมเดลสุดไฮป์ตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นสมาชิกวง Metallica อย่าง Lars Ulrich หรือรุ่นรองลงมาอย่าง Anthony Kiedis แห่งวง Red Hot Chilli Pepper ก็ล้วนแล้วแต่เคยใส่ Air Jordan 1 ขึ้นคอนเสิร์ตแล้วทั้งสิ้น
Hollywood
เหล่าเซเลปบริตี้แห่งแดนสวรรค์ดาราฮอลลีวู้ด ไล่เรียงชื่อตั้งแต่ Mark Wahlberg , Jason Dudeikis หรือแม้กระทั่งขาประจำอย่าง Spike Lee ผู้กำกับผิวสีชื่อดัง ที่ได้รับการทริบิวท์เป็นรองเท้าของตัวเองภายใต้ชื่อ Air Jordan Spizike ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของชาว Air Jordan ในแวดวงดาราทั้งสิ้น สิ่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ขับเคลื่อนความนิยมของแบรนด์อย่างไม่เสื่อมคลาย
Nike SB
ถ้าโมเดล Air Jordan 1 คือจุดเริ่มต้น (Interlude) ของสตรีทแฟชั่น ฉะนั้นแล้วโมเดล Nike SB ทั้งหลาย ก็ต้องเป็นบทที่สองของตำนานดังกล่าวนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ความนิยมของ Nike SB ที่เป็นที่สุดของรองเท้าสนีกเกอร์ในยุค 00s ในเรื่องของตัวเลือกสีอันหลากหลาย และงาน Collaboration ที่มีมากมายไม่รู้จบ
ถ้าถามว่าทำไมพูดถึงเรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าเพราะ Nike SB เป็นสิ่งที่โอบอุ้ม Air Jordan ในช่วงขาลงไว้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ นั่นจึงทำให้ Air Jordan 1 ยังคงอยู่คู่กับสตรีทแฟชั่นในทุกยุคทุกสมัย (จะพูดว่า Nike อยู่คู่กับสตรีทแฟชั่นมาทุกยุคในข้อนี้ก็คงไม่ผิดนัก …)
Kanye West
ถ้าจะให้พูดถึง Influencer สักคนหนึ่งในยุคนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นพ่อเทพยี Kanye West ที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรมาแต่งตัว สิ่งเหล่านั้นก็กลายเป็นเทรนด์โลกได้อย่างน่าทึ่งอยู่สม่ำเสมอ
และก่อนหน้าที่เราจะเห็นเขาในมาดปัจจุบันกับรองเท้า adidas YEEZY พ่อหนุ่มคนนี้เคยเป็นสาวกเดนตายของแบรนด์จอร์แดน เขามักจะปรากฏตัวในมาดเรียบง่ายกว่าตอนนี้เยอะ จะให้พูดว่าเสื้อยืด – กางเกงยีนส์ – รองเท้า Air Jordan 1 เคยเป็นสูตรการแต่งตัวออกงานของเขาในยุคหนึ่งเลยก็ว่าได้ …
High-End Collaborations
การร่วมงาน Collaboration กับแบรนด์ระดับโลกหลายแบรนด์อยู่เสมอ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้โมเดล Air Jordan 1 ไม่เคยจางหายไปไหน แน่นอนว่าการที่แต่ละแบรนด์จะสามารถมาร่วมงาน Collaboration กับพวกเขาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย …
สองแบรนด์ระดับเทพอย่าง OFF-WHITE และ fragment design เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับกรณีนี้ ปัจจุบันราคาของ Air Jordan 1 x fragment design อยู่ในระดับมหาโหด (ประมาณ 70,000 บาท) และสำหรับตัวโมเดลที่ร่วมงานกับ OFF-WHITE ซึ่งจะวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ ก็ถูกเผยแพร่ภาพกเป็นกระแสชาวไฮป์บนโลก Social Network อยู่ทุกวี่ทุกวัน
ไร้คู่แข่ง จนต้องแข่งกันเอง
อีดิชั่นของโมเดลดังกล่าวนี้มีหลากหลายมาก ๆ รวมไปถึงตัวเลือกของคู่สีต่าง ๆ ที่สวยงามจนต้องแข่งขันกันเอง ให้ไล่เรียงตั้งแต่อีดิชั่นอย่าง ข้อสูง , ข้อต่ำ , ผ้า Flyknit หรืออีกมากมายไม่รู้จบ เหล่ารองเท้าเหล่านี้บางทีก็มีฐานแฟนของตัวเองอย่างเหนียวแน่นอยู่แล้วในคราเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ที่ชี้ชัดให้เห็นว่า รองเท้ารุ่นนี้คือความคลาสสิคแห่งวงการสตรีทที่แท้จริง !!