ถ้าจะให้พูดถึงแบรนด์สเก็ตบอร์ดสักหนึ่งแบรนด์ที่ไม่ใช่ Supreme แล้วละก็ Palace Skateboards ก็น่าจะเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ในช่วงสตรีทแฟชั่นเรื่องรองยุคนี้ ซึ่งถ้าเราทำความรู้จักหรือศึกษาความเป็นมาของแบรนด์สเก็ตบอร์ดสัญชาติอังกฤษแบรนด์นี้ให้ดีดี เราก็จะรู้ว่า นี่เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าทำความรู้จักไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ ในตอนนี้เลย ( เพราะในตอนนี้ ท่านออาจจะเห็นแฟนบอยของแบรนด์บางคน ออกตัวว่าเป็นสาวก Palace กันแล้วจำนวนหนึ่ง )
ดังนั้นเราจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า Palace เป็นแบรนด์ที่น่าสนใจและศึกษาเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องราวความสัมพันธ์กับแบรนด์สเก็ตรุ่นพี่อย่าง Supreme แล้ว กลิ่นอายของความเป็นแก๊งค์สเก็ตเด็กอังกฤษก็มีความแตกต่างจากทางฝั่งอเมริกาอยู่มากพอสมควร ซึ่งถือเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์แฟชั่นเด็กสเก็ต ที่ควรจะบันทึกไว้เป็นอย่างยิ่ง …
‘Palace Wayward Boys’ Choir’
ชื่อ Palace นี้มีต้นกำเนิดมาจากสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของย่าน Southbank ในกรุงลอนดอน ซึ่งกลุ่มเด็กสเก็ตที่นั่นตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ในแบบภาษาของตัวเองว่า "The Palace" ซึ่งเป็นการตั้งชื่อแบบกวนประสาทตามประสาเด็กเฮี้ยว และเป็นที่มาของชื่อกลุ่มสเก็ตบอร์ดที่โด่งดังที่สุดกลุ่มหนึ่งของเกาะอังกฤษที่มีชื่อว่า ‘Palace Wayward Boys’ Choir’ (ซึ่งเป็นการล้อเล่นกับชื่อของกลุ่มระดมทุนทางศาสนา ในนิยายของ Charles Dickens นักเขียนชื่อดังของโลกอีกทีหนึ่ง) ในท้ายที่สุด ซึ่งสมาชิกหนึ่งในนั้นก็คือ Lev Tanju เจ้าของแบรนด์ Palace Skateboards ในปัจจุบัน
โลโก้ "Tri-ferg" อันโด่งดังของ Palace Skateboards และมู้ดแอนด์โทนแบบ VHS Tape
และวันหนึ่ง หลังจากที่ Lev Tanju เริ่มอิ่มตัวกับการทำวีดีโอให้กับเหล่าผู้คนในแก๊งค์ เสื้อผ้าแบรนด์ Palace ก็ได้เริ่มถือกำเนิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น Lev Tanju ก็รู้ดีว่า ตัวขาด "โลโก้" ภาพสะท้อนตัวตนของแบรนด์ที่ชัดเจน และเป็นเอกลักษณ์ในแวบแรกเห็น นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ Lev Tanju ตัดสินใจเดินเข้าหา Fergus Purcell หรือที่รู้ยจักกันดีในนาม ‘Fergadelic’ กราฟิคดีไซน์เนอร์ ที่เคยร่วมงานกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Stüssy มาแล้วในขณะนั้น
ด้วยองค์ความรู้ที่แน่นปึ้กของ Fergus Purcell เกี่ยวกับ Pop Culture และหนังสือการ์ตูน ท้ายที่สุดแล้วโลโก้ "Tri-ferg" ดราฟท์แรกของเขาก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นดราฟท์สุดท้ายของงาน …
ภาพจาก VDO Promo ของโปรเจ็คท์ Palace x adidas
Palace โดดเด่นได้จากการทำอะไรสวนทางกับแบรนด์สเก็ตอื่น ๆ อยู่เสมอ ซึ่งท่านอาจจะเห็นได้จากงาน VDO ของแบรนด์ ในยุคที่ผู้คนต่างเสพย์สมกับความชัดแจ๋วระดับ HD 1080 P แต่ตัวของ Lev Tanju กลับเลือกที่จะใช้ความเกรนแตกของภาพสไตล์ VHS Tape ซึ่งมีมนต์สเน่ห์ด้วยน๊อยส์ของงานภาพ และเมื่อนำมาถ่ายทอดร่วมกับความดิบเถื่อนของแก๊งค์เด็กสเก็ตบอร์ดชาวอังกฤษ ซึ่งยังคงมีความดิบกว่ามาก ถ้าเทียบกับฝั่งอเมริกาในปัจจุบัน เพราะพวกเขามักมีเรื่องของเหล้า , กัญชา และ กราฟฟิตี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ทำให้แบรนด์ Palace Skateboards มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองอย่างน่าหลงใหล
พวกเขาเริ่มต้นชีวิตจากการอาศัยอยู่ในแฟลตแออัดใจกลางกรุงลอนดอนย่าน Waterloo และด้วยฐานะทางบ้านของแต่ละคนที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร (ค่อนไปทางชนชั้นแรงงานเลยด้วยซ้ำ) ก็ทำให้อิทธิพลของความเท่ห์ของพวกเขานั้น ได้รับมาจากวัฒนธรรมกลุ่มชนชั้นล่างของอังกฤษอย่างเต็มสูบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพย์ติด (การเสพย์โคเดอีน) , โลโก้รถราคาย่อมเยาว์อย่างมิตซูบิชิหรือแม้กระทั่งแอลเอสดี ซึ่งส่งผลให้ Visual ของเขานั้นมีสไตล์เป็นแบบ Low-fi เสียส่วนใหญ่ ก็มีเสน่ห์เอาซะเหลือเกิน
และหลังจากที่ Supreme แบรนด์ยักษ์ใหญ่จากนิวยอร์คได้ตัดสินใจเข้ามาบุกตลาดฝั่งยุโรป ด้วยการเปิดช็อปที่ลอนดอนเป็นที่แรก ก็เป็นผลดีกับเหล่าชาว Palace เป็นอย่างมาก เพราะเมื่อความไฮป์ของ Supreme หลั่งไหลเข้ามา นั่นหมายความว่าวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดถูกจับตามองและเป็นที่พูดถึงมากขึ้น และในท้ายที่สุด พวกเขาก็ก้าวขยับจากแบรนด์ที่สวมใส่กันเองเฉพาะกลุ่ม ขึ้นไปสู่หนึ่งในแบรนด์สตรีทระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
Palace "Pop-off Shops สาขานิวยอร์ค"
Palace "Pop-off Shops สาขาลอนดอน
และนับจากการหลั่งไหลของวัฒนธรรม Supreme ในครั้งนั้น ก็กลับส่งผลให้ Palace ถูกสาดไฟสปอตไลท์ให้โดดเด่นขึ้นมา เริ่มต้นจากการที่ Supreme นำ Lucien Clarke สมาชิกของกลุ่ม ‘Palace Wayward Boys’ Choir’ มาเป็นนายแบบในภาพลุคบุคของคอลเล็คชั่นปี 2011 (ซึ่งก็ส่งผลให้ความสนใจชาวโลกมุ่งไปที่วัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดของอังกฤาอยู่ระดับหนึ่ง ) ซึ่งนับจากการจุดประกายในครั้งนั้นเป็นต้นมา Palace ก็ได้เปิดร้านเป็นของตัวเอง รู้จักกันในชื่อ ‘Pop-Off Shops’ ซึ่งโดดเด่นเป็นสง่าด้วยการออกแบบแปลนร้านให้คล้ายกับ "Palace" (พระราชวัง) มากที่สุด ก็ถือเป็นอารมณ์ขันอย่างหนึ่งของ Lev Tanju และการเปิดสาขาใหม่นอกประเทศครั้งแรกที่นิวยอร์ค ก็เป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ เพราะความไฮป์ของพวกเขาได้ทำให้ผู้คนก่อการจราจล เพื่อที่จะซื้อสินค้าของพวกเขา
พวกเขามีโอกาสได้ร่วมงาน Collaboration กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง adidas , Reebok และ Umbro เสื้อผ้าของพวกเขาถูกสวมใส่โดยซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง Rihanna , Drake , ASAP Rocky , Jay – Z และศิลปินดังระดับโลกอีกมากมาย พวกเขาไม่ใช่แบรนด์ของแก๊งค์เด็กข้างถนนอีกต่อไป เพราะในทุกวันนี้ พวกเขาคือแบรนด์ระดับโลก … ที่ผู้คนต่างยื้อแย่งซื้อสินค้าของพวกเขากันอย่างบ้าคลั่ง !