ต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า ณ วินาทีนี้ ไม่น่าจะมีโมเดลไหนร้อนแรงเท่ากับ Nike Air Max 97 "Silver Bullet" ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา และนอกจากนั้นดูเหมือนว่ากระแสความนิยมของโมเดลดังกล่าวในประเทศไทยก็ได้ปะทุขึ้นอย่างร้อนแรง ผ่านความเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่พูดถึงเจ้าโมเดลในตำนานตัวนี้กันอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่เจ้ากระสุนเงิน Nike Air Max 97 "Silver Bullet" ได้เรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าสาวกกันไปยกใหญ่แล้วก่อนหน้านี้ ในที่สุดหลังจากที่กระแส Nike Air Max Day ได้ผ่านพ้นไป Nike ก็เดินหน้าทำการตลาดอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง ด้วยการกลับมาของโมเดล Nike Air Max 97 "Metallic Gold" (Gold Bullet) นั่นเอง ซึ่งฐานะญาติของเจ้าตัวนี้ก็นับได้ว่าเป็นญาติสนิทของโมเดลกระสุนเงิน เพราะมันคือสีที่สองที่ออกมา ถัดจาก "Silver Bullet”
ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งก็น่าจะทำให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงกันอยู่พอสมควร สำหรับเจ้าพ่อทองคำตัวนี้ …
ในขณะที่หลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่ารองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก "รถไฟหัวกระสุน ชิน คัน เซน " ของญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วนั้น Christian Tresser เคยปริปากบอกกับทางสื่อมวลชนว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจของคู่สีนี้มาจากจักรยานเสือภูเขา ที่ซึ่งมีสีหลักเป็นสีของวัสดุอลูมิเนียมแบบเพียว ๆ ในยุคนั้น แต่เขาก็เลือกที่จะใช้ชื่อว่า "Silver Bullet" ไม่ใช่ "Silver Bicycle" เพราะชื่อแรกมันเท่ห์กว่าเยอะ !
สำหรับทางฝั่งรูปร่างของโมเดล ถ้า Air Max 95 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างอนาโตมีของมนุษย์ Air Max 97 ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ "เม็ดฝน" ที่ตกลงมาจากฟ้านี่แหละ … ส่วนแพทเทิร์นบริเวณ Upper ที่ดูแล้วคล้าย ๆ กับคลื่นขนาดย่อมนั้น ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฝนเวลาตกกระทบกับผิวน้ำอาจจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่แล้วในสมัยนี้
ทางด้านของงานวัสดุ บริเวณส่วน Upper ก็เป็นการผสมผสานระหว่างตัวหนังและตัวผ้าใบ ซึ่งก็ใช้สีทองสองโทนสีผสมกันไว้อย่างลงตัว ในขณะที่แถบ Swoosh สีแดงสดก็สามารถไฮไลท์สายตาคนได้เป็นอย่างดี เป็นการเล่นกิมมิคที่ชาญฉลาดของ Christian Tresser ไม่ให้รองเท้าคู่นี้ดูมีสีเลี่ยนจนเกินไป
มาดูทางฝั่งของพื้นรองเท้ากันบ้าง รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้ารุ่นแรกที่ใช้นวัตกรรม "AIR" ทั้งผืน ซึ่งเป็นหมุดหมายที่สำคัญของประวัติศาสตร์รองเท้า อันต่อยอดให้เกิดรองเท้าตระกูลแอร์อีกหลายรุ่นตามมาในปัจจุบัน ซึ่งนั่นสามารถตอบโจทย์ความเบาสบายในการสวมใส่ได้เป็นอย่างดี และอย่าลืมเผื่อไซส์กันไว้ด้วยสักครึ่งเบอร์ (เช่นใส่ 10 US ก็ควรใส่ 10.5 US สำหรับรุ่นนี้) เพราะส่วนหัวรองเท้ารุ่นนี้มีลักษณะค่อนข้างแคบ ถ้าใส่ตรงไซส์ก็จะบีบนิ้วเท้าอยู่พอสมควร
ในขณะที่ระบบผูกเชือกแบบ "hidden lacing system" ที่ซึ่ง Air Max เป็นรองเท้าคู่แรกที่ใช้ระบบนี้ ซึ่งดีไซน์อันวกวนประหลาดแปลก อีกทั้งการเล่นแถบสะท้อนแสงแบบ 360 องศาของรองเท้าคู่นี้ ก็สามารถทำให้แฟน ๆ สนีกเกอร์ไม่รักก็เกลียดรองเท้าคู่นี้ไปเลย !
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นรองเท้าสนีกเกอร์อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสวมใส่ และน่าเก็บไว้ในคลังแสงของทุกท่าน โดย Nike Air Max 97 "Metallic Gold" พร้อมจะวางจำหน่ายในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ที่ SEEK Thailand (สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว) รีบไปจับจองกันให้ไว เพราะถ้าช้าอด … หมดแน่นอน !
ไซส์ที่จะวางจำหน่าย มีทั้งหมดดังนี้ …
Size: 7.5 | 8 | 8.5 | 9 | 9.5 | 10 | 10.5 | 11 | 11.5 (US)
Price: 5,800 THB
(สมาชิก Seek Rewards รับส่วนลด 10%)
.
*วางจำหน่ายวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2560 นี้ ที่
– SEEK CentralPlaza Lardprao ชั้น 3 โทร 02-036-0255
IG: instagram.com/SeekOfficialTH (@SeekOfficialTH)