คุยกับ Goody K ที่นี่ที่แรก เปิดใจล้วงลึกอะไรคือแบคดอร์ (Backdoor)

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กระแสรองเท้า adidas YEEZY Boost ก็ยังคงระดับความร้อนแรงเอาไว้ตั้งแต่ในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเด็นร้อนที่พูดถึงกันมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นของการปรากฏตัวของชายที่ชื่อว่า “Goody K” แน่ละ จะไม่ให้ถูกพูดถึงได้อย่างไร เขาเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาครั้งแรก ผ่านรายการบน Youtube และทาง Fan Page ของเขา “VLOG EP2 : YEEZY Boost” ซึ่งในรายการนั้น มีความพิเศษอยู่ตรงที่เขาพาไป “แบ็คดอร์” (การแอบซื้อรองเท้าก่อนวางจำหน่าย) ก่อนที่รองเท้าคู่นั้นจะวางจำหน่ายเลยด้วยซ้ำ

และนี่แหละที่เป็นประเด็น …

เพราะการแบ็คดอร์นั้น เป็นประเด็นที่ค่อนข้างะเป็นที่ถกเถียงกันอยู่พอสมควรในวงกว้าง ประเด็นการเข้าประตูหลังเพื่อซื้อรองเท้าก่อนใคร เป็นสิ่งที่มีมาอย่างยาวนาน และถือว่าเป็นด้านมืดของวงการรองเท้าสนีกเกอร์อย่างชัดเจน

ซึ่งในวันนี้ทาง Soul4street จะพาทุกท่านไปจับเข่าคุยกับ Goody K คนไทยที่แบ็คดอร์ยีซี่ได้ก่อนใคร และเปิดใจในทุกเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขา รวมไปถึงทัศนคติอันน่าสนใจที่เขามีต่อรองเท้าคู่นี้ ที่นี่ ที่แรก

ได้ยินมาว่าคุณไม่ใช่สนีกเกอร์เฮด แล้วคุณเริ่มต้นสนใจรองเท้าสนีกเกอร์คู่นี้ได้อย่างไร ?

ก่อนหน้าที่ YEEZY จะมาเนี่ย มันเป็นยุคของ Jordan ถูกไหม ? ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยสนใจรองเท้าพวกนี้เลย เพราะว่าส่วนใหญ่มันจะเป็นทรงข้อสูงถึงผมไม่ชอบ แต่ถ้าถามว่าผมสนใจแฟชั่นไหม … ผมเป็นคนสนใจแฟชั่นนะ ผมสนใจแบรนด์พวก Christian Louboutin , Valentino อะไรทำนองนั้น เป็นสายไฮแฟชั่นนิดนึง

อยู่มาวันนึงร้าน Barneys New York ที่ผมเป็นลูกค้าประจำเอา YEEZY มาขาย ซึ่งเขาก็ถามผมว่าจะเอาไหม จำได้เลยว่าตอนนั้นคือ adidas YEEZY Boost 350 V1 “Turtle Dove” สีที่โคตรแพงในตอนนี้ เราก็ได้ราคาป้ายมา ตอนแรกบอกเลยว่ารู้สึกว่ารองเท้าคู่นี้ไม่ได้มีความสวยเลย (หัวเราะ) แต่พอหลังจากนั้นรุ่นน้องที่ไปกับผมเขาอยากได้ ผมเลยตัดสินใจซื้อมาสองคู่ แล้วก็ลองใส่ดู ใส่แบบใส่ไปทำงานปกติเลยนะ ปรากฏว่าคนมองเราตลอดทาง มีคนเดินมาชมรองเท้าเลยด้วยซ้ำ

"ซึ่งเราเรียกว่า Hook – up Statement กล่าวคือ สมมติคุณมี Zebra ใส่ก่อนวันจำหน่ายจริง

แสดงว่าคุณมีมากกว่าเงิน คุณมี Connection ถูกไหม ?"

แสดงว่าคุณก็เป็นคนแรก ๆ ที่อยู่ในยุค YEEZY เลยทีเดียว ดังนั้นทางเราอยากทราบความเห็นจากคุณว่า ทำไมมันถึงเป็นกระแสขึ้นมา ?

เรื่องของการตลาดล้วน ๆ ตอนแรกที่ Turtle Dove ออกมารีเซลกันอยู่ไม่เกินกว่าราคาป้ายประมาณ 3000 บาท คือเรายังไม่เข้าใจตลาดรีเซลในตอนนั้น เราสามารถซื้อ Louboutin ราคาป้ายในราคา 40,000 – 50,000 ได้ แต่เราไม่เข้าใจกับการที่เราจะต้องซื้อรองเท้าราคาป้ายราคา 7,000 ในราคา 10,000 ณ ตอนนั้น

ซึ่งผลพวงจากการใช้โซเชียลมีเดียอย่างชาญฉลาด ประกอบกับการเป็น Ambassador ด้วยตัวของ Kanye West เอง (เช่นเดียวกับศิลปินชื่อดังคนอื่น ๆ) ก็เป็นอะไรที่ใหม่และจังหวะพอดี เพราะตอนนี้ Kanye ก็อยุ่ในจุดสูงสุงของอาชีพเขา ซึ่งเราบริบทนี้ว่าเรียกว่า Hook – up Statement กล่าวคือ สมมติคุณมี Zebra ใส่ก่อนวันจำหน่ายจริง แสดงว่าคุณมีมากกว่าเงิน คุณมี Connection ถูกไหม ?

และตอนนี้ ราคาของ Zebra ตกอยู่คู่ละ 70,000 บาท (ช่วงราคาตอนที่ให้สัมภาษณ์) ซึ่งผมก็เคยลองนั่งคุยกับเพื่อนถึงประเด็นนี้ คือมันเป็นสิ่งที่แสดงถึง “ความมั่นคงทางการเงินของคุณ” ถ้าคุณเสียเงินซื้อ Givenchy ในราคา 70,000 บาท คุณก็จะได้คุณภาพของวัสดุและงานดีไซน์ในราคา 70,000 บาท แต่นี่มันไม่ใช่ … ต้องยอมรับเลยว่าเราก็เป็นคนที่ตามกระแส เราตามเก็บ YEEZY ทุกรุ่นเลยในตอนนี้

ที่คุณพูดมามันสามารถเชื่อมโยงกับสถาณการณ์แฟชั่นในปัจจุบันได้นะครับ ?

ถูกต้อง ตอนนี้ไฮเอนด์กับสตรีทมันกำลังจะรวมร่างกันอย่างน่ากลัว ตัวอย่างที่เราเห็นกันได้ชัดเจนก็คือ Supreme x Louis Vuitton นี่แหละ สตรีทก็พยายามจะเป็นไฮเอนด์ ไฮเอนด์ก็ลดอีโก้ตัวเองลงไปหาสตรีท

งั้นเรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า คุณแบ็คดอร์ YEEZY ได้อย่างไรครับ ?

ต้องเอาคำนี้กลับมาพูดใหม่ คำว่า Royal Trust System ซึ่งเป็นระบบที่เขาจะให้ของที่หายากกับลูกค้าที่เป็นขาประจำก่อน คือต้องบอกแบบคลุกวงในเลยว่า adidas ไม่ได้คอนโทรล YEEZY เลยนะ Kanye West เป็นคนควบคุมการวางจำหน่ายทั้งหมด เพราะฉะนั้นเค้าจะทำอะไรกับ YEEZY ก็ได้

ซึ่งแน่นอน หลังจากที่ร้าน Retailers ทั้งหลายได้รับรองเท้าคู่นี้ พวกเขาจะต้องได้รับก่อนเป็นอาทิตย์อยู่แล้ว และระบบที่ว่าเนี้ย ก็คือว่าด้วย “ความซื่อสัตย์” ของร้านนั้น ๆ ตัวอย่างเช่นผมเป็นเจ้าของร้านรองเท้า ผมติดต่อกับทางสโตร์ YEEZY เลยว่า ผมอยากได้มาวางจำหน่าย 50 คู่ เมื่อดิวกันเสร็จเรียบร้อยและร้านของผมสอบผ่านเงื่อนไขที่พวกเขากำหนด ผมก็สามารถจะทำอะไรกับรองเท้าพวกนี้ก็ได้ แต่ถ้าพวกเขารู้ว่า โอเค ผมขายแบคดอร์นะ ผมไม่ได้เอามาขายราคาป้ายหน้าร้านจริง ๆ ครั้งหน้าเขาก็จะไม่ให้รองเท้าผม แต่ถามว่าถ้าผมทำอย่างนั้นผมทำผิดกฏหมายไหม … ไม่แน่นอนครับ

และที่ผมสามารถซื้อสินค้าด้วยวิธีนี้ได้ เพราะผมเป็นเพื่อนกับหลานของ Kanye West ครับ พวกเราแข่งรถด้วยกัน และพวกผมก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ในการซื้อรองเท้า YEEZY

แล้วราคาที่คุณได้มา เป็นราคาป้ายไหม ?

ไม่ใช่ครับ … ราคาที่ผมได้มาเป็นราคาแบคดอร์ อธิบายง่าย ๆ คือราคาสูงไม่แพ้รีเซลเลย แต่ผมจะได้ก่อนใคร เพราะราคารีเซลในตลาดมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนวางจำหน่ายแล้ว

เหมือนซื้อหุ้นเก็งกำไร ?

ถูกต้องครับ … การลงทุนมีความเสี่ยง (หัวเราะ)

ถึงขนาดที่ว่า Allen Kuo ที่ทางเราเคยเขียนเกี่ยวกับเขาไป ยังมารับรองเท้าจากคุณ ?

ถ้าในไทยไม่มีใครได้จับรองเท้ารุ่นนี้ในจำนวนมากเท่าผมแน่นอน แต่สำหรับต่างประเทศมีคนมากกว่าผมครับ และผมกับ Allen Kuo เรารู้จักกันดี เขาเคยมานอนค้างที่บ้านผมด้วยซ้ำ เขาเป็นเด็กนิสัยดีนะ

ถ้าอย่างนั้นย้อนไปถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่มีคนบอกว่าคุณเป็นตัวทำลายตลาดราคารองเท้าบ้างละ เป็นคนขี้โกงบ้างละ คุณรุ้สึกอย่างไรครับ ?

ข้อแรกเลย ผมไม่ได้ทำผิดกฏหมาย ผมแค่ลื่นไหลไปตามเกมตลาดรองเท้าเท่านั้น ในฐานะนักธุรกิจผมบอกเลยว่าผมไม่ได้มีเงินจากการขายรองเท้านะครับ ผมทำเพื่อช่วยเหลือน้อง ๆ ผมที่อยู่อเมริกาด้วยกันให้เขามีรายได้บ้าง เพราะฉะนั้นผมไม่โอเคเท่าไหร่กับการถูกเรียกว่าเป็นไอ้ขี้โกง

อีกอย่างหนึ่งเลยคือ ความจริงแล้วในวงการตลาดรีเซลที่นั่นเขามีราคากลางกันอยู่ ซึ่งสิ่งที่ผมทำผมก็ทำตามกติกานั้นทุกอย่าง เพราะถ้าผมขายตัดราคาคนอื่น ผมจะโดนแบนทันทีเลยนะ ต่างจากที่ไทยที่มีการขายตัดราคากันอย่างสนุกสนาน

เพราะความจริงแล้วที่ทุกคนบ่นว่า “ไม่ได้รองเท้าเพราะพวกแบคดอร์” ผมว่าคุณต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่เลยนะครับ จำนวนรองเท้าที่ผมได้มาไม่ได้มากมายอะไรเลยกับจำนวนสต็อคทั้งหมด (200-300 คู่) แล้วอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือ คุณต้องเข้าใจว่าการแข่งขันในยุคนี้มันสูงมาก ยกตัวอย่างเช่นการจับฉลากออนไลน์ คุณบอกว่าคุณลงทะเบียนไป 5-6 ชื่อ คนอื่นเขาก็ทำกันได้เหมือนคุณนะแหละ ชื่อพ่อบ้าง ชื่อแม่บ้าง การแข่งขันมันสูง เปอร์เซ็นต์มันก็ต่ำลง

แล้วถ้าถามลึกลงไปอีกว่า กลุ่มคนที่อยากได้รองเท้าเนี่ย เขาจะใส่เองหรือเขาจะขายต่อ คุณพนันกับผมไหมล่ะว่า 90% ของคนที่อยากได้รองเท้า “ราคาดี” จากผมหรือใครก็แล้วแต่ ก็เอาไปขายทำกำไรต่อ ซึ่งมันเป็นความขัดแย้งที่ตลกดี พวกเขาคิดว่าจะสามารถหาเงินง่าย ๆ ได้จากตรงนี้ ความจริงมันไม่ใช่ไง ทุกวันนี้ผมยังต้องอุ้มตัว YEEZY “Bred” อยู่เลย ถ้าคิดว่าผมขี้โกง และหาเงินได้ง่าย ๆ จากตรงนี้ … พวกเขากล้าเอาเงินเป็นล้านไปจมกับรองเท้าเหมือนผมไหมละ ?

จากการพูดคุยกับพ่อหนุ่มนักธุรกิจผู้ประสบความเร็จในวงการรถแข่ง แล้วมาเล่นรองเท้าผู้นี้ก็ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์จากเดิม ที่ต่อต้านวงการ Resell กันอย่างมืดบอดว่าเป็นสิ่งที่เลวร้าย ในวันนี้เราก็ได้อีกแง่คิดที่น่าสนใจจากเขาคนนี้ ให้เราได้ประเทืองปัญญากันอยู่บ้าง และทางเราไม่ได้สนับสนุนหรือต่อต้านการ Backdoor แต่อย่างใด ทางเรามีจุดประสงค์เพื่อให้ท่านได้รับรู้อีกด้านหนึ่งของโลกสนีกเกอร์เท่านั้น

PHOTO BY : Suphasin Duangkrachung

Share:

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save