เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความดุเดือดของธุรกิจแฟชั่น ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบาย “Buy American, Hire American” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเมื่อเราเน้นยำคำพูดที่ว่า “Buy American" ออกมา แน่นอนว่าจากคำพูดสั่ว ๆ ของโดนัลด์ ทรัมพ์คำนี้ คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็เห็นทีจะหนีไม่พ้นเหล่าแบรนด์ต่างประเทศทั้งหลาย ซึ่ง Uniqlo จากแดนอาทิตย์อุทัย ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ
Tadashi Yanai ผู้ก่อตั้งและประธานของ Uniqlo คนปัจจุบัน ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเหยยแหยะในนโยบายสุดไร้สาระนี้ว่า "ถ้าเขามาบอกกับผมตรง ๆ ผมก็จะถอนตัวจากสหรัฐแน่นอนครับ"
อีกทั้งเขายังกล่าวเสริมอีกว่า “เราคงไม่สามารถจะผลิตเสื้อผ้าคุณภาพที่มีราคาสมเหตุสมผลได้จากนโยบายของเขา และถ้าจะให้เราขึ้นราคาผมว่ามันไร้สาระ … ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ถ้านโยบายเขาว่ามาอย่างนั้น …”
ด้วยร้านค้ากว่า 1,300 สาขาทั่วโลก ใน 15 ประเทศ ก็สามารถพูดได้อย่างไม่กระดากปากว่าผู้ก่อตั้งอย่าง Tadashi Yanai ได้เดินทางมาถึงจุดที่เขาหมายมั่นไว้ได้อย่างสวยหรู กับความพยายามที่จะเผยแพร่อิทธิพลและแนวทางในความเป็น Uniqlo ให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัสกันมากที่สุด และจุดแข็งของแบรนด์ไม่เพียงแต่การขายสินค้าคุณภาพพรีเมียมในราคาที่ยอมรับได้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่มันคือการพยายามเชื่อมต่อกับ "เทรนด์" อย่างเท่าทันโลกด้วยคอลเล็คชั่นที่เกิดจากการ Collaboration ผ่านศิลปินดีไซน์เนอร์มากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น KAWS , NIGO , Pharrell Williams , UNDERCOVER , หรือแม้กระทั่งจิตรกรชื่อดังอย่าง Jean-Michel Basquiat
แต่ถ้าท่านผู้นำว่าอย่างนั้น ก็ตามนั้นละครับ ท่านผู้นำ …