ทำไมถึงกลับมาตอนนี้ ? Nike Air Max 1 “atmos Elephant” ว่าด้วยเรื่องของรองเท้าที่เคยปัง และยังกลับมาอย่างงดงาม

ก็ผ่านพ้นกันไปแล้ว สำหรับการวางจำหน่าย Nike Air Max 1 "atmos Elephant" เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งจากรูปภาพบรรยากาศงานที่เราได้โพสท์ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์เห็นเป็นแน่นอนแล้วว่า ตำนานก็คือตำนาน การกลับมาในครั้งนี้หลังจากห่างหายไปกว่าสิบปีของ Nike Air Max 1 "atmos Elephant" ก็ไม่ได้ทำให้โมเดลที่ว่ากันว่า "สวยที่สุด"ตัวหนึ่งของซีรี่ย์นี้จางหายไปแต่อย่างใด ยังคงได้รับความนิยมอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน

แต่คำถามคือ "ทำไมมันถึงยังได้รับความนิยมอยู่ ? " นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่น่าจะทำให้กระจ่างเป็นที่สุด ณ เวลาที่ความร้อนแรงของ Nike Air Max 1 กำลังพุ่งทะลุจุดเดือดปรอทอยู่ในตอนนี้ !

เพราะฉะนั้น วันนี้ ทาง Soul4street จะมาแถลงไขข้อดังกล่าวให้ทุกท่านได้แจ่มแจ้งกันในบทความนี้ครับ

ในยุคที่งาน Collaboration เกิดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นในลักษณะที่ว่า "แก…นี่ไงรองเท้าออกใหม่ แบรนด์ !@#$!# x กะไนกี้อะ" หรือไม่ก็ "แก เห็น BAPE x กะอะไรก็ไม่รู้รึยัง … สวยดีเนอะ !" หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมแบรนด์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเหล่านี้ ถึงได้ร่วมคอลแลปส์กับแบรนด์นู่นนี่เต็มไปหมด ซึ่งจุดเริ่มต้นมันก็เริ่มมาจาก เมื่อปี ค.ศ. 2000 แบรนด์สายเซิร์ฟบอร์ดแดนแคลิฟอร์เนียอย่าง Stussy ได้มาร่วมงาน Collaboration เป็นครั้งแรกกับทาง Nike ซึ่งภายในงานคอลแลปส์ครั้งนั้น ผลลัพธ์คือการวางจำหน่ายรองเท้าสนีกเกอร์โมเดล Nike Air Huarache ออกมาในแบบเวอร์ชั่นลิมิเต็ดที่มีชื่อว่า Stussy x Nike Air Huarache LE ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก …

แต่ถ้าถามว่า … อ้าว หัวข้อเกริ่นมาถึงเจ้าช้างฟ้า แล้วไอ้คนเขียนนี่จะมาเกริ่นเรื่อง Stussy x Nike ทำไม ก็ต้องขอออกตัวบอกก่อนเลยว่า โปรเจ็คท์ที่กล่าวถึงขึ้นมาในบรรทัดที่ผ่านมานี่แหละ คือหมุดหมายที่สำคัญในประวัติศาสตร์การ Collaboration รองเท้าเลยทีเดียวนะเว้ยเฮ้ย !

Stussy x Nike Air Huarache LE (2000) : Desert Oak/Reed Light Straw 609020-221

ซึ่งหลังจากการคอลแลปส์สะท้านโลกในครั้งนั้น ก็มีแบรนด์น้อยใหญ่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมงาน Collaboration กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nike , adidas ,Reebok และอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน การคอลแลปส์ในครั้งนั้นคือ "การปฏิวัติงาน Collaboration ของโลก"

Atmos x Nike Air Max 1 ‘Safari’ (2002) : Flax/Tennessee Orange-Chestnut-Light Graphite 302740-281

ในปี 2002 ก็เป็นโอกาสของแบรนด์รีเทลเลอร์เจ้าใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง atmos ซึ่งเปิดตัวอย่างงดงามด้วยการนำลวดลาย Safari ลวดลายที่ค่อนข้างจะ "แหวกแนว" ในสมัยนั้น มาใส่ไว้บนโมเดล Nike Air Max 1 ของ Tinker Hatfield ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวความยิ่งใหญ่ของ atmos ได้อย่างสง่างาม … และเป็นอีกหนึ่งงานคอลแลปส์ที่ดีที่สุดโมเดลหนึ่งของรุ่น Air Max 1

Atmos x Air Max 1 B ‘Viotech’khaki/viotech-dark mocha-metallic gold 302740 251

ในปี 2003 โปรเจ็คท์ atmos x Nike กลับมาอีกครั้งด้วยโมเดล atmos x Nike “Viotech” ซึ่งเป้นการจับคู่ที่โคตรจะลงตัวระหว่างสีน้ำตาลและสีม่วง ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโมเดลที่ถูกยกไว้ให้เป็นที่สุดตลอดกาล (อีกทั้งมีส่วนอยู่ในโมเดลรวมมิตรตัวล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายอย่าง Nike Air Max 1 "Master" ด้วยเช่นกัน)

atmos x Nike Air Max 1 “Elephant”

และในปี 2007 หลังจากที่นาย นายฮิโระฟูมิ โคจิมะ ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟของแอทมอส ร้านรีเทลเลอร์เจ้าใหญ่แห่งแดนปลาดิบ ได้ร่วมกันทำงาน Collaboration กับ Nike Japan อีกครั้ง ก็ได้เกิดปิ๊งไอเดียมาจากเจ้าโมเดลในตำนานของทางฝั่งแอร์จอร์แดนอย่าง Nike Air Jordan 3 ซึ่งคุณโคจิมะก็หลงใหลในลวดลาย "หนังช้าง" ของรองเท้าคู่ดังกล่าวชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น

สีฟ้าอมเขียวสดใส (Jade) ของโลโก้ไนกี้บนลายหนังช้างขาวดำ เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างกลมกล่อม ด้วยความคลาสสิคที่ตัดกับสีฟ้าอมเขียวโทนแจ๋นสดใสประกายตา เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ยากที่จะหาใครมาสร้างสรรค์ให้มันเป็นไปได้อย่างตำนานของรองเท้าคู่นี้ ซึ่งรองเท้าคู่นี้ก็ถูกยกให้เป็นไอเท็มที่โคตร "HYPE" ในยุคนั้น ชนิดที่ว่าใส่แล้วหล่อสัส !

Hirofumi Kojima ผู้ออกแบบ Nike Air Max 1 "atmos Elephant"

จากความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของงาน Collaboration ครั้งนี้ ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านอกจากจะเป็นเรื่องของความสวยงามเรื่องดีไซน์ของรองเท้าคู่นี้ มันเริ่มมาจากการยึดแนวคิด "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" ในยุคนั้น atmos ไม่ใช่แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเลยถ้าเทียบกับ Nike แต่สิ่งที่ atmos ได้รับคือ "โอกาส" เพราะแบรนด์ใหญ่ต่อให้มีบุคลากรเป็นร้อยเป็นพันขนาดไหน พวกเขาก็ต้องชะโงกหน้าไปสูดอากาศนอกกะลาบ้าง และพวกเขาก็มาถูกทางจริง ๆ !

แต่แน่นอนว่า atmos x Nike Air Max 1 “Elephant” ก็เคยหายไปจากไทม์ไลน์ความนิยมของชาวสนีกเกอร์อยู่เหมือนกัน …

และใน 10 ปีต่อมา หลังจากที่ Nike เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ร่วม Vote Back รองเท้า Air Max 1 โมเดลพิเศษต่างๆ ที่เคยผลิตออกมาวางจำหน่ายแล้ว และจะนำรองเท้ารุ่นที่ชนะในการโหวตกลับมาทำใหม่อีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างชัดเจน ว่าเจ้ารุ่น atmos x Nike Air Max 1 Safari "Elephant" เป็นโมเดลที่มีคนโหวตมากที่สุด ทำให้ Nike นำโมเดลนี้ออกมาจำหน่ายอีกครั้งในวัน Air Max Day 2017

เหล่าผู้เข้าร่วมจับฉลากในงานวางจำหน่าย Nike Air Max 1 "atmos Elephant" เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคมผ่านมา

และจากบรรยากาศงานจับฉลากที่ลานพาร์ค พารากอน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทุกคนก็สามารถพิสูจน์ข้อสงสัยดังกล่าวได้อย่างชัดเจน เพราะรองเท้าคู่นี้มันมีเรื่องราวมากกว่าความสวยงามที่มันปรากฏอยู่เท่านั้น การ Collaboration ระหว่าง Nike และ atmos ถือเป็นการจับมือระหว่างค่ายใหญ่ค่ายเล็กครั้งแรก ๆ ที่ประวัติศาสตร์ต้องจดจำไว้เป็นตำนานในความสำเร็จของมัน และ โมเดลตัวนี้มันขึ้นหิ้งความคลาสสิคของมันอยู่แล้ว และที่สำคัญ มันถูกโหวตให้กลับมาด้วยเสียงที่เป็นมติตามระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์

วัฐจักรแฟชั่นมันหมุนของมันไปเรื่อย ๆ ใหม่มาเก่าก็หายไป เมื่อของใหม่กลายเป็นของเก่า ของเก่าก็จะกลับมาเป็นของใหม่ให้เราเห็นกันอยู่เรื่อยไปไม่รู้จบ

มันคือการ "Bring Back" ของเก่าที่เคยเฉิดฉายในอดีต และกลับมาอย่างถูกที่ถูกเวลาก็แค่นั้นเอง … (ก็คนเขาต้องการนี่ … ถูกไหม !)

Share:

WATCHA GONNA ดู

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save