เชื่อว่าบ่อยครั้งทุกท่านอาจจะได้เห็นใบหน้าของหนุ่มตี๋อเมริกัน เชื้อสายจีนคนนี้ ที่มักจะได้รองเท้าสนีกเกอร์สุดไฮป์มาก่อนใครด้วยวิธีการ "เข้าประตูหลัง" (Back Door) ซึ่งเป็นวิธีการที่นอกจากจะมีคอนเน็คชั่นที่ดีแล้วนั้น ต้อง "มีตัง" ถึงจะทำได้
และด้วยกระแสน่าหมั่นไส้ชาวสนีกเกอร์เฮดหลายคนดูจะไม่ค่อยชอบใจกับวิธีการของเขาเท่าไหร่ ทำให้พ่อหนุ่มคนนี้ดังภายในชั่วข้ามคืน เพราะบางครั้งวันวางจำหน่ายเพิ่งประกาศออกมาได้ไม่กี่วัน เจ้าหนุ่มหน้าตี๋คนนี้ก็อัปโหลดรูปที่เขาถ่ายคู่กับกล่องรองเท้าสุดไฮป์ ที่กองสูงพะเนินอยู่ตรงหน้า จนหลายท่านสงสัยว่า "มันได้มายังไงวะ !?"
ซึ่งในวันนี้ทาง Soul4street ก็ได้รวบรวมเรื่องราวของหนุ่มน้อยนัก Resell ผู้นี้ ว่าเขาผ่านบททดสอบอะไรมาบ้างกว่าจะถึงจุดนี้ มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน !
แรกเริ่มเดิมที Allen Kuo คือเด็กธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ได้มีความสนใจในรองเท้าเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่จุดประกายความคิดในการเป็นพ่อค้ารองเท้าของเขานั้นเริ่มต้นขึ้นมาจากรองเท้าคู่นี้ Nike Air Jordan 6s "Olympic" ซึ่งเขาก็ฟาดกำไรได้อย่างงาม ชนิดที่เขารู้สึกว่า "นี่เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ"
เขาเป็นคนที่เพื่อน ๆ รู้กันดีว่า เป็นคน "หัวพ่อค้า" ตามแบบฉบับชาวจีนโดยแท้จริง หลังจากที่เขาขายรองเท้าคู่แรกไป เขาก็นำเงินดังกล่าวนั้นไปซื้อถุงเท้าไนกี้เซลล้างสต็อก แล้วนำไปขายต่อด้วยราคาที่ได้กำไรกว่าเท่าตัว และหลังจากที่ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง เขาก็เริ่มที่จะสนใจในธุรกิจด้านนี้มากขึ้น ซึ่งจุดเริ่มต้นของเขาไม่ได้ไกลจากตัวเราเลยแม้แต่น้อย
"เขาเริ่มต้นเป็นพ่อค้า Resell รองเท้าจากใน Facebook นี่แหละ !"
เขาเข้าไปอยู่ในกรุ๊ปซื้อ – ขายหลายกลุ่มด้วยกัน เขาตัดสินใจที่จะซื้อรองเท้าในแบบ " Sneakers Pack " (ขายเหมา) บน eBay แล้วนำมาขายปลีกแยกเพื่อต่อยอดทำกำไร เขาเริ่มฝึกหัดศึกษาว่า รองเท้าแต่ละคู่มีความเป็นมาอย่างไร รุ่นไหนแพง รุ่นไหนไม่แพง ของแท้ของปลอมต่างกันตรงไหน ซึ่งเซนส์ในการจับผิดรองเท้าของเขาเฉียบคมขนาดที่ว่า เขาสามารถดมแล้วแยกของแท้กับของปลอมได้อย่างเด็ดขาด
ธุรกิจของเขาเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งจากที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องของความปราดเปรียวหัวแหลมในการทำธุรกิจเหล่านี้เพียงอย่างเดียว แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นในการเป็นมหาเศรษฐีของเขาต่างหาก เพราะเขาเริ่มต้นธุรกิจนี้ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ค้นพบว่า ชีวิตเขาก็มีสิ่งที่ต้องพิสูจน์เหมือนกัน …
Allen Kuo เป็นชาวอเมริกัน เชื้อสายจีน ซึ่งเกิดและโตในแคลิฟอร์เนีย เขาโตมาในครอบครัวที่ยังค่อนข้าง "หัวโบราณ" ในแบบฉบับของชาวจีน บ่อยครั้งที่เขามักจะถูกตั้งคำถามอยู่เสมอ จากการขายของพวกนี้ ครอบครัวของพวกเขาไม่เข้าใจ และไม่มีวันเข้าใจ ! จนกว่าเขาจะพิสูจน์อะไรสักอย่างให้พ่อกับแม่เห็น !
"คนเรามี 24 ชม. ต่อวันเท่ากัน ผมไม่อยากเสียเวลาในการนั่งเรียนหนังสือหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้ดีกว่านั้น " เขากล่าวไว้ด้วยความมั่นใจในตอนที่ให้สัมภาษณ์กับ Sneaker Watch
เขาจึงตัดสินใจคุยกับทางบ้านว่า "ไม่อยากเรียนหนังสืออีกต่อไป โดยยื่นเงื่อนไขว่า ถ้าเขามีเกรดเฉลี่ยดีพอตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เขาขอลาออกจาก College และจะขอหาเงินเลี้ยงชีพด้วยตัวเองนับจากนี้เป็นต้นไป"
แน่นอนว่าครอบครัวของเขาตอบตกลง ด้วยความรู้สึกที่ดูถูกดูแคลนลูกชายของตัวเองในเชิงที่ว่า "มันจะไปได้สักกี่น้ำกัน !"
แต่จุดพีคของชีวิตเขาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสิ่งที่เขาทำเริ่มมีผลกำไรดีขึ้นเรื่อย ๆ เขาซื้อเหมารองเท้าจากบน eBay มาแค่ 2000$ USD แต่กลับขายต่อทำกำไรได้กว่า 10,000 $ USD และเขาก็ทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งระหว่างทางที่ทำธุรกิจดังกล่าวนี้ เขาก็สะสมคอนเน็คชั่นและไหวพริบ ประสบการณ์ในการซื้อขายมาได้พอสมควร
และในที่สุด เขาก็มีอำนาจและประสบการณ์พอในการที่จะติดต่อเหล่า Supplier เพื่อทำการ "Back Door" และความอื้อฉาวในการกระทำดังกล่าวนี้ ก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เขาไปกว้านซื้อ adidas Yeezy BOOST 750 "Grey Gum" มากว่า 100 คู่ และภาพดังกล่าวนั้นก็ถูกแชร์ต่อกันบนโลกอินเทอร์เน็ตไปทั่วโลก
ทุกวันนี้คงไม่ต้องถามว่าเขาประสบความสำเร็จหรือไม่ ในทุกครั้งที่มีรองเท้ารุ่นใหม่ออกมา เจ้าหนุ่มตี๋คนนี้ก็มักจะได้รับรองเท้ารุ่นนั้นก่อนใครอยู่เสมอ ยังไม่รวมถึงเหล่าลูกค้าบน eBay และเว็บไซท์ของเขา ที่ซึ่งขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กระแสแอนตี้ต่อการกระทำเหล่านี้ของเขาก็เป็นที่พูดถึงในหมู่ชาวสนีกเกอร์เฮดอยู่พอสมควร …
"ผมไม่สนใจหรอกครับ มันดีต่อผมด้วยซ้ำ" เขาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องกระแสคนเกลียดเขา บนโลกโซเชียลนี้ได้อย่างติดตลก "ผมรู้สึกว่ายิ่งคนรู้จักผมมันก็เป็นเรื่องที่ดีต่อธุรกิจของผม โดยแทบที่จะไม่ต้องลงทุนโปรโมทอะไรเลย …"
"ผมกล่าวไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ต่อให้ผมเป็นพ่อค้ารองเท้า ผมก็ไม่ใช่ Sneakerhead หรอกครับ ผมแต่งตัวแบบเดิมทุกวัน เสื้อยืด + กางเกงขาสั้น + รองเท้าวิ่งธรรมดา ผมรู้สึกว่าเงินมันหายาก ผมต้องประหยัดครับ"
นี่คือคำตอบของผู้ชายที่มีรองเท้าระดับแรร์อยู่ในสต็อคหลายร้อยคู่ ไม่รู้ว่าพวกท่านคิดอย่างไร แต่ที่แน่นอนคือชายคนนี้ประสบความสำเร็จในการเป็น "พ่อค้ารองเท้า" ได้สุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย …