ถ้าจะกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของลวดลายคาโมบนงานแฟชั่นในปัจจุบัน แบรนด์ Maharishi ย่อมเป็นหมุดประวัติศาสตร์ของลวดลายดังกล่าวนี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะ Hardy Blechman ผู้กุมบังเหียนและเป็น Creative Director ของแบรนด์ Maharishi คือผู้เชี่ยวชาญเครื่องแต่งกายแนวทหารชนิดหาตัวจับยาก อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์การนำลวดลายคาโมมาใช้ในงานแฟชั่นได้อย่างเต็มตัวเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์แฟชั่น
Hardy Blechman ในวัยสามขวบเติบโตมากับครอบครัวนักขายของเก่าผู้สะสมไอเท็มวัตถุโบราณต่าง ๆ ไว้มากมาย ซึ่งได้มาจากการเหมาซื้อกระสอบโกดังขยะย้ายบ้านในประเทศอังกฤษ ทำให้สิ่งที่เขาต้องเห็นมาตั้งแต่เด็กล้วนเป็นของหายากในซากอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งอย่างอังกฤษไม่ว่าจะเป็น แสตมป์เก่า , เหรียญกษาปน์ , ภาชนะโบราณไปจนถึงเสื้อเกราะอัศวินยุคกลาง ทำให้เขาเป็นเสมือนนักประวัติศาสตร์ตัวน้อย ๆ ตั้งแต่อายุสามขวบเลยทีเดียว นั่นทำให้เขาค้นพบ "เครื่องแต่งกายแนวทหาร" และเป็นรากฐานของงานออกแบบในแบรนด์ Maharishi จนถึงทุกวันนี้
การฟัง Hardy Blechman บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายทหารนั้น ไม่ต่างจากการนั่งฟังอาจารย์ในมหาวิทยาลัยในคาบประวัติศาสตร์ เพราะความรู้ความสนใจในประวัติศาสตร์ของเขานั้นเต็มเปี่ยมและคับแน่นไปด้วยคุณภาพ อีกทั้งสิ่งที่เขาบอกเล่าในทุก ๆ ครั้งที่คุยเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ยังสนุกและน่าฟังอีกด้วย !
ดังนั้นในปี 1994 แบรนด์ Maharishi จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยได้รับความสนใจจากสนามแฟชั่นต่าง ๆ หลากหลายเมืองในโซนยุโรปไม่ว่าจะเป็นตัวลอนดอนเอง , ปารีส หรือมิลาน และในปี 1999 เขาก็ออกคอลเล็คชั่นครบเซ็ทเป็นครั้งแรก จนกระทั่งในปี 2000 เขาได้รับตำแหน่ง "Street Designer of the year" จาก British Fashion Council และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้ร่วมงาน Collaboration กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่มากมายตั้งแต่ Northface, Nike, Penfield, Quicksilver, the Andy Warhol Foundation ไปจนถึง G-Shock
"Noble Streetwear" คือสิ่งที่เขาเรียกชื่อประเภทเสื้อผ้าของเขา แน่นอนว่าเสื้อผ้าของเขาไม่ได้เพียงแต่สวมใส่ในชีวิตประจำวันได้เท่านั้น เสื้อผ้าของเขาสามารถที่จะสวมใส่อย่างเป็นทางการไปได้ในทุกที่ และเพิ่มความ "สง่างาม" ให้กับบุรุษเพศได้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยสไตล์การแต่งกายในแบบทหาร ที่เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะนำเอกลักษณ์ของเครื่องแต่งกายแนวดังกล่าวให้ออกจากกรอบของเครื่องแต่งกายในยามศึกสงคราม ซึ่งเขาได้แนวคิดนี้มาจากคำว่า "Modern Warfare" (สงครามยุคโมเดิร์น) มนุษย์ในทุกวันนี้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรบราฆ่าฟันกันด้วยปืนและกระสุนอีกต่อไป และเขาไม่ต้องการให้เวลาที่คนนึกถึง "ลายคาโม" จะต้องนึกถึงชุดของทหารเพียงอย่างเดียว เขาเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนบทบาทของสิ่ง ๆ หนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง ขึ้นอยู่กับเวลา โอกาส และสถานที่
เสื้อผ้าของเขาเป็นเสมือนงานชิ้นเอกของจิตรกรในทุก ๆ ชิ้น ถ้าคุณได้ลองสัมผัสเนื้อผ้า , ดีเทลรอยเย็บต่าง ๆ ของเสื้อผ้าจากแบรนด์ของเขา คุณจะสามารถรับรู้ได้ในเพียงไม่กี่สัมผัสเลยว่าเสื้อผ้าของเขานั้นเกิดจากความตั้งใจทำ ทุกความรู้สึก , การสวมใส่ที่เบาสบาย , การใช้งานที่หลสากหลาย มันเหมือนกับว่าเสื้อผ้าดังกล่าว เป็นการสั่งตัดช่างเสื้อฝีมือดีใจกลางกรุงลอนดอนมาเสิร์ฟคุณถึงที่ และลวดลายคาโมเอกลักษณ์ของแบรนด์ดังกล่าวนี้ คือเอกลักษณ์อันเป็นเรือธงแห่งยุค 90s ของแบรนด์ Maharishi
สิ่งที่เขาทำสำเร็จได้อย่างงดงามและไร้ข้อสงสัยคือ ในทุกวันนี้ "ลายคาโม" ถูกนำมาใช้ในแฟชั่นกระแสหลักได้อย่างเหนียวแน่น แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้มนต์สเน่ห์ของ Maharishi หายไปในเวลาเดียวกัน เพราะทุกวันนี้ทุกท่านก็คงทราบกันดีว่า ไม่ว่าแบรนด์ไหน ๆ เจ้าเล็กหรือเจ้าใหญ่ก็ล้วนมี "ลวดลายคาโม" วางจำหน่ายกันทั้งนั้น นั่นทำให้มนต์สเน่ห์ของ Maharishi ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย เพราะ"ความเก่า" ที่เขานำมาใช้เป็นปรัชญาในการออกแบบก็มีอายุขัยในตัวมันเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้แบรนด์ Maharishi ประสบความสำเร็จ
สิ่งที่เขียนไว้บนผนังร้านของเขาใจกลางกรุงลอนดอน ที่ระบุเอาไว้อันมีเนื้อความว่า
"MAHARISHI AIMS TO CONVEY A STRONG ANTI- WAR SENTIMENT THROUGH ITS USE OF CAMOUFLAGE – RECLAIMING ITS SYMBOLIC VALUE AWAY FROM WAR, BACK TO ITS ROOTS IN NATURE AND DEVELOPMENT BY ARTISTS AND TO HIGHLIGHT OBJECTIONS TO CONTINUED 21ST CENTURY WARFARE."
(Maharishi มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการต่อต้านสงครามทุกประเภทด้วยการใช้ลวดลายคาโมในงานออกแบบแฟชั่น อีกทั้งยังส่งเสริมการใช้ลวดลายดังกล่าวในสงครามสมัยใหม่ เพราะมนุษย์ในทุกวันนี้นั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรบราฆ่าฟันกันด้วยปืนและกระสุนอีกต่อไป )
เพราะดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องพบเจอในปัจจุบันนี้คือการต่อสู้ทางปัญญากับเหล่าแบรนดและผู้แข่งขันทางธุรกิจแฟชั่นโลกอย่างดุเดือด โดยที่ไม่ได้ใช้กระสุนปืนเลยสักนัดเดียว และคำขวัญบนกระจกของร้าน Maharishi ที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ ก็เป็นปรัชญาที่เป็นแนวทางในการดำเนินงานของแบรนด์สุดคลาสสิคสายทหารนี้ไว้ได้อย่างงดงามและชัดเจน …