เมื่อพูดถึงวัฏจักรของแฟชั่น "ความเท่ห์" ในทางแฟชั่นนั้นสามารถอธิบายด้วยคำพูดเชิงตื้นสุดแสนเรียบง่ายที่ประกอบไปด้วยประธาน + กิริยา + กรรม ว่า "ความเท่ห์คือการมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี" นี่คือวัฏจักรของแฟชั่นในโลกความเป็นจริงอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนวงการแฟชั่นโลกในทุกวันนี้ได้อย่างไหลลื่น
และขึ้นชื่อว่าแฟชั่น ยอมไม่เคยมีคำว่า "เท่ากัน" อยู่แล้ว คำศัพท์นี้คือคำศัพท์ที่มีการแบ่งแยกชนชั้นและจำพวกอยู่ในตัวเสมอมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ยุคโรมันเรืองรองการแต่งตัวของข้าทาสบริวารก็ย่อมแตกต่างกับชนชั้นปกครอง และแน่นอนว่าความโลภและความทะเยอทะยานของมนุษย์ที่มักจะอยากได้อยากมี ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ของก็อป" ขึ้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และอยู่คู่กับมนุษย์ตั้งแต่ยุคสมัยไหนในโลกใบนี้
ทุกวันนี้เราสามารถมองเห็นคนใส่ OFFWHITE ของก็อปในแบบที่ไม่มีวางจำหน่ายมาก่อน หรือไม่ก็พวกที่ใส่ Vetements จัดเต็มประดุจว่าหลุดออกมาจากเวทีแฟชั่นโชว์ของ Demna Gvasalia โดยที่เราอาจจะแยกไม่ออกว่า …
"ไอ้คนนี้มันใส่ของแท้หรือของก็อป (วะ) !?"
เป็นเรื่องตลกดีที่ในทุกวันนี้สื่อแฟชั่นหลายสำนักต่างก็ยกย่องความ "แพง" ให้กับเหล่าสตรีทแวร์ในปัจจุบัน แบรนด์ไฮเอนด์หลายสำนักก็ลงมาคลุกฟุ่นกับผู้รักและหลงใหลในสตรีทแฟชั่นและพยายามทำตัวเองให้ดูโทรมติดดินที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่สินค้าแต่ละคอลเล็คชั่นที่นำมาวางจำหน่ายท่านสามารถนำไปซื้อรถ ซื้อบ้าน หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ขนาดย่อมได้เลยทีเดียว
คนที่เจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากกลุ่มคนที่คลั่งไคล้ใน "สตรีทแฟชั่น" มาตั้งแต่ก่อนที่เม็ดเงินจะเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียกับความเท่ห์ในทุกวันนี้
ยิ่งไปกว่านั้นสตรีทแฟชั่นในทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของ "ความตุงในกระป๋าสตางค์" เพราะไอเท็มบางชิ้นนั้นมีเงินก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถครอบครองมันได้อย่างง่ายดาย ความขยันในการตื่นมาเฝ้าหน้าเว็บเพื่อที่จะกดสั่งซื้อก็ใช้ไม่ได้อีกแล้วในทุกวันนี้เพราะมีเรื่องของ "บอท" หรือ "โปรแกรมช่วยซื้อ" เข้ามาข้องเกี่ยวจนทำให้ตลาดแฟชั่นสตรีทปั่นป่วนกันพัลวัน แต่กลับเป็นความรุ่งเรืองของตลาดรีเซลที่พ่อค้าหลายคนนั้นตั้งตัวได้จากการกดสั่งซื้อสินค้าเหล่านี้บนเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมช่วยซื้อ
นี่แหละจึงทำให้เกิด "Counterfeit streetwear lovers" หรือที่เรียกกันในชื่อภาษาไทยสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า "พวกนิยมของก็อป" นั่นเอง
แน่นอนว่าสำหรับพวกเขานั้น มันคือเรื่องใหญ่ที่จะต้องเสียเงินเป็นหมื่นในการซื้อเสื้อ Hoodies ที่มี Box logo ของ Supreme ในขณะที่ถ้าพวกเขาซื้อของก็อปคุณภาพงาน 1:1 (สโลแกนติดปากของงานก็อปเกรดพรีเมียม) ซึ่งเมื่อมองอย่างผิวเผินแล้วมันก็เหมือนกับการสวมใส่งานแท้ในแบบที่แยกไม่ออกถ้าคุณไม่ไปยืนจ้องตะเข็บเสื้อของผู้สวมใส่เพื่อจับผิดว่า " เอ๊ะ … นี่ของแท้หรือเปล่า ? " แน่นอนว่ากลุ่มคนพวกนี้ถูกเหยียดหยามจากผู้คนที่สวามิภักดิ์ต่อ "งานแท้ลิขสิทธิ์" อย่างรุนแรง แต่ถ้าถามว่าใครกันคือคนที่ทำให้เกิดกลุ่ม "พวกนิยมของก็อป" ขึ้นมา
ก็คือตัวผู้สวามิภักดิ์ต่อ "งานแท้ลิขสิทธิ์" เองนั่นแหละ ที่ทำให้เกิดของก็อปขึ้นมาเกลื่อนตลาดนัดกันทุกวันนี้ .
"เวลาที่อยากได้ไอเท็มชิ้นไหนทุกวันนี้ มันก็ Sold Out ไปหมดแล้วทั้งนั้นแหละ " จากปากคำของหนึ่งใน "พวกนิยมของก็อป" ที่สิงอยู่ในบอร์ด FashionReps: หนึ่งในเว็บบอร์ดสำหรับผู้ที่นิยมงานก็อปปี้อย่างเป็นทางการซึ่งมีสมาชิกหลายหมื่นคนจากทั่วทุกมุมโลกสิงสถิตย์อยู่ในบอร์ดนี้ "ทุกวันนี้ผมเลิกสนใจไปนานแล้วว่าผมกำลังใส่ Supreme แท้หรือก็อป ผมคิดเพียงแค่ว่ามันจะออกมาดูดีหรือเปล่าก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมใส่ของก็อปหมดเลยนะ ผมก็ยังสนับสนุน Supreme อยู่ทุกวันนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดรีเซลนั้นผมรับไม่ได้จริง ๆ " เขากล่าวด้วยสำนวนติดตลกร้าย
และอีกหนึ่งในสมาชิกบอร์ดอย่าง Matt (นามสมมติ) ก็ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า "บอทและโปรแกรมช่วยซื้อคือตัวร้ายของวงการสตรีทแวร์ในปัจจุบัน" และสาเหตุที่เขาเลือกซื้อของปลอมก็เพราะว่าเขารับไม่ได้กับราคารีเซลที่แพงโอเวอร์ในปัจจุบัน และเขายังเสริมอีกว่า "ทุกวันนี้การแข่งขันซื้อของพวกนี้ไม่ใช่การต่อคิวแบบสมัยก่อนอีกแล้ว เป็นการแข่งขันว่าเซิฟเวอร์และอินเทอร์เน็ตใครดีกว่ากันต่างหาก ! "
อีกทั้งเขายังเถียงคอเป็นเอ็นว่า "ใครบอกว่าของปลอมนั้นคุณภาพต่ำ คุณคิดผิดถนัดเลยหล่ะ !?" เมื่อเขายืนยันกับทาง Highsnobiety ว่า ของปลอมบางชิ้นที่เขาเคยสัมผัสนั้น "มีคุณภาพสูงกว่าของแท้เองด้วยซ้ำ" ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัว
เมื่อข้ามมาทางฟากของรองเท้าสนีกเกอร์กันบ้าง แน่นอนว่าในยุคนี้เป็นยุคของแบรนด์สามแถบอย่าง adidas และในขณะที่รองเท้าไลน์ยอดฮิตอย่าง YEEZY กลายเป็นเทพเจ้าของความเท่ห์ ของก็อปคุณภาพทั้งดีและแย่ก็ตามกันออกมาเกลื่อนตลาดเช่นกัน
ถ้าถามว่าทำไมถึงมีของก็อปเกิดขึ้นมา นอกจากการจำกัดจำนวนการผลิตที่มีอยู่น้อยนิดแล้วนั้น ราคาที่สูงลิบลิ่วก็คืออีกหนึ่งปัญหาหลัก แต่ถามว่าราคาที่สูงลิบลิ่วนั้นเข้ากระเป๋าของทาง adidas ทั้งหมดหรือไม่ ? ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ … เพราะจำนวนเงินที่ adidas ได้รับก็คือตามราคาป้ายเท่านั้นแหละ และสิ่งที่พวกเขาพยายามทำหรือต่อสู้มาตลอดก็คือการพยายามทำให้กระบวนการ การซื้อสินค้ากับพวกเขานั้นมีความ "ยุติธรรม" ต่อผู้บริโภคที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการต่อคิว หรือระบบแอพพลิเคชั่น adidas Confirmed app แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ไปไหนไกลจากการแก้ปัญหาเหล่านี้เลย
แต่ถ้าถามว่า "งั้นก็ผลิตเยอะ ๆ ไปเลยไหมละ ทุกคนจะได้มีใส่กันทั่วโลก" เชื่อเลยว่าหลายคนจะต้องตอบว่า "ไม่" อย่างแน่นอนเพราะว่าถ้าเป็นอย่างนั้น "ความเท่ห์" ที่ทุกคนใฝ่ฝันและอยากจะเอื้อมถึง ก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย รองเท้า YEEZY ก็จะกลายเป็นเพียงรองเท้าผ้าใบใส่เล่นธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่ใช่ไอเท็มที่พิเศษอีกต่อไป
และเมื่อย้อนกลับไปข้างต้นที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้เป็นสมการทางคณิตศาสตร์ว่า …
ความเท่ห์ = การมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี
เชื่อว่าที่กล่าวไปข้างต้นนี้ก็คงตอบทุกอย่างได้อย่างชัดเจน …
Source : Highsnobiety