ประเทศอังกฤษเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก และได้รับการยอมรับจากสากลอย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งยังมีความน่าสนใจทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ภาษา ความสนใจทางศิลปะและรวมไปถึงแฟชั่นไม่แพ้ Paris หรือ Milan ทั้งนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เกิดความคิดสร้างสรรค์ทางการออกแบบในแขนงต่าง ๆ อย่างมากมาย ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะเรียกว่าอังกฤษคือแหล่งอารยธรรมและวิทยาการอันเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้
Virgil Abloh แห่งแบรนด์สตรีทชื่อดังที่กำลังมาแรงในขณะนี้อย่าง OFF-WHITE เคยกล่าวไว้ว่า "ลอนดอนคือเมืองแห่งแฟชั่นที่น่าสนใจที่สุด" ณ การ Workshop เกี่ยวกับงานออกแบบแฟชั่นที่ห้าง Selfridges ในกรุงลอนดอน อีกทั้งเขายังเสริมทิ้งท้ายอีกด้วยว่า "Los Angeles และ ญี่ปุ่นเคยดีกว่านี้ แต่ ณ เวลานี้นี่คือยุคของลอนดอน !" สิ่งที่เขากล่าวเป็นความจริงหรือไม่ ญี่ปุ่น หรือ อเมริกาตามหลังอังกฤษอย่างที่เขาบอกไว้จริงหรือเปล่า ? ลองตามไปดูกัน …
Palace Skateboards
ไม่ผิดเลยที่พวกท่านจะคิดว่าแบรนด์สเก็ตบอร์ดสุด "HYPE" แบรนด์นี้จะเป็นของสหรัฐอเมริกา (เพราะครั้งแรกที่ผู้เขียนรู้จัก Palace ผู้เขียนก็คิดเช่นนั้น) แต่อยากให้ทุกท่านปรับความเข้าใจเสียใหม่ ณ ตอนนี้เพราะนี่คือแบรนด์สเก็ตสัญชาติเกาะอังกฤษอย่างแท้จริง ด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ดและแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งเมื่อมองลึกลงไปท่านจะเห็นได้ว่าความจริงแล้วนั้น แฟชั่นสเก็ตบอร์ดของอังกฤษมีความแตกต่างจากที่อื่นอยู่พอสมควร จุดเริ่มต้นจาก Lev Tanju ที่ต้องการจะทำเสื้อผ้าให้ทีมสเก็ตบอร์ดของเขาใส่ (เพื่อที่ลูกทีมจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี นอกจากการเลือกรองเท้า) และแต่ยอดมาจนถึงการเปิด flagship store ครั้งแรกในปี 2015 และก็ดูเหมือนว่ายังคงประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้
Lazy Oaf
ด้วยสีสันสดใสที่เป็นจุดขายของแบรนด์สตรีทสไตล์ funky เจ้านี้ทำให้มีแฟน ๆ และเหล่าสาวกคอยติดตามกันอยู่อย่างเนืองแน่น Graphic designs ประหลาด ๆ บนเสื้อชนิดต่าง ๆ และการจับคู่สีที่แปลกแหวกแนวทำให้แบรนด์นี้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยอดฮิตของเหล่า "ฮิปสเตอร์" แดนผู้ดี ที่เมื่อสวมใส่แล้วจะเพิ่มสเตตัสความสึมของพวกเขาได้เป็นทวีคูณ
Grind London
ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา การแข่งขันในด้านของสตรีทแฟชั่นของประเทศอังกฤษก็ดุเดือดขึ้นทุกปีทุกไตรมาส เพราะความคิดสร้างสรรค์ของศูนย์กลางแห่งประเทศยุโรป (และหนึ่งในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่) ส่งผลให้การต่อสู้ในภูมิภาคยุโรปดุเดือดท่ามกลางสมรภูมิกรุงลอนดอน ทั้งนี้ Grind London ก็สามารถที่จะสร้างอัตลักษณ์ของตัวเองได้อย่างโดดเด่น ด้วยไอเท็มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น T-shirts, hoodies, button-ups และ coach jackets ที่เมื่อคุณเห็นคุณก็จะรับรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นของแบรนด์อะไร
a number of names*
a number of names* คือแบรนด์ที่เปลี่ยนบทบาทของตัวเองมาอย่างหลากหลายและโชกโชนนับตั้งแต่ปี 2008 พวกเขาเคยเป็นทั้ง Distributor , Showroom หรือแม้กระทั่ง Retailer เองเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยหัวเรือใหญ่อย่าง Craig Ford ที่ถือได้ว่าเป็นบุคคลวงในของวงการแฟชั่นเมืองลอนดอน (เขาคือผู้ที่เปิดทางให้แก่ Bathing Ape ในกรุงลอนดอน) ด้วยดีไซน์ที่หลากหลายและอาจจะมีคอลเล็คชั่นที่แย่และดีปะปนกันไป ยังไงก็ตามแบรนด์นี้ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่พวกคุณควรจะรู้จักไว้อยู่ดี
Satta
อุดมการณ์ที่แน่วแน่ของแบรนด์คือ "การเป็นมิตรกับธรรมชาติ" ทั้งการผลิตเสื้อผ้าในแต่ละคอลเล็คชั่นออกมาเป็นจำนวนน้อยชิ้น และใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนของเนื้อผ้าที่เลือกใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิคมาตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกาย ทำให้ Satta เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจ โดยสินค้าของแบรนด์จะเน้นแฟชั่นสเก็ตบอร์ดในยุค 60s เป็นหลัก ยังไม่รวมถึงบอร์ดสเก็ตที่แบรนด์นี้คัดสรรค์คุณภาพด้วยการผลิตด้วยมือทุกชิ้น และยังพิมพ์ลายปรินท์ด้วยช่างฝีมือทุกแผ่นอีกด้วย
Nasir Mazhar
ด้วยแรงบันดาลใจจากดนตรีแนว garage and grime ซึ่งถือได้ว่าเป็นแนวดนตรีท้องถิ่นของเกาะอังกฤษ Mazhar จึงบันดาลเมโลดี้เหล่านั้นมาโลดแล่นอยู่บนคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าของเขา ทั้งนี้เขายังนำเครื่องแต่งกายในแนว Sportswear มาสวมใส่คู่กับแนวดนตรีดังกล่าวให้กลายเป็นเสื้อผ้าสุดล้ำลึก น่าค้นหา ซึ่งเขาผู้นี้แหละคือผู้ที่ดีไซน์หมวกของนางระบำต่าง ๆ ในพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงลอนดอน ปี 2012
A-Cold-Wall*
นำโดยหัวเรือใหญ่อย่าง Sam Ross ที่เคยทำงานกับเจ้าพ่อสตรีทแวร์ยุคปัจจุบันอย่าง Virgil Abloh มาก่อน A-Cold-Wall* เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่น่าจับตามองเพราะนี่ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่มาแรงที่สุดแบรนด์หนึ่งของเกาะอังกฤษเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคุณดูเครดิทของ Sam Ross คุณก็น่าจะพอเข้าใจเพราะเขาเคยร่วมงานกับเหล่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Hood by Air, A.P.C., Been Trill, adidas, Theophilus London, และแน่นอน OFF-WHITE
Maharishi
จุดเริ่มต้นของ Maharishi ควรมองย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1994 ที่ Hardy Blechman ได้ก่อตั้งขึ้นมา ด้วยสไตล์จัดจ้านเร้าใจแห่งความเป็น 90s จึงไม่แปลกใจที่แบรนด์นี้จะเรียกกระแสที่กำลังมาแรงของปี 90s กลับมาได้อย่างร้อนแรงแซงทางโค้ง สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาอย่างเด่นชัดคือการเลือกใช้เนื้อผ้า camouflage fabric (ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคหลัง ๆ แต่พวกเขาใช้เป็นเจ้าแรก ๆ)
Cassette Playa
แรงบันดาลใจจากการเมายาและสารเคมีเสพย์ติดต่าง ๆ คือหัวใจของการออกแบบเสื้อผ้าแบรนด์ Cassette Playa แบรนด์นี้ Carri Munden ดีไซน์เนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์ดังกล่าวเป็นเพื่อนสนิทกับนักร้องฮิปฮอปสาวชาวอังกฤษชื่อดังอย่าง Mathangi Arulpragasam (M.I.A.) ซึ่งงานออกแบบเสื้อผ้าของเธอนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากศิลปินชื่อดังฝั่งอังกฤษมากมายไม่ว่าจะเป็น Dizzee Rascal, Riff Raff หรือแม้กระทั่ง Nelly Furtado
Goods by Goodhood
สิ่งที่นิยามเสื้อผ้าแบรนด์นี้ได้ดีที่สุดคือคำว่า "นี่แม่งโคตรจะลอนดอนสไตล์ !" ด้วยการเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ สเปซสบายตาเป็นมิตรกับลูกค้าบนถนน Coronet Street เจ้าของ Retailer เจ้าใหญ่เจ้านี้ก็ขยับขยายการวางจำหน่ายของตนจนทุกวันนี้กลายเป็น Lifestyle Shop ที่วางจำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่ของใช้ในบ้านไปจนถึงเสื้อผ้าชนิดต่าง ๆ ไปเสียแล้ว !!
Roundel London
ด้วยมันสมองของลูกศิษย์สำนัก Andrew Bunney และ Slam Jam’s Giovanni De Marchi แบรนด์สตรีทชื่อดังอย่าง Roundel London ก็ได้ถ่ายทอดลอดมุมมองแห่งแฟชั่นด้วยการนำเสนอเสื้อผ้าในแต่ละคอลเล็คชั่นด้วยไอคอนต่าง ๆ ที่แสดงถึงความเป็นลอนดอนไม่ว่าจะเป็น โลโก้ของรถไฟใต้ดินลอนดอนหรือรถเมล์ ที่ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ไหน ๆ ก็เท่ห์และมีความกวนบาทาอยู่ไม่น้อยบนเสื้อผ้าของพวกเขา
Garb Store
จากการที่ในอดีตบอสใหญ่ของแบรนด์อย่าง Ian Paley เคยเป็นผู้ดูแลไลน์การผลิตของแบรนด์ยักใหญ่ต่าง ๆ อย่าง Paul Smith, Levi’s, และ Burberry ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการหล่อหลอมประสบการณ์ของเขาให้หลอมรวมเข้ากับรสนิยมชั้นเลิศจนกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้า Casual สุดดูดีอย่าง Garb Store ด้วยการนำเสื้อผ้าสุดคลาสสิคต่าง ๆ มาทำซ้ำและดัดแปลงจนกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการแฟชั่นในปัจจุบัน
Nigel Cabourn
Nigel Cabourn คือตำนานจากภาคเหนือของเกาะอังกฤษ ซึ่งเริ่มต้นมาจากการที่เขาได้หลงใหลในเรื่องราวของดีไซน์และวัสดุจนกลายเป็นเสื้อผ้าสไตล์ Military ที่โด่งดังและละเอียดละออในทุกขั้นตอนการผลิตในปัจจุบัน ด้วยการผสานดีไซน์และวัสดุของโลกเก่าและโลกใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด จนถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะของวงการแฟชั่นอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว
Cottweiler
Ben Cottrell และ Matthew Dainty คือสองคู่หูดูโอ้ที่จูงหางเสือของแบรนด์นี้ได้อย่างมั่นคง ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์สปอร์ตในสไตล์ luxury ที่ดูไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน กับการฟิวชั่นผสมสานคู่สีที่คุณคาดไม่ถึง และการตัดเย็บรูปทรงในแบบที่ตัวพวกเขาเองถนัด แต่ในขณะเดี๋ยวกันก็ยังคงไว้ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานจริง ที่พวกคุณสามารถสวมใส่ออกนอกบ้านในแต่ละวันได้อย่างสบายใจไร้กังวล
KTZ
Kokon to Zai หรือที่รู้จักกันดีในอีกชื่อหนึ่งว่า KTZ คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ของวงการแฟชั่นรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ด้วยการกุมบังเหียนของสองเพื่อนรักเพื่อร่วมงานอย่าง Marjan Pejoski และ Sasko Bezovski แบรนด์ดังกล่าวนี้โดดเด่นในเรื่องของการใช้โทนสีโมโนโครมและการตัดเย็บที่ฉูดฉาดเล่นกับ Pattern ลายยาก ๆ หรือการใส่กิมมิคเวอร์วังอลังการได้อย่างพอดิบพอดี ถ้าถามว่าแรงบันดาลใจของ Jeremy Scott และ Rihanna มาจากไหน ให้ดูแบรนด์นี้เป็นกรณีศึกษา
Craig Green
อีกหนึ่งลูกศิษย์จากมหาวิทยาลัยด้านแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่าง Central Saint Martin (มหาวิทยาลัยที่ Alexander McQueen จบมา) ได้รับการนำเสนอเป็นพิเศษในระหว่าง first break ของ Topman LC:M Presentation ด้วยการผสมผสานความเล็กน้อยเรียบง่ายเข้ากับมิติพิศวงสุดดราม่าของจิตใจมนุษย์ ทำให้ลวดลายสุด Psychedelic ดังกล่าวนี้ปรากฏอยู่บนเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นที่เห็นในรูปได้อย่างโดดเด่น และนี่คือดีไซน์เนอร์อีกคนหนึ่งที่น่าจับตามอง
J.W. Anderson
Jonathan Anderson ได้ทลายกำแพงของโลกแฟชั่นลงอย่างสิ้นเชิง กำแพงที่คอยควบคุมให้ดีไซน์เนอร์เสื้อผ้าผู้ชายถูกมายาคติบดบังว่าสิ่งใดควรทำหรือสิ่งใดไม่ควรทำ กับการประกาศกร้าวผ่านคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าของตนที่ก้าวแรงและรุนแรง แต่กลับดูแพงในเวลาเดียวกัน ความสามารถของเขาในการออกแบบเสื้อผ้าที่ไม่มีใครคาดคิดให้เกิดขึ้นได้จริงบนโลกใบนี้คือพรสวรรค์ชั้นสูงหาตัวจับได้ยาก
Gasius
Gasius คือการเกิดใหม่ของ Gasface แบรนด์สตรีทสาย Graffiti ที่โดดเด่นจากการนำลวดลายกราฟิคพ่นบนฝาผนังต่าง ๆ มาหลอมรวมกับคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าได้อย่างแสบสันต์สนุกสนาน ก่อตั้งโดย Russel Maurice หนึ่งในผู้ที่ผลิตเสื้อผ้าแนว Graffiti คนแรก ๆ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งงานของเขามักจะปรากฏอยู่ในรูปแบบตัวการ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ยุคแรก ๆ , รถเก่า , 70s typeface และอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นแนวสตรีทสายวินเทจ
Matharu
เขาคือผู้ที่มีชื่อเสียงจากการนำเอาเจ้า Nike Fleece "Grey" มาชำแหละและตัดเย็บเป็นเสื้อแจ็คเก็ตสุดเท่ห์ และแน่นอนว่านับจากก้าวแรกในวันนั้น เขาก็ได้สานต่อและต่อยอดความสำเร็จของเขาอย่างไม่หยุดยั้งผ่านคอลเล๋คชั่นเสื้อผ้าสุดเรียบง่าย แต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบข้างทั้งหลายรอบ ๆ ตัวของเขานั่นเอง
Lee Roach
จากฤดูกาลสู่ฤดูกาลที่ผ่านพ้นไป Lee Roach คือผู้ที่หลงใหลในการนำของเก่ามาทำซ้ำหรือดัดแปลงให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นอยู่อย่างสม่ำเสมอ สังเกตได้จากแบรนด์ของเขาที่มักนำเอาไอเท็มจากยุคเก่า ๆ มาแก้ไขทรงใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา (และดูเหมือนว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างมากเสียด้วย) เพราะแนวคิดในการนำเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดคือแนวคิดที่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอยู่สม่ำเสมอ มิเช่นนั้นสิ่งเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า "คลาสสิค" ได้อย่างไร !?
Source : Highsnobiety