Sneakers bots , Skip Hacks หรือ add-to-cart Programs ไม่ว่าจะชื่อเสียงเรียงนามอะไรก็ตามแต่ โปรแกรมเหล่านี้คือโปรแกรมที่กำลังระบาดอย่างหนักในหมู่ผู้ซื้อขายรองเท้าบนโลกออนไลน์ ที่พร้อมจะกดสั่งซื้อรองเท้าสุด "HYPE" ให้คุณได้อัตโนมัติภายในเวลาไม่กี่นาที แน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งทางเลือกที่อำนวยความสะดวกให้กับพี่ที่ต้องการรองเท้าหายากในราคาป้าย แต่ผลร้ายของโปรแกรมเหล่านี้อาจทำให้ท่านทั้งหลายต้องอ้าปากค้าง !?
แน่นอนว่าการใช้บอทเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมสำหรับบางคน แต่ท่านจะเอาบรรทัดฐานอะไรมาตัดสินกันละ ? ในเมื่อการกดสั่งซื้อรองเท้าบนเว็บไซต์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทาง adidas หรือแบรนด์ยักษใหญ่อย่าง Nike ห้ามไว้ และไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่มันก็เป็นสิทธิ์ของผู้ซื้อที่ต้องการใช้ "บอทเหมือนกัน"
เพียงแต่ในทางจริยธรรมและความยุตธรรมบนสังคม มันอาจจะไม่น่ารักเท่าไหร่นัก !
และที่น่าแปลกคือ ในยุคสมัยที่ไวรัสวงการสนีกเกอร์อย่าง "บอท" ระบาด ผู้ที่ทำให้เหล่าลูกค้ามีความสุข และพึงพอใจในความแฟร์ของการซื้อขายรองเท้าสนีกเกอร์คือเหล่า Retailers ไม่ใช่ช็อปอย่างเป็นทางการของทางแบรนด์แต่อย่างใด !?
ดังนั้นในวันนี้เราจะมาพูดคุยกับ 3 Retailers เจ้าใหญ่ชื่อดังอย่าง Sneakersnstuff , KITH และ Overkill
อะไรคือจุดยืนของพวกคุณที่มีต่อบอทและผู้พัฒนาโปรแกรมบอทในปัจจุบัน ?
Erik Fagerlind (Sneakersnstuff) : " อย่างแรกเลยนะ ผมคิดว่าผู้คนมีความเข้าใจแบบผิด ๆ เกี่ยวกับการใช้บอทในปัจจุบันพอสมควร ผู้คนอาจจะคิดว่าบอทคือปีศาจร้าย แต่เราขอถามกลับเลยว่าคุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ ? คุณต้องมองย้อนไปตั้งแต่ต้นเลยว่าทำไมถึงมีสิ่งที่เรียกว่า "บอท" ขึ้นมา นั่นก็เพราะว่าโอกาสในการขว้ารองเท้าของแต่ละคนมันไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว ถ้าคุณอยากให้สิทธิในการครอบครอง หรือต่อคิวซื้อของทุกคนเท่ากัน คุณต้องมองลึกลงไปถึงความเร็วของคอมพิวเตอร์ของคุณ , ความเร็วอินเตอร์เน็ต และ ระยะทางจากบ้านคุณกับเซิฟเวอร์ของเว็บไซต์ ผมกำลังหมายความว่าตัวแปรเหล่านี้มันควบคุมได้ยาก ดังนั้น "บอท" จึงถือกำเนิดขึ้นมา
ลองเปรียบเทียบกับยุคที่ยังไม่มี "บอท" คุณคิดว่าการต่อคิวซื้อรองเท้าในยุคนั้นมันแฟร์กว่าสมัยนี้หรือ ? ไม่ซะทีเดียวเพราะมันก็มีพวกที่ Backdoor เพื่อกว้านซื้อรองเท้าเหล่านี้จำนวนมากด้วยเม็ดเงินที่เจ้าของร้าน (หรือผู้จัดการร้าน) ยอมรับได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการโทษ "บอท" ที่พัฒนากันวันต่อวันอย่างไม่หยุดยั้ง มันเป็นการหาแพะรับบาปที่ไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อต่างหากที่เป็นปัญหาที่แท้จริง
ทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่ต้องเสียเม็ดเงินหลายล้านดอลล่าร์ เพื่อการพัฒนาโปรแกรมต่อต้านบอทเหล่านี้กันละ ในเมื่อความสัมพันธ์ของบอทกับการต่อต้านบอทก็เหมือนไวรัสคอมพิวเตอร์กับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสนั่นแหละ ไวรัสนำโปรแกรมอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ … และที่ร้ายไปกว่านั้นคือต่อให้มีบอทหรือไม่มีบอท แบรนด์รองเท้าเจ้าใหญ่ ๆ ที่ว่ามาก็ไม่ได้เสียผลประโยชน์แต่อย่างใด "
Austin Scotti (KITH) : สำหรับจุดยืนของทางแบรนด์เราคือการทำให้ผู้บริโภคมีความสุขกับการเลือกซื้อเหมือนการเล่นสนุกในสนามเด็กเล่น ดังนั้นเราจึงค้นหากิจกรรมและวิธีการขายใหม่ ๆ ให้เกิดความสนุกสนานต่อผู้บริโภค ซึ่งแน่นอนเราพยายามทุกวิถีทางในการต่อต้านบอทและโปรแกรมช่วยซื้อของต่าง ๆ เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า และความยุติธรรมที่ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการซื้อ
Marc Leuschner (Overkill) : ด้วยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ชอบความเอาเปรียบอยู่แล้ว และผมก็ไม่คิดว่าการใช้บอทเป็นอะไรที่ยั่งยืนนะ เม็ดเงินที่พวกคุณเสียไปกับการใช้บอทมันเข้ากระเป๋าเหล่าโปรแกรมเมอร์ทั้งนั้นแหละ มันไม่ได้คุ้มกันหรอกเอาจริง ๆ เพราะคุณไม่สามารถใช้บอทได้ตลอดไป
แล้วทางแบรนด์ของพวกคุณทำอย่างไรให้ทุกคนมีสิทธิในการซื้อรองเท้าสนีกเกอร์สุด "HYPE" เหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน ?
Erik Fagerlind (Sneakersnstuff) : มีหลายกลยุทธ์ด้วยกัน อย่างเช่นเราแบ่งจำนวนรองเท้าไว้ส่วนนึงสำหรับหน้าร้าน เพื่อที่จะได้เป็นการกระจายจำนวนรองเท้าให้กับผู้คนในละแวกนั้น และถ้าจำนวนรองเท้าที่เราได้มามันมีไม่พอจริง ๆ เราก็จำเป็นที่จะต้องจับฉลากและสุ่มเลือกผู้โชคดี
แต่ในโลกออนไลน์นั้นมันต่างกันมาก จำนวนไซส์เป็นอะไรที่สำคัญ เพราะแต่ละคนไซส์ไม่เท่ากัน และเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากในแต่ละรุ่นว่าคนจะต้องการมันแค่ไหน อีกทั้งเรายังต้องต่อสู้กับบอท ด้วยการบล็อคเครือข่ายการเชื่อมต่อของพวกมันในวันที่วางจำหน่ายอีกด้วย
ซึ่งในสงครามออนไลน์ของการสู้รบตบตีกับบอทนั้น บางครั้งเราก็เผอิญไปบล็อค IP address ของคนธรรมดาโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะคนบางพวกก็ใช้คอมพิวเตอร์หลาย ๆ เครื่องจาก IP address เดียวกันในการเชื่อมต่อ ทำให้เป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับพวกเราในการแยกแยะคนกับบอทให้แยกออกจากกัน สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือยอดเข้าชมเว็บไซต์ 90,000 คนในเวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อการแย่งซื้อรองเท้าที่มีเพียง 200 คู่ไม่ใช่สิ่งที่ทางเราจะสามารถทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันได้นะสิ มันยากมาก
Austin Scotti (KITH) : เราต่อสู้กับบอทด้วยวิธีการที่อาจจะค่อนข้างยุ่งยากสักนิดนึง คือเราได้ทำการศึกษาการทำงานของบอทมาเป็นอย่างดี และเราก็ทำให้การซื้อรองเท้าออนไลน์ของเรายากกว่าการซื้อกับเว็บไซต์อื่น ๆ ด้วยระบบดักจับบอทหลายชั้น เช่น คำถามทดสอบว่าคุณเป็นคนหรือบอทที่คอยดักทางคุณระหว่างการสั่งซื้อ หรือแม้กระทั่งระบบยืนยันตัวตนอื่น ๆ ที่มีหลายรูปแบบ เพราะเราต้องการให้ลูกค้าที่ต้องการจริง ๆ ได้รับรองเท้า ไม่ใช่บอท
Marc Leuschner (Overkill) : เราเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดคือวิธีสุดคลาสสิค "การต่อแถว" ซึ่งการแคมป์และการต่อแถวที่ยาวเหยียดเหล่านี้นี่แหละที่คุณจะได้ลูกค้าจริง ๆ ไม่ใช่พวกบอท เพราะในทางความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีการแก้ไขไหนที่จะให้ความยุติธรรมกับทุกคนได้อย่างเท่าเทียมกันหรอก โลกเรามันเป็นอย่างนี้แหละ
คุณคิดว่าเหล่าแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike หรือ adidas จะสามารถกับปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่ ?
Erik Fagerlind (Sneakersnstuff) : คำถามนี้ค่อนข้างกว้างมากเลยนะ ด้วยการคาดการณ์ของการวางจำหน่ายในปี 2025 ข้างหน้าที่ทำนายไว้ว่ากว่า 40% ของการขายทั้งหมดจะเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ผมเชื่อว่าแบรนด์ก็จะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ และผู้ที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าคือผู้ที่สามารถสร้างความ "พึงพอใจ" ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
สำหรับในอนาคตอันใกล้นี้ผู้ที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ดีกว่าตัวแบรนด์เองคือเหล่า Retailers ทั้งหลาย และการค้าขายออนไลน์ในรูปแบบ E-Commerce จะยังคงไม่หายไปไหน และจะพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของตลาดออนไลน์อย่างเต็มตัวในอนาคต
Austin Scotti (KITH) : ทั้ง Nike และ adidas ต่างต้องต่อสู้กับเหล่าลูกค้าในเรื่องนี้ ลูกค้าไม่มีวันหยุดยั้งที่จะคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการเอาชนะระบบของทั้งสองแบรนด์ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ทางแบรนด์ก็จะเป็นที่จะต้องคิดระบบในการปกป้องตนเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกวันนี้เราถึงมีแอปพลิเคชั่นการแจ้งเตือนการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการอย่าง Nike’s SNKRS และ adidas’s Confirmed
Marc Leuschner (Overkill) : การจัดการและบริหารนี่แหละคือหัวใจสำคัญของประเด็นนี้ เพราะเหล่า Retailers คือผู้ตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าในปัจจุบัน ดังนั้นทำไมเขาถึงไม่ให้สิทธิพิเศษเราในการเลือกวางจำหน่ายสินค้าที่จะมาขายบ้างละ ? มันง่ายกว่าเยอะกับการที่จะให้เราขายสินค้าของเขา โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทำการตลาดอะไรให้มากมายเลยแค่ไว้วางใจเรา และผลิตรองเท้าดีดีออกมา ผมว่าพวกเราดูแลลูกค้าได้ดีกว่าพวกเขาเยอะนะถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ หน่ะ เพราะคุณอย่าลืมว่าความพึงพอใจในรองเท้าคือการสัมผัสและการสวมใส่นะ ไม่ใช่ดีไซน์และความ "HYPE" เพียงอย่างเดียว
คุณคิดว่าวิธีไหนคือวิธีที่แฟร์ที่สุดในการซื้อรองเท้าสนีกเกอร์ในปัจจุบัน ?
Erik Fagerlind (Sneakersnstuff) : ณ จุดนี้วิธีที่แฟร์ที่สุดคือการจับฉลาก (Raffle) เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่จะขจัดปัญหาเรื่องบอทและการเข้าทางประตูหลังร้านหรืออื่น ๆ ได้ดีที่สุด ณ เวลานี้
Austin Scotti (KITH) : ในตอนนี้ผมไม่คิดว่าจะมีวิธีใดวิธีหนึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้ แต่ทาง KITH ได้มีวิธีการปัญหาเฉพาะซึ่งมันค่อนข้างได้ผลและเป็นที่พึงพอใจคือการวางจำหน่ายแบบเซอร์ไพรซ์โดยไม่แจ้งข่าวสารล่วงหน้า และพวกเราพบว่านี่เป็นวิธีที่ค่อนข้างโอเคนะ
Marc Leuschner (Overkill) : พวกเราค่อนข้างที่จะยึดมั่นในกฏ "in-store first" หรือจะพูดว่ามาก่อนได้ก่อนนั่นแหละ แต่อย่างในเคสชวนปวดหัวที่ผ่านมาคือการวางจำหน่าย YEEZY ที่ทางเราไม่สามารถรองรับจำนวนคนมากมายมหาศาลได้ ซึ่งทางเรากำลังคิดวิธีการใหม่ ๆ อยู่เพื่อความพึงพอใจของลูกค้าในอนาคต
Source : Highsnobiety