ถ้าคุณต้องการที่จะอธิบายปรากฏการณ์ความสำเร็จของ “Supreme” เราคงไม่สามารถอธิบายในเชิงรูปธรรมได้อย่างแน่ชัด ทว่าในครั้งนี้เราจะแบ่งเป็นสาเหตุใหญ่ ๆ ให้เป็นสองข้อข้อแรกคือ “ความไม่เปลี่ยนแปลง” กล่าวคือในเรื่องของสไตล์การตัดเย็บ วัสดุเนื้อผ้า และไซส์เสื้อผ้าของ Supreme นั้นค่อนข้างเป็นที่ยอมรับของสากลโลก ถ้าจะให้ขยายความคือไซส์เสื้อผ้าของ Supreme เป็นเสมือนมาตราวัดที่แบรนด์อื่น ๆ ใช้เป็นมาตรฐานของเสื้อผ้าตนเองเลยด้วยซ้ำ
ในข้อที่สอง ความเหนียวแน่นของแบรนด์ Supreme คือ"ความคาดเดาไม่ได้” แน่นอนว่าในแต่ละคอลเล็คชั่นถ้าให้เราลองหลับตานึกถึงเราก็ค่อนข้างที่จะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าเสื้อผ้า Supreme จะออกมาในรูปแบบไหน แต่สิ่งที่เรามักจะคาดเดาไม่ได้เลยคือเจ้ารายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเสื้อผ้าแต่ละคอลเล็คชั่นของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น Sherpa fleece Jacket ที่ตบแต่งด้วยแพทเทิร์นหลายกุหลาบหนามบ่งใน Capsule Collection ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคู่หูดูโอ้สายฮิปฮอปอย่าง Capone-N-Norega ซึ่งแน่นอนว่าคอลเล็คชั่นที่คาดไม่ถึงเหล่านี้นั่นเอง ที่ทำให้ตัวคุณ (ที่อาจจะมิได้ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เลยด้วยซ้ำ) ต้องติดตามข่าวสารของแบรนด์อยู่เป็นระยะ เพราะพวกเขามักจะมีอะไรให้เซอร์ไพรซ์คุณอยู่เสมอ
ถ้ากล่าวในเชิงปรัชญาของคนตะวันออกก็สามารถกล่าวได้ว่า Supreme มีทั้งธาตุ “หยิน” และ “หยาง” อยู่ในตัวของแบรนด์ และนั่นคือความสมดุลของพวกเขาที่ส่งผลให้พลังของพวกเขาแกร่งกล้าสามารถในวงการแฟชั่นได้อย่างภาคภูมิ พวกเขามีทั้งการ Collaboration กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าพวกเขาจะต้องร่วมงานกันแน่ ๆ (เช่น Vans, Nike, The North Face, Timberland และ Levis) ในขณะที่ในบางโปรเจ็คท์เราก็ต้องเซอร์ไพรซ์กับข่าวที่ประกาศออกมา
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือคอลเล็คชั่นในซีซั่นที่แล้วเมื่อพวกเขาประกาศถึงโปรเจ็คท์ที่ร่วมงานกับ Sasquatchfabrix และ Black Sabbath หรือก่อนหน้านั้นที่เป็น Toshio Maeda กับ Air Jordan® และในปีก่อนหน้านั้นยังมี Castle hamburgers ร้านแฮมเบอร์เกอร์สุดคลาสสิคทางฝั่งอเมริกา และกระป๋องซุป Campbell’s Soup ที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง Andy Warhol และยังมีอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่คุณคาดไม่ถึง และนั่นแหละคือความชาญฉลาดของพวกเขา
และนี่คือสิ่งที่พวกเขาพยายามทำอยู่ เรามักจะได้ยินเหล่านักแซะบนโลกออนไลน์ หรือนักเสียดสีรุ่นวัยกลางคนผู้ที่มักจะแซวเยาวชนคนรุ่นใหม่อยู่อย่างสม่ำเสมอว่า “เตรียมรับมือกับไอ้พวกเด็กน้อยที่ไม่เคยแม้แต่จะฟัง Metallica แต่ใส่เสื้อวงกันให้เกลื่อนเมืองได้เลย” แต่ถ้าจะบอกว่ารสนิยมทั้งหลายที่พวกเขาเสพย์ เช่น การที่พวกเขาได้รู้จักวงดนตรีใหม่ ๆ งานศิลปะชั้นดีที่สกรีนอยู่บนเสื้อยืดของ Supreme เลยก็คาดคะเนได้อย่างไม่อายบาปว่าพวกเขากำลังโกหก !!
เช่นกันกับการปรากฏตัวของคอลเล็คชั่น Supreme x Slayer ในครั้งนี้ !?
เมื่อย้อนรอยอดีตดูเราจะพบได้ว่า มิตรภาพของแบรนด์สเก็ตสุดคลาสสิคกับวงแทรช-เมทัลรุ่นใหญ่ฝั่ง West Coast วงนี้มีมานานตั้งแต่ปี 1984 แล้ว !
โดยจะเป็นที่รู้จักกันดีตั้งแต่ปี 1986 “Reign in Blood” และเพลงยอดฮิตในอัลบั้มดังกล่าวอย่าง “Raining Blood” คือหนึ่งในเพลงที่ถูกเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษของแบรนด์ Supreme ตามกิจกรรมสำคัญต่าง ๆ แล้วความสัมพันธ์ของพวกเขามันแน่นแฟ้นกันอย่างไร ?
เรามาเริ่มกันตั้งแต่ต้น ในยุคที่วีดีโอสเก็ตบอร์ดเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายกับการดูโปรสเก็ตบอร์ดเล่นท่วงท่าต่าง ๆ ในรูปของม้วนวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนเปิดตัวของนักสเก็ตอย่าง Wade Speyer ในวีดีโอของ Powell Peralta’s 1992 Hot Batch ที่มีชื่อว่า “Mandatory Suicide” ในปี ’97, หรือแม้กระทั่งหนึ่งในบทเพลงของอัลบั้ม Plan B The Revolution ที่ Pat Duffy เปลี่ยนอารมณ์ของวีดีโอของเขาด้วยบทเพลงแห่งจิตวิญญาณ “Spiritual Law” และในส่วนที่เป็นตำนานที่น่าจดจำที่สุดด้วยบทเพลง “South of Heaven” ที่เปิดประกอบการวาดลวดลายบนบอร์ดของ Erik Ellington ใน Zero’s Misled Youth tape ปี 1999
ซึ่งจากที่กล่าวมาข้างต้น อยากให้ผู้อ่านลองจดจำไว้เลยว่า งาน Collaboration ต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อในยุคทองของสเก็ตบอร์ดยุคนั้นผู้คนต้องถูกกล่อมเกลาโสตประสาทด้วยบทเพลงของเหล่า Black Sabbath, The Doors และ Black Flag เสียขนาดนี้ การดูวีดีโอเก่า ๆ ซ้ำไปซ้ำมา รีไวน์ย้อนกลับไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง คงทำให้บทเพลงเหล่านี้เข้าไปอยู่ในจิตใจของผู้รักสเก็ตบอร์ดได้ไม่ยาก !
เมื่อพูดในบริบทอื่น ๆ นอกจากบทเพลงเฮฟวี่เมทัลแล้วนั้น ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า Supreme มีชื่อเสียงอย่างไรในแง่ของการคงความสัมพันธ์ยั่งยืนที่ถือเป็นมิตรภาพอันยาวนานกับ "วัฒนธรรมขบถ" ในหมู่วัยรุ่นยุคนั้น แต่ในจักรวาลของ Supreme ถ้าในโลกคู่ขนานแห่งหนึ่งคือสถานที่ที่นักร้องมาดนุ่มรุ่นใหญ่อย่าง Neil Young สามารถอยู่ร่วมโลก Al Green ได้อย่างหอมหวาน ในจักรวาลอีกคู่ขนานแห่งหนึ่ง Slayer คืออีกดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ภายในจักรวาลของ Supreme เพราะความ "หัวดื้อ" คือสิ่งที่ Supreme ปลูกฝังให้กับแบรนด์ได้อย่างลงราก
ในปี 1983 ซึ่งเป็นสองปีก่อนที่วง Judas Priest จะถูกนำตัวไปขึ้นศาลในข้อหา "มีเนื้อร้องหยาบคายและหมิ่นต่อศีลธรรม" Slayer ก็ได้ปล่อยบทเพลงที่แก่นเซี้ยวเจ็บแสบที่แสดงถึงแนวความคิดหัวขบถสุดโต่งอย่าง “The Antichrist” “Die by the Sword” และ “The Final Command" และในอัลบั้มถัดมาอย่าง “Serenity in Murder,” “Necrophiliac,” “Dead Skin Mask” และบทเพลงอมตะอย่าง “Mandatory Suicide” ซึ่งถ้าท่านเป็นบุคคลที่นิยามได้ว่า "โลกสวย" ท่านก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะฟังเพลงของพวกเขา
แน่นอนว่าบทเพลงของพวกเขาเป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงสื่ออย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการทดลองในค่ายกักกันชาวยิวที่ได้รับฉายาว่านรกบนดิน "Auschwitz" หรือแม้กระทั่งงาน Artwork หน้าปกไวนิลที่เป็นภาพการชำแหละร่างกายของพระเยซู อีกทั้งโลโก้ของวงยังมีเครื่องหมายนาซีและตรานกอินทรีย์จากพรรคคอมมิวนิสต์ฝั่งเยอรมัน (ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงออกถึงการบูชาพรรคนาซีอย่างชัดเจน)
ซึ่งแน่นอนว่าในกรณีล่าสุดที่ทันยุคสมัยคงหนีไม่พ้นการที่พวกเขาใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า "Kill the Kardashians" เล่นคอนเสิร์ต เพื่อส่งสารถึง Kendall Jenner ที่ใส่เสื้อวงของพวกเขา !?
จากที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ เชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจในความเป็น "Iconic" ของวงเฮฟวี่เมทัลสุดเร้าใจวงนี้กันไปแล้ว สิ่งที่ Supreme เลือกสรรคือการที่ร่วมงาน Collaboration กับ "มนุษย์" ที่ "สรรค์สร้าง" อะไรบางสิ่งให้กับโลกใบนี้ โดยไม่สนใจถึงแขนงอาชีพ ไม่ว่าคุณจะเป็น ศิลปิน , นักวาดภาพ , พ่อค้าขายอาหาร หรือ นักประพันธ์ ถ้าคุณดัง Supreme จะสนใจคุณ ! Supreme จะยังคงเป็นที่หนึ่งของแบรนด์แฟชั่นนักสเก็ตของโลก เพราะ Supreme เป็นมากกว่าวัฒนธรรมสเก็ตบอร์ด แบรนด์ของพวกเขามีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ซึ่งควบคู่ไปกับโลกของสื่อบันเทิงทุกแขนงบนโลกได้อย่างกลมกลืนเรียบง่ายและน่าอัศจรรย์ใจ
และเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น ขออ้างอิงถึงภาพยนตร์มาเฟียอิตาลีสุดคลาสสิคในตำนานอย่าง "The Godfather" ถ้าคุณได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ในปัจจุบันคุณอาจจะไม่ตื่นเต้นกับการที่มีตัวละครที่ตื่นมาแล้วพบว่ามีหัวม้าตัวโปรดของเขาอยู่บนเตียง อันเป็นการส่งสารของแก๊งค์มาเฟียที่ต้องการจะข่มขู่ให้ยินยอมในอำนาจนอกกฏหมายของพวกเขา แน่นอนว่าในปัจจุบันนี้อาจมีภาพยนตร์ที่ "ถึงพริกถึงขิง" ในการขับกล่อมผู้คนให้ตื่นเต้นไปกับสถาณการณ์เดียวกันดังกล่าว แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับกันว่า "The Godfather" คือต้นตำรับของภาพยนตร์ในแนวนี้ ! Slayer ก็เช่นกัน ในวันนี้ถ้าคุณหยิบอัลบั้มของ Slayer ขึ้นมาฟังสักหนึ่งอัลบั้มมันอาจจะไม่ทำให้คุณตื่นเต้นกับการค้นพบแนวทางดนตรีใหม่ ๆ แต่อย่างใด แต่นี่คือความ "คลาสสิค"
ทุกวันนี้ถ้าคุณเข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าในช็อปของ Supreme คุณจะพบกับพื้นที่ ๆ ให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจปรับแต่งสเก็ตบอร์ดบอร์ดกันตามอัธยาศัย พร้อมเจ้าหน้าที่ ๆ จะคอยดูแลคุณ จอทีวีที่ฉายวีดีโอสเก็ตบอร์ดซ้ำไปซ้ำมา บทเพลงขับขานบรรยากาศที่คุณไม่มีวันจะรู้เลยว่าในวันนี้คุณจะได้ฟังเพลงอะไรด้วยความหลากหลายของแนวเพลงตั้งแต่ Slayer ไปจนถึง Prince
การที่บางครั้งคุณฟังเพลงเมทัลก็เพื่อที่จะปลุกใจตัวเองเพื่อต่อสู้กับเช้าวันใหม่ที่แสนน่าเบื่อ ทว่าเมื่อคุณรู้สึกดีขึ้นคุณก็อาจจะเลือกฟังเพลงของเบิร์ด ธงไชยในยามผ่อนคลาย และคุณก็โยกกายแสงสียามราตรีด้วยบทเพลงของ Skrillex เพื่อเรียกเหงื่อในคืนวันศุกร์ของคุณ
เพราะมนุษย์มีความซับซ้อนมากกว่านั้น และก็ดูเหมือนว่า Supreme จะเข้าใจในจุดนั้นได้เป็นอย่างดี .