หลังจากที่เราได้แนะนำวิธีดูเบื้องต้นกันไปแล้ว ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม (คลิ๊ก) สำหรับรองเท้ารุ่น Adidas Yeezy Boost 350 ในครั้งนี้เราจะมารีวิวรองเท้าในรุ่น Adidas Yeezy Boost 350 กันให้ดูชัดๆแบบทุกซอกทุกมุมกันไปเลย โดยสีที่เรานำมารีวิวให้ดูกันครั้งนี้ก็คือสี Oxford Tan นั่นเอง
ย้อนความกันนิดนึงสำหรับที่ใครพึ่งได้มาอ่าน อาจจะงงว่าทำไมรองเท้าคู่นี้มันมีราคาสูงเหลือเกิน (30,000- 40,000 บาท) รองเท้าคู่นี้นั้นเป็นการร่วมโปรเจคท์กันระหว่าง adidas Originals และแร็ปเปอร์ชื่อดัง Kanye West ซึ่งในการร่วมงานกันครั้งนี้ได้ออกแบบรองเท้าในรุ่นที่มีชื่อว่า Yeezy Boost ด้วยชื่อเสียงของ Kanye West นั้นไม่ว่าเขาจะหยิบจับอะไรก็ดูเป็นที่สนใจและสามารถสร้างเทรนด์ได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องของเพลงที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงสไตล์ในการแต่งตัวที่เรียกได้ว่าเป็นไอคอนแถวหน้าของวงการตอนนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับรองเท้าในตระกูล Yeezy Boost มีทั้งด้วยกัน 3 รุ่นได้แก่ 350, 750 และ 950 การวางขายรองเท้าในคอลเลคชั่นนี้เรียกได้ว่าลิมิเต็ดแบบสุดๆ ในช็อปที่ได้เป็นตัวแทนในการวางจำหน่ายมีไม่เพียงต่อความต้องการของตลาด มีวางจำหน่ายแค่ 50 กว่าคู่แต่คนที่มารอลุ้นสิทธิ์ซื้อนั้นมีมากถึง 400 – 500 คน และนี่คือสาเหตที่ว่าทำไมราคารองเท้าของ Yeezy Boost ถึงได้ไปพุ่งขึ้นไปหลายต่อหลายเท่า
อย่างรุ่นที่เราจะนำมารีวิวในครั้งนี้ Adidas Yeezy Boost 350 “ Oxford Tan” นั้นก็มีวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย ที่ร้าน adidas Originals สยามเซนเตอร์ (คลิ๊กชมบรรยากาศวันวางจำหน่ายรองเท้าคู่นี้ได้) สำหรับในประเทศไทยนั้นวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมาในราคา 8,490 บาท โดยใช้ระบบการจับฉลากหาผู้โชคดีมีสิทธ์ในการซื้อรองเท้าคูนี้ ซึ่งในวันงานวันนั้นมีคนให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าห้างแทบแตกกันเลยทีเดียว เกริ่นกันไปพอสมควรแล้วสำหรับรองเท้า Adidas Yeezy Boost 350 อ่านมาถึงบรรทัดนี้กันแล้วคงอยากจะอ่านรีวิวรองเท้าคู่นี้กันแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปติดตามอ่านกันเลยดีกว่า
Yeezy 350 Boost จะมาในกล่องกระดาษสีน้ำตาล ต้องบอกว่าทาง adidas ออกแบบได้เรียบง่ายสุดๆ คือบนตัวกล่องจะมีแค่สกรีนโลโก้ทาง adidas และ Yeezy เล็กๆติดมาตรงด้านข้างกล่อง และมีสติกเกอร์บอกรุ่น, ไซส์รองเท้า และพวกรายละเอียดต่างๆรวมถึงบาร์โค้ดเท่านั้น ภายในกล่องจะมีแค่รองเท้าและกระดาษห่อมาเท่านั้น ไม่มีเชือกสำรองมาให้ด้วย
การออกแบบ
สำหรับโมเดลตัวนี้จะมาในทรงแบบไม่หุ้มข้อ การดีไซน์ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ ตรงส่วนของ Upper หยิบเอาเทคโนโลยีอย่าง Primeknit ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทาง adidas คิดค้นขึ้น ทำให้รองเท้ามีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบาและยืดหยุ่นได้ดีเลยทีเดียว และยังมีลวดลายการที่เกิดจากการถักทอ ที่ดูแล้วเข้ากันได้ดีกับลายของเชือก (Rope lace) อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือทั้งส่วนของ upper นั้นมีรอยต่อเพียงจุดเดียวคือตรงกลางของรองเท้า มาถึงด้านข้างของรองเท้าด้านในจะมีหนังกลับครึ่งวงกลมเย็บติดไว้อยู่ และบนหนังกลับจะมีโลโก้ของ adidas และคำว่า YZY ปั้มอยู่ด้วย ตรงส่วนด้านหลังของรองเท้าจะมี Pull-tab ขนาดใหญ่พอสมควร เอาไว้ดึงช่วยในการใส่รองเท้าได้ง่ายขึ้น
ตรงส่วน Insole จะมีสกรีนชื่อ adidas และคำว่า YEEZY อยู่ด้านบน คราวนี้มาดูตรงส่วนพื้น (Sole) กันบ้างซึ่งแน่นอนว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทางแบรนด์ใช้เป็นอีกหนึ่งจุดขาย ตัวพื้นรองเท้าดีไซน์ออกมาได้แบบไม่เหมือนใคร การ ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Boost technology ซึ่งเราจะเห็นอยู่ด้านใต้ของพื้นรองเท้า (คล้ายๆเม็ดโฟมอัด) ตัวพื้นค่อนข้างรองรับน้ำหนักได้ดี ทำให้เวลาใส่เดินจะรู้สึกได้ว่าค่อนข้างนุ่มสบาย
ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีของรองเท้าคู่นี้เลยคือมีน้ำหนักที่เบามาก เพราะด้วยเทคโนโลยี Boost และ Primeknit ทำให้เบากว่าหลายๆรุ่นในบรรดารองเท้าสนีกเกอร์ อีกอย่างที่ชอบคือรองเท้านั้นคือสามารถสวมใส่ได้เลยออกกึ่งๆทรง Slip-on รองเท้าค่อนข้างจะดูแลทำความสะอาดได้ง่าย แต่ข้อเสียเลยคือราคาในตลาดตอนนี้ที่ไปไกลแบบสุดโต่ง และของปลอมที่ออกมาเรียกว่าเนียนเหมือนของจริงมากๆ อีกหนึ่งปัญหาคือสำหรับบางคนที่ไม่เคยลองรองเท้ารุ่นนี้ อาจจะงงเวลาจะซื้อว่าเราควรจะลดไซส์หรือเพิ่มไซส์กันแน่ สำหรับคู่นี้ทางผู้เขียนได้ซื้อไซส์ตามปกติที่ใส่เลย ไม่ได้ลดหรือเพิ่มแต่อย่างได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยุ่กับหน้าเท้าของแต่ละคนด้วย ทางที่ดีจ่ายเงินในหลักหมืนกันแล้ว ก็ควรจะหาข้อมูลและศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
Photographer : Supasin Daungkrajan