เรื่องนี้อาจจะยาวมากสักหน่อย แต่อายกจะแชร์เรื่องราวในมุมมืดของวางการ Sneaker ที่เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กๆจนขยาดวงกว้างไปสู่เรื่องที่สังคมให้ความสำคัญเป็นอาชญกรรมร้ายแรงของประเทศ เพียงรองเท้าคู่เดียวก็สามารถฆ่ากันได้ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่างระหว่างคนที่รักในสิ่งนั้นจริงๆกับคนที่มีความคิดว่าอยากได้ อยากมี
ในปี 1989 เด็กชายวัย 17 ปี James David Martin ได้ชักจูงเด็กชายอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกันเข้าไปในป่าและทำการฆ่ารัดคอเด็กชายอายุ 15 ปีผู้นั้นจนเสียชีวิตเพียงเพื่อต้องการที่จะได้รองเท้า Air Jordan นี่คือคดีฆาตกรรมคดีแรกที่เกิดขึ้นและมีการบันทึกอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากเรื่องราวดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเสียงสะท้อนสู่สังคมชาวอเมริกันว่าวัตถุนิยมเริ่มมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นในยุคนั้นมากเกินไปจนถึงขั้นต้องฆ่ากันเพียงเพื่อรองเท้าคู่เดียว
แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อตำรวจได้สอบสวนโดยระเอียดแล้วก็พบว่า James David Martin นั้นมีปัญหาทางด้านความรุนแรงซึ่งเกิดจาดที่บ้านโดยผู้เป็นแม่นั้นได้ใช้ความรุนแรงแกเขาและน้องตั้งแต่ยังเด็ก ความรุนแรงนี้เองทำให้ติดตัวเขามาโดยเป็นสัญชาติญานไปแล้ว หลังจากนั้นเข้าได้ติดคุ๊ก 6 ปี หลังจากที่ออกมาสู่อิสระภาพเค้าก็ได้ก่อคดีอีกเรื่อยมาจนเป็นฆาตกรต่อเนื่อง จากกรณีนี้ชาวอเมริกันก็เบาใจไปได้ว่าสิ่งที่ James David Martin ทำลงไปนั้นเป็นฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดจาดจิตใจของเขาเองไม่ใช่เกิดจากต้องการแย่งชิงรองเท้าแต่อย่างใด
แต่มันไม่ใช่อย่างที่คนอเมริกันชนคิดกันเลย James David Martin เปรียบเสมือนแรงบันดาลใจให้กับเหล่าอาชญากรก่อเหตุในการแย่งชิงรองเท้าเช่นนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มุมมองของกีฬาบาสเก็ตบอล และลานกีฬาบาสเก็ตบอลได้รับผลกระทบจากมุมมองของผุ้คนทั่วไปว่าเป็นพื้นที่ของพวกใช้ความรุนแรงและเริ่มมีการเหยียดผิวเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวของที่เข้ามาแก้ปัญหา
กลังจาก 25 ปีผ่านไปทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิมในแง่ของอาชญากรรมที่เกิดจากการแย่งชิงรองเท้าที่เหล่า Sneakerhead หวั่นกลัวว่าสักวันนึงจะเกิดขึ้นกับตัวเขาเอง เหตุการที่เกิดขึ้นก็มากมายจนสื่อไม่สนใจจะลงข่าวจนปัจจุบันกลายเป็นเรื่องอาชญากรรมธรรมดาไปเสียแล้ว
ร้าน Foot Locker ในแถบชาญเมืองของ DC ถูกกลุ่มชายผิวสีเข้าทุบร้านและเข้าไปขโมยรองเท้าและเสื้อผ้า
จากการที่อาชญากรจะชอบก่อดคีกับเหล่า Sneakerhead และผู้คนจนทุกคนเริ่มระวังตัวและไม่ใส่รองเท้าที่มีราคาหรือหายากมาเดินถนนในเส้นทางที่อันตรายทำให้เหล่าอาชญากรมุ่งเป้าไปที่ร้าน Retail ในเขตชาญเมืองเป้นหลักอย่างเช่นใน DC และ Chicago โดยทุกเขตุคนท้องถิ่นจะรู้กันดีว่าจะมีพวกวัยรุ่นที่ตั้งตัวเป็นแก๊งอันธพาลอยู่ทุกที่และพวกวัยรุ่นเหล่านี้เองที่เป็นคนก่อเหตุโดยได้รับอิทธิพลมาจากเพลง Hip Hop ที่จะเสียดสีสังคมและสะท้อยภาพความรุ่นแรงผ่านบทเพลง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือศิลปินฮิปฮอปส่วนใหญ่จะใส่รองเท้าผ้าใบที่เป็นที่นิยมและเป็นรุ่นที่ผู้คนต้องการ จึงทำให้รองเท้ารุ่นที่ศิลปินที่โด่งดังในยุคนั้นรวมทั้งยุคนี้เข้าตาโจรเข้าเต็มๆ ในเมื่อไม่มีเงินซื้อก็ปล้นมันซะเลยจะไปยากอะไร
เหตุการจราจลของ Sneakerhead ที่ New York โดยต้องการซื้อรองเท้า Reebok Icecream
เหตุการเริ่มมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งเหล่าอาชญากรไม่ได้มุ่งเป้าไปที่รองเท้าบาสเก็ตบอลในรุ่น Air Jordan อีกต่อไป แต่มุ่งเป้าไปที่รองเท้าทุกรุ่นที่เป็นที่สนใจของตลาดรองเท้า รองเท้าในรุ่นลิมิเต็ด รองเท้าในรุ่นหายากต่างๆ อย่างที่เหตุการก่อจราจลของผู้ที่ต้องการซื้อรองเท้า Reebok Icecream
เหตุการจราจลใน New York ของผู้เฝ้ารอซื้อ Nike Dunk Low SB "Pigeon"
ก้าวสู่ในยุคปี 2000 เหตุการก่ออาชญากรรมและก่อจราจลเริ่มรุ่นแรงและก่อเหตุแบบซึ่งหน้ามากยิ่งขึ้นอย่างเหตุการในวันวางจำหน่ายรองเท้า Nike Dunk Low SB "Pigeon" ในปี 2010 ที่ออกแบบโดน Jeff Staple ซึ่งรองเท้าคู่นี้ออกแบบมาโดยนำเอกลีกษณ์สำคัญของ New York อย่างนกพิราบและขี้นกมาใส่ไว้บนตัวรองเท้าและผลิตออกมาจำนวนจำกัด เพียงแค่นี้ร้านก็แตก มีคนนอนรอซื้อเป็นอาทิตย์ก่อนวางจำหน่าย มิหนำซ้ำ มีคนโดนดักปล้นรองเท้าตั้งแต่ก้าวออกจากร้านเพียงไม่กี่ก้าว เรียกว่ารอปล้นหน้าร้านกันเลยทีเดียว
หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุการก็พอจะเอามาโชว์นอกร้านได้หน่อย
และเหตุการที่สะเทือนใจที่เกิดขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมากับรองเท้าสองรุ่นคือ Jordan 6 "Infrared" ที่เกิดการจราจลและมีปล้นรองเท้ากันเกิดขึ้นและรุ่น Jordan 11 "Bred" ที่เกิดเหตุแทงกันเสียชีวิตเพื่อแย่งรองเท้า นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของข่าวเหตุการที่ได้ถูกนำเสนอลงบนพื้นที่สื่อ โดยทางผู้สื้อข่าวจากสำนักข่าว abc News ได้เปิดเผยว่าเหตุการความรุนแรงเช่นนี้เฉีล่ยแล้วในหนึ่งปีจะเกิดขึ้นราวๆ 150 ครั้งที่ได้รับการรายงานและที่ไม่ได้รับการรายงานอีกมากกว่า 100 ครั้ง จึงถือได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องอาชญากรรมเล้กๆอีกต่อไป
เหตุการเช่นนี้ต้องไม่เกิดกับบ้านเราอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้คุณจะก่อเหตุการเช่นนี้ลงไป ถึงคุณจะได้รองเท้าไปแต่มันก็จะอยู่กับคุณได้ไม่นานแน่นอน ซึ่งความสุขของการที่ได้รองเท้ามันอยู่ที่การจับจองก็จริงแต่คุณค่าที่แท้จริงคือการที่ได้มาตามกฏกติกาที่ร้านค้าวางเอาไว้ คุณจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวและประวัติของรองเท้าคู่นั้นได้อย่างสนุกกับเพื่อนๆคอเดียวกันได้ว่าคุณได้มันมายังไง ต้องรอกี่วัน หาประวัติของรองเท้าคุ่นี้เพื่อมาแชร์ความรู้ซึ่งกันและกันดีกว้าไปบอกเพื่อนว่า "ข้าขโมยมา" ในเมื่อบอกเล่าได้สั้นๆเท่านี้มันก็จบแบบสั้นๆโดยที่คุณไม่รู้อะไรเลยนอกจากความอยากได้ในใจและการนำเอาสัญชาติยานดิบออกมาใช้
ขอบคุณภาพจาก : sports illustrated, Complex