หลังจากเมื่อคืน ทางApple ได้เปิดตัว Iphone 6 และ iphone 6 plus โดยจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจขนาดไปชมรายละเอียด
เริ่มจาก iphone 6
– หน้าจอ LCD ขนาด 4.7 นิ้วผลิตจากกระจก "Ion-Strengthened Glass" ที่มีความโค้งมากกว่าเดิมบริเวณขอบหน้าจอ ความละเอียดหน้าจอ Retina HD ที่ 750 x 1334 พิกเซล, 348 ppi
– บอดี้บางเพียง 6.9 มม. ส่วนตัวเครื่องผลิตจากโลหะ Anodized Aluminum
– ชิปเซ็ต A8 สถาปัตยกรรม 20nm รุ่นใหม่ให้พลังขับเคลื่อน CPU แรงขึ้น 25% และ GPU แรงขึ้น 50%
– ชิปเซ็ต M8 ตรวจจับการเคลื่อนไหวรุ่นใหม่มาพร้อมเซนเซอร์ Barometer สำหรับวัดระดับความสูง
– ระบบปฏิบัติการ iOS 8
– กล้องหลัง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นเป็น 1.5µ พิกเซล f/2.2 รองรับระบบ Phase Detection Autofocus ได้เร็วกว่าเดิม มีแค่ระบบ Digital Stabilization ถ่ายภาพ Panorama ได้สูงสุด 43 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ Full HD ได้ที่ระดับ 60fps รองรับการบันทึกภาพ Slow-Motion ระดับสูงสุด 240fps แต่ความละเอียดต่ำลง
– แบตเตอรี่ใช้งานได้ดีกว่า iPhone 5s เล็กน้อยหรือเท่ากัน สามารถพูดคุยได้ต่อเนื่อง 14 ชั่วโมง
– รองรับระบบ Voice Over LTE และ WiFi Calling ในประเทศที่ใช้งานได้
– รองรับเครือข่าย 4G LTE ได้มากถึง 20 band และมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 150Mbps
– รองรับ WiFi 802.11ac เร็วกว่า WiFi ปกติสามเท่า
– รองรับ NFC เพื่อการใช้จ่ายแบบไร้สายในระบบ Apple Pay
– มีให้เลือก 3 สีคือ Space Grey, Silver และ Gold
ต่อด้วย iphone 6 plus
– หน้าจอ IPS LCD ขนาด 5.5 นิ้วผลิตจากกระจก "Ion-Strengthened Glass" ที่มีความโค้งมากกว่าเดิมบริเวณขอบหน้าจอ ความละเอียดหน้าจอ Retina HD ที่ 1080 x 1920 พิกเซล, 400 ppi
– บอดี้บางเพียง 7.1 มม. ส่วนตัวเครื่องผลิตจากโลหะ Anodized Aluminum
– สามารถใช้งานตัวเครื่องในแนวนอนหรือ Landscape Mode ได้เหมือน iPad
– ชิปเซ็ต A8 สถาปัตยกรรม 20nm แบบ 64-bit รุ่นใหม่ให้พลังขับเคลื่อน CPU แรงขึ้น 25% และ GPU แรงขึ้น 50%
– ชิปเซ็ต M8 ตรวจจับการเคลื่อนไหวรุ่นใหม่มาพร้อมเซนเซอร์ Barometer สำหรับวัดระดับความสูง
– ระบบปฏิบัติการ iOS 8
– กล้องหลัง iSight ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชสองสี True Tone Dual LED Flash ขนาดพิกเซลใหญ่ขึ้นเป็น 1.5µ พิกเซล f/2.2 รองรับระบบ Phase Detection Autofocus ได้เร็วกว่าเดิม มีระบบกันสั่น Optical Image Stabilization ในตัว ถ่ายภาพ Panorama ได้สูงสุด 43 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ Full HD ได้ที่ระดับ 60fps รองรับการบันทึกภาพ Slow-Motion ระดับสูงสุด 240fps แต่ความละเอียดต่ำลง
– แบตเตอรี่ใช้งานฟังเพลงต่อเนื่องได้ 80 ชั่วโมง คุยโทรศัพท์ผ่าน 3G ได้ 24 ชั่วโมง สแตนด์บายได้ 16 วัน
– รองรับระบบ Voice Over LTE และ WiFi Calling ในประเทศที่ใช้งานได้
– รองรับเครือข่าย 4G LTE ได้มากถึง 20 band และมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 150Mbps
– รองรับ WiFi 802.11ac เร็วกว่า WiFi ปกติสามเท่า
– รองรับ NFC เพื่อการใช้จ่ายแบบไร้สายในระบบ Apple Pay
– มีให้เลือก 3 สีคือ Space Grey, Silver และ Gold