หลังจากใช้ชื่อ The New iPad กันมาสองรุ่น (iPad รุ่นที่ 3 และ 4) วันนี้ทาง Apple จับ iPad รุ่นใหญ่มาเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เป็น iPad Air โดยลดหุ่น ให้บางลง เบาลง พกพาง่ายขึ้น โดยน้ำหนักเหลือ 1 ปอนด์ (รุ่นก่อนหน้าหนัก 1.4 ปอนด์) หนาเพียง 7.5 มิลลิเมตร (รุ่นก่อนหน้า 9.4 มิลลิเมตร) และขอบบางลง 43%
นอกจากเปลี่ยนโฉมรูปลักษณ์ภายนอกของ iPad Air ให้บางและเบาลงแล้ว ทาง Apple ยังคงจัดสเปคอัดเต็มเช่นเดียวกับทุกปี เพราะเจ้า iPad Air นี้ยังคงใช้จอ Retina Display เหมือนเดิม และใช้หน่วยประมวลผล Apple A7 ที่เพิ่งเปิดตัวไปใน iPhone 5S ที่ผ่านมา (และชิป M7 Motion Co-Processor ด้วย) โดยสเปคนี้ทาง Apple เคลมว่าประมวลผลไวกว่า iPad รุ่นแรกที่วางขาย 8 เท่า (แต่รุ่นแรกมันตั้งสามปีกว่าแล้วนะ!) ส่วนกราฟฟิคก็ไวกว่าเดิม 72 เท่า เมื่อเทียบกับ iPad รุ่นแรก
สำหรับการเชื่อมต่อ WiFi นั้นรองรับ 802.11n และเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MIMO (Multiple Input, Multiple Output) ทำให้เสาสัญญาณ WiFi ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
กล้องหลังนั้นมีความละเอียด 5 Megapixel สามารถถ่าย Full HD ได้สบายๆ ส่วนกล้องหน้าก็จะรองรับ FaceTime HD โดยจะมีฟีเจอร์อย่าง Larger Pixel และ Backside-Illuminated Sensor ทำให้ถ่ายภาพได้คมชัด แม้จะอยู่ในที่มืดนั่นเอง นอกจากนี้ iPad Air ยังมีไมค์ทั้งหมด 2 ตัว และแบตเตอรีที่ใช้งานได้ 10 ชั่วโมงต่อเนื่อง
สำหรับกำหนดวางขายใน 40 ประเทศแรกเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 พฤศจิกายน (ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้นะ) โดยยังคงขาย iPad Air ในราคาเดิมเท่ากับ iPad รุ่นก่อนหน้า คือรุ่น WiFi ขายราคา $499 ส่วนรุ่น 4G LTE ขายในราคา $629 ส่วนเรื่องที่น่าแปลกใจคือ… iPad 2 ยังคงขายอยู่ (ขายในราคา $399) งานนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม iPad 2 ยังอยู่ยงคงกระพันยิ่งนัก
credit : mxphone.net