จากประสบการณ์ตรงของนักวิ่งระดับโลกสู่การพัฒนารองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ภายใต้ซีรี่ส์ Nike Air Zoom Pegasus นั่นก็คือ
Nike Zoom Pegasus Turbo ที่มาพร้อมกับความเร็วที่เหนือระดับ
ถ้ารู้สึกว่าคล้ายๆ กับ Nike Zoom Vaporfly Elite และ Nike Zoom Vapor Fly 4% แสดงว่าคุณตาถึง รองเท้าวิ่งรุ่น Turbo ได้แรงบันดาลใจมาจากรองเท้าวิ่งมาราธอนสองรุ่นนี้ และใช้โฟม ZoomX ที่ตอบสนองได้ดีเป็นพิเศษ และส่วนส้นที่ถูกออกแบบตามหลักการของแอโรไดนามิก
3 สิ่งน่ารู้เกี่ยวกับ NIKE ZOOMX FOAM
• สามารถส่งคืนพลังงานกลับได้ถึงร้อยละ 85 สูงสุดในบรรดาโฟมทุกชนิดจากไนกี้
• นอกจากนี้ยังเป็นโฟมของไนกี้ที่น้ำหนักเบาที่สุด (รองเท้าผู้ชาย ไซส์ 10 หนักประมาณข้างละ 8.4 ออนซ์ (238 กรัม) และรองเท้าผู้หญิง ไซส์ 8 หนักประมาณ 6.9 ออนซ์ (195 กรัม)
• ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในรองเท้าวิ่ง 3 รุ่น ได้แก่ Zoom Vaporfly Elite (ซึ่งเป็นรุ่นที่นักกีฬา Breaking2 ใส่) Zoom Vaporfly 4% และล่าสุด Zoom Pegasus Turbo
หลักการของการส่งคืนพลังงานกลับ
ขออธิบายเรื่องฟิสิกส์คร่าวๆ ก่อนว่า พลังงานสามารถส่งผ่านได้ ไม่มีอะไรที่หยุดยั้งหรือเลียนแบบการส่งผ่านพลังงานได้ หน้าที่ของโฟมก็คือช่วยลดปริมาณพลังงานที่สูญเสียไประหว่างที่เกิดแรงกระแทก โดยใช้แรงเข้าต้าน (เวลาวิ่ง แรงต้านขึ้นอยู่กับการก้าว ความเร็ว และการลงน้ำหนัก) โฟมจะเด้งตัวกลับสู่รูปทรงเดิมทุกครั้งที่เท้าของคุณยกขึ้นจากพื้น และยิ่งกลับไปสู่รูปทรงเดิมได้มากเท่าไหร่ ก็มีการส่งคืนพลังงานกลับเข้าไปในโฟมได้มากเท่านั้น
สิ่งที่รุ่น Turbo ไม่ได้นำมาใช้ต่อจากรุ่น Nike Zoom Vaporfly Elite และ Nike Zoom Vapor Fly 4% ก็คือแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ เหตุผลก็คือ แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์มีความแข็ง ช่วยเพิ่มแรงดีดส่งตัวขณะที่วิ่ง ทำให้นักวิ่งสามารถเด้งฝีเท้าได้เร็ว และให้ความรู้สึกคล่องตัวและแข็ง นักวิ่งระดับโลกที่เคยใส่รองเท้าชนิดนี้วิ่ง (และคว้าชัยชนะ) ในงานมาราธอนมาแล้วได้แก่ Eliud Kipchoge และ Galen Rupp พวกเขาเล่าว่ารองเท้าชนิดนี้เหมาะกับวันแข่งขัน แต่อาจจะไม่เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน (ไม่ได้อยากให้รองเท้ามีแรงดีดมากขนาดนั้นในทุกฝีก้าว) แต่โฟม ZoomX เป็นโฟมที่ส่งคืนพลังงานกลับได้ดีที่สุดของไนกี้ และให้ความรู้สึกสบาย ถูกใจนักวิ่งและเหมาะกับการซ้อมวิ่งประจำวัน
การดูดซับแรงกระแทก
ลองนึกภาพดู รองเท้าวิ่งก็เหมือนระบบกันกระแทกสำหรับร่างกายของคุณ ระบบกันกระแทกที่มีในรถยนต์มีไว้เพื่อลดแรงปะทะและช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวเวลาที่รถวิ่งผ่านถนนขรุขระหรือหลุม ระบบกันกระแทกของรถแข่งต้องทำหน้าที่ควบคุมแรงกดบนสนามเพื่อให้รถวิ่งได้เร็วและควบคุมทิศทางได้ดี ส่วนรถบรรทุกนั้นต้องการระบบกันกระแทกที่มีประสิทธิภาพสูง และทำจากฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบกันกระแทกนั้นมีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่ก็เป็นสิ่งที่รถทุกคันต้องมี รองเท้าก็เช่นกัน การวิ่งที่แตกต่างกันก็ต้องการระบบกันกระแทกที่แตกต่างกันออกไป
เปิดดูด้านใน
ความหนาเฉลี่ยของพื้นที่ 10 มิลลิเมตร (offset) และความหนาพื้นด้านหน้ามีความหนา 12 มิลลิเมตร ออกแบบมาเพื่อเพิ่มแรงในการวิ่ง
ให้การส่งคืนพลังงานกลับที่เหนือกว่า และขอบข้อเท้าออกแบบมาเพื่อไม่ให้โดนเอ็นร้อยหวาย ลดการเสียดสีและลดการเกิดปัญหารองเท้ากัด
หน้ารองเท้าผลิตจากเส้นใยโปร่งแสงเย็บติดกับตัวรองเท้าเป็นผืนเดียว (เส่นใยโปร่งแสงนี้ช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับเส้นใยฟลายวายร์
ที่ผสานเข้ากับเชือกผูกรองเท้า เพื่อให้ผู้สวมใส่ปรับความกระชับของรองเท้าได้ตามความต้องการ)
แถบสีที่ดูราวกับลวดลายบนรถแข่งอยู่ตรงกึ่งกลางของรองเท้า ทอดตัวยาวจากใต้ฝ่าเท้า ปลายเท้า จนถึงลิ้นรองเท้า
ชั้นโฟมไนกี้ รีแอค ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับโฟมซูมเอ็กซ์ด้านใต้รองเท้า
โดยเฉพาะด้านความทนทานและความสมดุลขณะสวมใส่
พื้นยางชั้นนอกลายวาฟเฟิลคล้ายลูกสูบขนาดเล็ก ช่วยดูดซับแรงกระแทกและรองรับการใช้งานกับพื้นผิวหลากหลายรูปแบบ
รองเท้า Nike Zoom Pegasus Turbo วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม เป็นต้นไป ราคา 6,400 บาท ผ่านทาง nike.com และร้านไนกี้ สยามสแควร์วัน และร้านซูเปอร์สปอร์ต สาขาเซ็นทรัลเวิลด์