Soul4street ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “พี่บ๊อบ-วรากฤช วิวัฒนาเกษม” ผู้ก่อตั้งร้าน VAC หนึ่งในร้านมัลติแบรนด์ที่ครบเครื่อง ทั้งเสื้อผ้าสตรีทแวร์และรองเท้าสนีกเกอร์เจ๋งๆ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในร้านชั้นนำของเมืองไทย ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้เราอยากให้ทุกคนที่กำลังอ่าน ได้รับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจของพี่บ๊อบ มุมมองความคิดต่อกระแสของสตรีทแฟชั่น และอีกหลายคำถามที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากเริ่มต้นแบรนด์เสื้อผ้า รวมถึงพูดคุยถึงโปรเจ็คพิเศษที่ทำร่วมกับ BLACKBARRETT by Neil Barrett แบรนด์เสื้อผ้าสาย Activewear ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งถ้าคุณชื่นชอบการแต่งตัวแนวสตรีทขอบอกเลยว่าห้ามพลาดกับบทสัมภาษณ์นี้
อยากให้พูดถึงเทรนด์สตรีทแฟชั้นที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ในมุมมองของพี่บ๊อบ
ปีนี้พี่คิดว่ากระเป๋าพวก Cross Body คาดอกน่าจะยังคงอยู่ และพวกเทรนด์ทหาร Military เสื้อกั๊กก็น่าจะมีคนใส่เยอะขึ้นจากปีที่แล้ว ส่วนเรื่องแพทเทิร์นพี่คิดว่าพวกลาย Overall Print จะกลับมาเพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมาคนค่อนข้างจะเบสิคเน้นโลโก้อะไรง่ายๆ เน้นสีขาว-ดำ แต่ปีนี้พี่คิดว่าคนมันก็เริ่มเบื่อก็เลยหันมาหาอะไรที่มันจัดจ้านมากขึ้น
พี่คิดว่ากระแสของสตรีทแฟชั่นในปัจจุบันกับสมัยก่อนต่างกันมากไหม
ต่างกันนะพี่ว่าเมื่อก่อนมันจะเน้นถึงความชอบเป็นหลัก มีเรื่องราว Story แรงบันดาลใจ แต่พี่คิดว่าในช่วงหลังๆมานี้บางทีคนที่แต่งตัวเนี่ย จะเน้นในเรื่องของราคามากกว่า ประมาณว่าใครใส่แล้วดูรวยที่สุด แบบอารมณ์ใส่ไปขิงคนอื่นได้ แต่เรื่อง Styling เขาจะไม่ค่อยแคร์กันเท่าไหร่
ตอนนี้ตลาดสตรีทแฟชั่นและรองเท้าสนีกเกอร์ในบ้านเรานี่สามารถเทียบหรือสู้กับเพื่อนบ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน
คือถ้าเทียบกับพวก South East Asia มันก็ไม่น่าจะต้องไปเทียบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะส่วนตัวเราคิดว่าเรื่อง Styling เราก็เป็นผู้นำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ถ้าไปเทียบกับพวกประเทศที่มันเป็น Icon เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น หรือแม้จะเป็นไต้หวันเอง คือส่วนตัวคิดว่าเรายังสู้เขาไม่ค่อยได้ เพราะว่าคนบ้านเรายังไม่ค่อยเปิดกว้างต่อแบรนด์ใหม่ๆ คือสุดท้ายแล้วก็เล่นแต่อะไรเดิมๆพวกแบรนด์ที่เป็นกระแส แบบช่วงที่ adidas มันบูมขึ้นมา คนก็พากันใส่ adidas กันทั่วบ้านทั่วเมือง หรือช่วงที่ Off-White x Nike มันฮิตก็ใส่กันอยู่แค่นั้น ไม่สนใจอย่างอื่นเลย แต่ถ้าถามว่ามันพัฒนาไหม? ก็ต้องบอกว่าพัฒนา แต่ถ้าถามว่าเทียบเคียงได้ไหม? ก็คงต้องบอกว่ายัง
ในอนาคตตลาดสตรีทในไทยสามารถโตหรือพัฒนาไปได้ไกลมากกว่านี้หรือไม่
คือถ้าเป็นตลาดในแง่ของเม็ดเงิน ก็คงคิดว่ามันก็เป็นไปตามเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ามันโต รัฐบาลมั่นคง คนมีรายได้ ก็คิดว่ามันน่าจะโตตามเศรษฐกิจโดยรวมแหละ แต่ถ้าเป็นในแง่ของพวก Styling และ Fashion อันนี้คิดว่าน่าจะยาก เพราะว่ามันจะขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและการศึกษา
พี่คิดว่าอะไรคือสิ่งที่จะผลักดันให้วงการสตรีทก้าวไกลไปได้มากกว่านี้
ก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวคือเรื่องเทรนด์ คือเรื่องกระแส สุดท้ายแล้วคนไทยเป็นประเภทที่เสพย์แต่กระแสหลัก ถ้าเราสามารถผลักดันให้สินค้าหรืออะไรสักอย่างที่มันอยู่ในกระแสหลักได้มันก็จะไปค่อนข้างเร็ว คือเรื่องเม็ดเงินเนี่ยเอาจริงๆแทบไม่เกี่ยวเลย จะสังเกตได้ว่ารองเท้า Off-White หรือ YEEZY ที่มีรีเซลไปถึงหลักแสนเนี่ยคนก็ยังซื้อกัน เพราะฉะนั้นคนไทยเนี่ยบางทียอมที่จะเป็นหนี้แค่เพื่อที่จะดูดี แต่พอเมื่อ Street Fashion มันไม่ได้เป็น Mainstream เหมือนทุกวันนี้ มันจะทำอย่างไรให้กระแสมันยังคงอยู่ อย่างที่เราเข้าใจกันคือทุกอย่างมันมี Cycle ของมัน อย่าง Streetwear และ Sneaker มันก็เคยฮิตอย่างสุดๆมาก่อน แล้วมันก็หายไปกลายเป็นยุควินเทจ แล้วก็เป็นยุค Skinny แล้วมันก็กลับมาเป็น Streetwear อย่างทุกวันนี้ เราคิดว่าอีกไม่นานปี สองปีนี้แหละมันก็ต้องไปแน่นอน คราวนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคนในวงการ Streetwear นี่แหละจะทำยังไงไม่ให้กระแสของมันหายไปอย่างสิ้นเชิง
ในประเทศไทยเองตอนนี้มีแบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีทเกิดขึ้นมากมาย ในมุมมองพี่ว่าสิ่งเหล่านี้มันช่วยผลักดันวงการสตรีทของเราหรือไม่ และพี่บ็อบมีความคิดเห็นยังไงบ้าง
คือพี่ว่าดี ในการที่มีแบรนด์ Local ออกมามากขึ้น มันทำให้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่หรือเจ้าเล็กเนี่ยมันก็ต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้น อย่างพี่เห็นบางแบรนด์ที่เพิ่งเกิดใหม่มีแรงบันดาลใจดีหรือมีเรื่องราวดีทำเสื้อผ้าออกมาสวย เราก็สามารถเรียนรู้อะไรจากตรงนั้นได้ เพราะฉะนั้นคือเรื่องเสื้อผ้าคุณไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะก็สามารถทำเสื้อยืดได้ ใครๆก็สามารถมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าคุณเก่งจริงก็สามารถอยู่รอดได้ แล้วใครที่ชอบทำอะไรฉาบฉวยคือสุดท้ายมันก็อยู่ไม่รอด มันก็เป็นไปตามวัฏจักรของมัน การที่มีแบรนด์ใหม่ๆมากขึ้นเนี่ย ก็ทำให้ตัวกลุ่มลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ยิ่ง Streetwear มีเยอะมากขึ้นมันก็สามารถกระจายแล้วสุดท้ายก็แข่งกันเองไปในทางที่ดี คือพี่มองว่าไม่ว่าจะคนที่ชอบแบรนด์ใหญ่สุดท้ายก็อาจจะมาสนใจแบรนด์เล็กๆก็ได้
ในมุมมองของคนในวงการสตรีทแวร์ พี่มีขอแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากจะเริ่มทำแบรนด์เป็นของตัวเองบ้าง
ก็ง่ายๆเลย หนึ่งคืออย่าก็อป แรงบันดาลใจคือเรื่องนึง ก็อปมันก็อีกเรื่องนึง กลุ่มลูกค้าเขาไม่โง่ ยิ่งเราแถ ยังไงมันก็ไม่มีทางหลุด อย่างที่สองคืออย่าทำอะไรฉาบฉวย บางทีคือคนอยากทำแค่แบบล้อเลียนแบรนด์โน้น แบรนด์นี้ สุดท้ายแล้วมันไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วเราจะมาเปลี่ยนกลางคันมันก็ยากเพราะกลุ่มลูกค้ามันก็จำเราไปแล้วว่าแบรนด์นี้ชอบ Parody อะไรฮิตก็ทำตามกระแส คือแบรนด์ไทยส่วนใหญ่ชอบทำอะไรแบบนี้ ตีไป 90% จะไม่รอด แต่ก็จะมีแบรนด์ที่ปรับตัวได้ทันและทำการตลาดได้ดี
หลายๆคนคงอยากรู้ว่าพี่บ๊อบ มีของสะสมอะไรบ้างที่นอกเหนือจากรองเท้า
ถ้าเป็นของสะสมจริงๆก็จะมีเป็นหนังสือการ์ตูนแล้วก็ฟิกเกอร์ One Piece หลักๆก็จะมีแค่นี้ ถามว่ารองเท้าจริงๆสะสมไหม? ก็ไม่ถือว่าสะสมนะ เวลาเราซื้อก็จะไม่ได้ซื้อพวกตัว Hype เราจะซื้อคู่ที่ชอบมาใส่ คือไม่ได้ซื้อมาอวดหรือสะสม เพราะเรารู้ว่ารองเท้าเป็นสิ่งที่ไม่ควรสะสมเพราะอายุมันน้อย โดยเฉพาะบ้านเราทั้งร้อน ทั้งชื้น ทั้งอบ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้เก็บดีๆปีสองปีก็ไปแล้วมันไม่คุ้มเลยจริงๆ
แล้วของสะสมเหล่านี้มันมีอินสไปร์ในการทำงานของพี่หรือไม่
มีนะ ไม่ว่าจะเป็นพวกการ์ตูนฟิกเกอร์ One Piece มันเปิดโลกให้เราที่ไม่สามารถหาให้ได้จากหนังสืออื่นๆ มันเหมือนเปิดโลกในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ได้ค่อนข้างดี และเราก็สามารถเรียนรู้อะไรได้จากตรงนั้นเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นหรือคัลเจอร์ของตัวการ์ตูนในแต่ละเรื่อง
ถ้าให้พูดถึงการแต่งตัวสไตล์ที่แตกต่างของพี่บ๊อบ พี่คิดว่าตัวเองแตกต่างยังไงบ้าง
พี่คิดว่าพี่เป็นผู้ชายที่จะให้รายละเอียดกับพวกดีเทล เป็นชอบใส่พวกแหวน กำไลข้อมือ พวก Accessories มากกว่าผู้ชายไทยทั่วไป แล้วก็เป็นคนที่ไม่อินกับกระแสเลยแม้แต่นิดเดียว ชอบอะไรที่รู้สึกแตกต่างไม่ซ้ำใคร ยิ่งเป็นอะไรที่ฮิตก็ยิ่งไม่เอา อย่างตัว YEEZY ที่ฮิตมาตั้งแต่ตัวแรกเราก็ไม่คิดที่จะซื้อเลย จนมาได้คู่สีขาวล้วนล่าสุดในราคาป้ายซึ่งเป็นยุคที่คนมันไม่เอากันแล้ว รู้สึกว่าการแต่งตัวมันควรจะเป็นการบ่งบอกตัวตนของตัวเองผ่านการแต่งกาย แต่คนส่วนใหญ่กลับกลายเอาการแต่งตัวมาเป็นการอวดซะมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่าแบบนั้นมันไม่ค่อยสนุก
ล่าสุดเราเห็นพี่ไปทำโปรเจ็คพิเศษให้กับทางแบรนด์ BLACKBARRETT by Neil Barrett ซึ่งนานๆทีเราจะได้เห็นพี่ทำ Exclusiveให้กับแบรนด์อื่น ในมุมมองของพี่แบรนด์ BLACKBARRETT by Neil Barrett มีความน่าสนใจยังไงบ้าง
ต้องบอกว่าแบรนด์ Blackbarrett นั้นเป็นแบรนด์ที่ควรจะมีเป็นส่วนหนึ่งของตู้เสื้อผ้าเรา เพราะว่าถ้าถามว่าแบรนด์นี้มันเหมาะกับใคร มันเหมาะกับคนที่ชื่นชอบอะไรที่ดูแตกต่างไม่ซ้ำใคร ซึ่งคิดว่าหลายๆคนในสมัยนี้น่าจะเป็นแนวนั้น คือเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบแนวสตรีทแวร์แบบในสไตล์มินิมอลดูเรียบง่ายไม่หวือหวา เน้นที่ลวดลายของเสื้อผ้าเหมาะกับสาย Activewear ซึ่งคิดว่าการที่มีเสื้อผ้าของ Blackbarrett ในตู้เสื้อผ้ามันจะทำให้เรารู้สึกว่าการแต่งตัวของเราไม่จำเจ บางคนถ้าแบบแต่งสตรีทอย่างเดียวทุกวันมันก็แบบจะมีความเป็นเด็กอยู่เยอะ แต่ถ้าเป็น Blackbarrett ก็จะดูโตขึ้นมาหน่อย มีความเป็นผู้ดีมากขึ้น เราเลยชอบตรงนั้น
ถ้าให้นึกถึงของ BLACKBARRETT by Neil Barrett เพื่อ Match ลุคสตรีท กับสนิกเกอร์คู่โปรด พี่จะเลือกอะไร เพราะอะไร
พี่ก็จะเลือกรองเท้า Nike Air Force 1 พี่รู้สึกว่า Blackbarrett มันมี DNA ของแบรนด์ที่ชัดเจน อย่างความมินิมอลผสมกับความโมเดิร์นอยู่ในตัว น่าจะเหมาะกับ AF1 ที่ดูคลาสสิคตลอดกาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็น 10 – 20 ปีที่ผ่านมา รองเท้า AF1 ก็สามารถเข้ากับทุกเทรนด์ที่ผ่านมา และไม่ว่าจะอีก 20 ปีข้างหน้าให้เราเอา AF1 มาใส่กับชุดอวกาศมันก็ยังได้เลย เรียกได้ว่า AF1 สีขาวมันก็สามารถเข้าได้กับทุกชุดก็เลยคิดว่ามันเหมาะกับ Blackbarrett อีกด้วย
ขอบคุณพี่บ๊อบมากครับสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ครั้งนี้
ขอบคุณมากเช่นกันครับ