Y-3 นั้นเป็นแบรนด์ street และ sneaker ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว แต่น้อยคนที่จะรู้ที่มาที่ไปของแบรนด์นี้และรวมถึงประวัติของ Yoji Yamamoto กว่าจะมาเป็น Y-3 ถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งมีผลต่อวงการแฟชั่นเพราะเขาได้นำ แฟชั่น และ กีฬา มารวมกันจนได้เซ็นสัญญากับ Adidas ในปี 2003
หลังจากที่อยู่ในวงการแฟชั่นมานาน Yamamoto ก็ถึงจุดที่เขาอิ่มและเบื่อกับวงการแฟชั่นที่เป็นอยู่ เขายังบอกอีกว่าเขาติดอยู่กับคำว่า “Trend” ที่เกิดขึ้นในเมือง New York แต่หลังจากที่เขาได้เห็นนักธุรกิจชายหญิงได้เปลี่ยนการแต่งตัวและใส่ Sneakers มากขึ้นในการใช่ชีวิตประจำวัน และนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Yamamoto มีแรงบัลดาลใจในการทำงานอีกครั้ง
หลังจากที่เขาได้แนวทางแล้ว Yamamoto ตั้งใจที่จะหาบริษัทที่ผลิตพวกแนวสปอร์ตแวร์ มาร่วมงานด้วยเมื่อต้นปี 2000 และแบรนด์ที่เขาเองนึกขึ้นมาในหัวเขาเป็นอันดับแรกก็คือเจ้าของฉายา Just Do it บริษัท Nike นั้นเอง Yamamoto เลยได้ติดต่อกับทางNike ว่าจะขอยืมรองเท้ามาจัด Fall/Winter แฟชั่นโชว์ในปี 2000 โดยเขานำสไตล์ที่เขาได้เห็นในเมือง New York มาจัดใหม่ แต่ Nike ก็ได้ดับฝันเขาด้วยการปฎิเสธอย่างสุภาพว่าพวกเขานั้นยังไม่สนใจที่จะเข้ารวมวงการแฟชั่นเพราะในตอนนั้น Nike เป็นแบรนด์ Sportwear อย่างเต็มตัว
แต่ Yamamoto นั้นยังไม่สิ้นหวังและได้มองย้อนกลับมาที่บ้านเกิดของตัวเองในเมืองโตเกียว และสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ adidas แบรนด์ที่มาพร้อมกับโล้โก้ที่เป็นตำนาน หลังจากที่ adidas ได้ฟังจาก Yamamoto เกี่ยวกับโปรเจคท์ที่เขาจะทำ adidas ไม่รีรอที่จะร่วมงานกับ Yamamoto และหลังจากนั้นไม่นาน แบรนด์ Y-3 ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นส่วนที่มาของชื่อนี้มาจาก Y ที่มาจาก Yamamoto และ 3 สำหรับโล้โก้สามขีดที่เป็นเอกลักษณ์ของ adidas และยังให้ Yamamoto เป็นครีเอทีฟทั้งหมดของการเปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกในปี 2003
ในคอลเลคชั่นแรกๆเป็นการนำแฟชั่นมาผสมกับการกีฬาอย่างที่เขาตั้งใจ จนมีโปรดัคท์ออกมามากมายตั้งแต่เสื้อไปจนถึงกางเกงที่ส่วนใหญ่นั้นจะมีการออกแบบที่เรียบง่าย แต่มีจุดเด่นอยู่ที่ลายที่เป็นขีดหรือโล้โก้ของ adidas นั้นเอง หลังจากนั้นไม่กี่ปี Y-3 ได้รับความนิยมมากขึ้นจนทำให้มีช็อปเป็นของตัวเองที่เมืองนิวยอร์ก และรองเท้าที่มีราคาแพงของเขาก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
รองเท้าของ Y-3 ในยุคแรกๆ อย่างเช่น Honja Low และ Tokio Trainer นั้นจะทำให้เราเห็นได้ว่าแรงบันดาลใจส่วนใหญ่ยังคงมาจาก adidas เป็นส่วนมาก แต่ในปี 2013 เขาได้ปล่อยรุ่น The Qasa ออกมา รองเท้าที่มีรูปทรงเหมือนถุงเท้า ที่ดูผ่านๆนึกว่านินจา เจ้า Qasa นั้นอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนักอาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่แปลก แต่เมื่อมีแบรนด์อื่นที่ปล่อยรองเท้าออกมาใกล้เคียงกับตัวนี้ เจ้า Qasa ก็กลายเป็นของที่นักสะสมต้องมีโดยทันที
ส่วนพื้นรองเท้าที่ดูอ้วนๆใหญ่ๆนี้ได้รับการออกแบบมาจากรองเท้าวิ่งของ adidas ในตัว Tubular Runner ในช่วงแรกๆคำว่า Tubular นั้นมีความพิเศษจริงๆ เพราะในส่วนของพื้นรองเท้านั้นจะมีท่อยางที่มีลมอยู่เหมือนกับยางรถยนต์ที่สามารถทำให้ยุบและพองได้ด้วยระบบวาวล์เล็กๆในพื้นรองเท้า แต่ใน Tubular ตัวปัจจุบันนั้นจะมีรูปทรงที่คล้ายกับ The Qasa มากกว่าและนำ crude pneumatic เทคโนโลยีมาใช้ในส่วนพื้น และตรง Upper เป็นของ Qasa จนทำให้มีรูปทรงคล้ายถุงเท้าขึ้นมา
และไม่นาน adidas ก็ปล่อยตัว Tubular reboot ออกมากและก็ขายดีมาก ๆ การออกแบบของรองเท้าอย่าง Tubular Runner และ Tubular X นั้นเป็นจุดเปลี่ยนของ adidas ในยุคสมัยใหม่และทำให้เทคโนโลยีใหม่ของ adidas ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกตัวก็คือ BOOST ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับ Y-3
หลังจากที่ Y-3 นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก Yamamoto ก็ได้ตัดสินใจที่พา Vision ในการออกแบบของเขาไปให้ไกลกว่าเดิม โดยที่เขาออกแบบรองเท้ารุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Y-3 ให้รองรับการใช่งาน Outdoor มากขึ้นในปี 2015 ต่อมา Y-3 ได้ผลิต Sneaker ที่มีความล้ำในการออกอย่างเช่นการนำ Laser cut เทคโนโลยีมาใช้ใน Upper จนถึงการตัดขอบโดยใช้เทคโนโลยี 4D ให้แฟนๆ ได้สัมผัสกันในปี 2017
ล่าสุด Y-3 ได้ปล่อยรองเท้าคู่ใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก SLVR คอลเลคชั่นที่มีจุดเด่นอยู่ที่พื้นรองเท้าที่มีลวดแบบ Zig zag ผสมผสานกับ Upper ที่เป็น Mesh หรือตาข่ายเพื่อเพิ่มความดุดัน สำหรับคนที่ชื่นชอบในผลงานของ Yohji Yamamoto กับการออกแบบรองเท้าที่ลํ้าสมัยต้องห้ามพลาดสายตาจากเขาคนนี้
source : sneakerfreaker