Did you know ? รู้หรือไม่ว่าทำไมเเบรนด์เสื้อผ้าสุดคลาสิคอย่าง Ralph Lauren ถึงมีโลโก้เป็นรูปคนเล่นกีฬาโปโลหรือเข้าใจง่ายๆ ก็คือรูปคนขี่ม้านั่นเเหละ ก่อนที่เราจะไปตามหาคำตอบกัน เรามาทำความรู้จักกับเเบรนด์เสื้อผ้าสุดหรูที่อยู่เหนือกาลเวลากัน สักเล็กหน่อยก่อนดีกว่า
โดย Ralph Lauren เกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 1939 ใน New York เดิมที ชื่อของเขาคือ Ralph Lifshitz ก่อนจะเปลี่ยนเป็น Lauren เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี โดยเส้นทางอาชีพ สายเเฟชั่นของเขาเริ่มจากการเข้าทำงานในตำเเหน่ง Sales Assistant ให้กับแบรนด์ Brooks Brothers ตอนนั้นเขาอายุเพียง 25 ปี และที่นี้มันทำให้เขาได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับ Fashion Classic Menswear จนมันกลายเป็นกลิ่นไอที่ถูกถ่ายทอดบนเสื้อผ้าของ Ralph Lauren ในปัจจุบัน
ในเวลาต่อมา Ralph เริ่มเห็นว่าเนกไทที่รับความนิยมในยุโรปมันเริ่มขาดแคลนในตลาดอเมริกา เขาเลยสนใจเเละอยากจะลองทำดู เเต่ใครจะไปคิดว่าหล่ะว่า เขาจะประสบความสำเร็จเเละ กวาดเงินไปได้อย่างมหาศาล เพียงเเค่ขายเนกไทเท่านั้น อาจจะเพราช่วงเวลานั้นเนกไท ของเเบรนด์อื่นๆ มันดูเรียบๆ เเต่ของ Ralph Lauren มันดูโดดเด่นเเละมีสไตล์เอามากๆ
หลังจากนั้นในปี 1968 Ralph ได้เริ่มต้นแบรนด์ที่ชื่อว่า Polo วางขายเนกไทเเละเสื้อผ้าสไตล์ ผู้ดีอังกฤษ หนึ่งในนั้นก็คือ “เสื้อโปโล” โดยเสื้อโปโลในยุคนั้นมันไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่เเละ มีขายตามท้องตลาดปกติ เเต่สิ่งที่ทำให้คนหันมานิยมเสื้อโปโลมากขึ้น เพราะทาง Ralph Lauren ได้ดีไซน์เสื้อในทรง Single Fit ที่เรียบง่าย พร้อมด้วยเฉดสีที่ให้เลือกถึง 24 สี ซึ่งเสื้อโปโลของ Ralph มันดูเป็นทางการเเละกึ่งทางการ มันจึงตอบโจทย์คนในยุคนั้นมากๆ เเทนที่จะต้องใส่สูท ผูกเนกไท คราวนี้ใส่เสื้อโปโลกับกางเกงสเเล็คก็ได้ลุคที่ดูดีเเละเป็นทางการเเล้ว
อีกหนึ่งอย่างที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือโลโก้ของเเบรนด์ที่เป็นรูปคนเล่นกีฬาโปโล ซึ่งมันถูกประทับไว้ บนอกข้างซ้าย พอมันอยู่บนเสื้อโปโลเเล้วบอกเลยว่าลงตัวมากๆ เสริมความหรูหราเเละความผู้ดี เข้าไปอีกขั้น เเละทำไมโลโก้ต้องเป็นคนเล่นกีฬาโปโล
สาเหตุที่ Ralph Lauren เลือกใช้รูปคนเล่น โปโลมาเป็นโลโก้เพราะมันสื่อถึงสังคมชนชั้นสูง หรือ Elite Class ซึ่งกีฬาโปโล เเละคนชนชั้นสูง เรียกได้ว่าเป็นของคู่กันมาอย่างยาวนาน แทบจะเป็นภาพจำที่แยกขาดกันไม่ได้ เเละเมื่อมันมา อยู่บนเสื้อผ้าเลยทำให้ดูหรูหราขึ้นมาทันที ดังนั้น Ralph Lauren จึงกลายเป็น item ที่เหล่าคนรวย ทั้งหลายต้องมีติดตู้กันไว้นั่นเอง