ในอดีตเพลงที่สามารถพูดวิจารณ์การเมืองสังคมของยุคสมัยนั้นๆ คงหนีไม่พ้นเพลงเพื่อชีวิตซึ่งในยุคนั้น ก็มีหลายต่อหลายเพลงที่ถูกสั่งห้ามเปิดเช่นกัน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนเราจึงพบกับเพลงเพื่อชีวิตในแบบใหม่ ซึ่งเพลงเพื่อชีวิตในยุคปัจจุบันที่ตอบสนองความคิด การใช้ชีวิตและสะท้อนปัญหาสังคม การเมืองของโลก คงหนีไม่พ้นดนตรีและเพลงในแบบ “Hip Hop” ที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงที่ทรงพลังของสามัญชนทั่วไป ด้วยคุณสมบัติของเพลงที่สามารถพูดเข้าถึงและกินใจของผู้คนเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นในเนื้อเพลงยังมีสัมผัสคล้องจองของวรรคตอนที่สวยงามชวนน่าฟัง และสามารถปลุกเร้าความคิดของคนฟังได้เป็นอย่างดี หรือพูดง่ายๆมันก็คือเพลงเพื่อชีวิตในรูปแบบดนตรีอีกแนวหนึ่ง
การแร็พวิจารณ์การเมืองและสังคม ( Political Hip Hop ) ของประเทศนั้นๆจึงเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮิปฮอป ในหลายประเทศจึงต้องมีการควบคุมเพลงแนวนี้อยู่บ่อยครั้ง แม้แต่กระทั้งประเทศผู้ให้กำเนิดเพลงแนวนี้เองอย่างอเมริกา ก็มีการควบคุมมาแล้วจะเห็นได้จากวง N.W.A. ในปี 1988 กับเพลง Fuck The Police แต่ยิ่งควบคุม ยิ่งห้ามเพลงยิงดังเพราะเนื้อหาที่ตรงใจการแร็พจีเนียส ทำให้ยอดขายแผ่นเสียงทำรายถล่มทลาย และติดชาร์จบิลบอร์ดเพลงฮิปฮ็อปวงแรกและต่อมาก็ถูกยกย่องว่าเป็นเพลงที่ส่งผลในการปฎิวัติสังคมอเมริกัน
แร็พวิจารณ์การเมืองในปัจจุบัน
การเมืองอเมริกายุคปัจจุบันใช้ศิลปินฮิปฮอปมาช่วยในการหาเสียงของแต่ละพรรค อย่างเช่นในยุคของ โอบาม่า ที่มีการอ้างถึงเพลง Dirt Off Your Shoulder ของ Jay-Z รวมทั้งการที่ตัวศิลปินพูดถึง ส.ส. ที่ตนสนับสนุนอย่างออกตัว ซึ่ง CNN เคยจัดอันดับศิลปินแร็พเปอร์ที่ทำให้ชาวอเมริกันตื่นตัว และมีส่วนร่วมในการเมืองมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านการเคลื่อนไหวด้วยเพลงฮิปฮอปผ่านการแร็พให้เกิดพลังทางสังคม เช่น Jay-Z, Eminem, Kendrick Lamar, J. Cole และ Joey Bada$$
Eminem ทำเพลงดิสโดนัล ทรั๊ม เมื่อปลายปี 2018
ในส่วนของประเทศไทยเพลงที่ออกมาพูดวิจารณ์รัฐบาลได้คมคายมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเพลง “ประเทศกูมี” โดยบีทที่ใช้ เนื้อหาและ MV ของเพลงที่พูดถึงอย่างฉลาด Rhyme ที่คมคายของศิลปิน สัมผัสวรรคตอนที่ต่อเนื่อง ทำให้เพลงสื่อความหมายที่เข้าถึงและแทงใจคนฟังได้ถึงขีดสุด
และล่าสุดมีเพลงที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในสองวันนี้อย่างเพลง “ประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน” โดยภาพรวมของเพลงน่าจะพูดถึงคนที่ว่าประเทศ (ฟังไม่ออกจริงๆ) ซึ่งบีทที่ใช้ Rhyme ของเนื้อแร็พไม่มีความสอดคล้องกันเลยโดยสิ้นเชิง แต่ยังบอกว่าเป็นเพลงฮิปฮอปที่ฟังแล้วรู้สึกว่าเพลงไม่มีอะไรเลย นอกจากพูดเอาความดีเข้าตัวเองและยื่นความเลวให้คนอื่น นอกจาก Producer จะทำบีทได้แย่มากแล้ว ในส่วนของเนื้อแร็พยังแย่แบบสุดๆเหมือนมาบ่นให้ฟัง และพูดถึงทุกประเด็นแต่จับใจความอะไรไม่ได้เลย
ซึ่งจุดประสงค์ของคนที่แต่งเพลงนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องการอะไร ซึ่งเพลงเป็นที่ฟังแล้วไม่ได้เกิดความฮึกเหิม แต่รู้สึกว่าชวนง่วงแล้วถามตัวเองว่านี่มันคือเพลงอะไร ไหนจะคอสตูมที่ดูแย่ไม่เข้ากัน และการดำเนินเรื่องที่ดูแล้วไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร การถือปืนรวมถึงอิริยาบทต่างๆที่เกี่ยวกับปืน และมีผู้หญิงมาเต้นยั่วยวน รวมถึงใส่แว่น Supreme Ski ของปลอม ทำให้เพลงนี้เป็นที่น่าละอายที่ทำร้ายทั้งสองวงการคือ ไทยฮิปฮอปและไทนสตรีทแวร์ เป็นอย่างยิ่ง
!! จนตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบจริงๆว่าเพลง “ประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน” เนื้อแท้จริงแล้วนั้นต้องการอะไรกันแน่!!
การดู Supreme Ski Goggles แท้กับปลอม
Supreme ได้ร่วมมือกับ Smith แบรนด์ผู้ผลิตแว่นตาและเครื่องแต่งกายกีฬาฤดูหนาว ออกแว่นตา Ski ด้วยกันเมื่อปี 2015 เป็นคอลเลคชั่นฤดูหนาวในปีนั้น ของแท้มีออกมาสามสีคือ แดง ดำ และน้ำเงิน บนกรอบของแว่นด้านบนจะสกรีนโลโก้ของ Smith สีขาวเอาไว้
ของปลอมตามภาพคือสีของแว่นไม่มีในคอลเลคชั่น ไม่มีสกรีนโลโก้ Smith และฟอนต์โลโก้ตัว S ของ Supreme ผิดสเกล