แบรนด์หรูระดับโลกจากฝรั่งเศส Louis Vuitton ที่มีประวัติยาวนานมากกว่า 166 ปี เรียกว่าถ้าพูดถึงแบรนด์หรูระดับ Hi-End ชื่อนี้ก็ต้องขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆในหัวแน่นอน แถมตอนนี้ก็ได้ตัวแรงแห่งวงการสตรีทแฟชั่นอย่าง Virgil Abloh มาดำรงค์ตำแหน่ง Artistic Director สำหรับเสื้อผ้าผู้ชายของ Louis Vuitton
ในคอลแลปใหม่ล่าสุดที่ได้ร่วมมือกับ Nigo อีกหนึ่งเจ้าพ่อแห่งวงการสตรีท เป็นผู้ก่อตั้ง A Bathing Ape ที่เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์บุกเบิกของวัฒนธรรมสตรีทแวร์ก็ว่าได้ รวมถึงแบรนด์ Human Made โดยการร่วมงานครั้งนี้มาในชื่อ LV² (LV Square) ภายในคอลเล็คชั่นนี้ ทั้งสองคนตั้งใจทำอะไรที่แตกต่าง แบบที่ว่าคนอื่นๆไม่คิดว่าจะทำ
ในบทสัมภาษณ์นี้ได้มีโอกาสได้คุยกับ Virgil Abloh ถึงคอลเล็คชั่นใหม่ที่ได้ทำร่วมกับ Nigo แถมยังได้พูดถึงอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ทำเอาเป็นที่พูดถึงไปทั้งวงการแฟชั่นทั่วโลกว่า “สตรีทแวร์กำลังจะตาย!!!”
คุณรู้จักกับ Nigo ได้อย่างไร?
ผมเจอเขาครั้งแรกเมื่อ 15 ปี ก่อนที่ญี่ปุ่น เขาได้พาผมไปดูแบรนด์ของเขา A Bathing Ape และได้เล่าถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ รวมถึงว่าเขาได้สร้างมันขึ้นมาอย่างไรอีกด้วย เรียกว่าเขาเป็นที่ปรึกษาในเรื่องแฟชั่นคนแรกๆของผม ถ้าให้เปรียบเทียบเขาก็เหมือน Yves Saint Laurent และ Balenciaga ของวงการแฟชั่น แต่ในวงการสตรีทแฟชั่นก็ต้องเป็น Nigo เป็น James Jebbia แห่ง Supreme นี่แหละ
แล้วการทำงานกับ Nigo เป็นอย่างไรบ้าง?
เราเริ่มจากไปที่สตูดิโอของเขาที่โตเกียว ซึ่งเป็นที่ทำการของแบรนด์ Human Made ภายในตึกเดียวเขาทำทั้งดีไซน์ ถ่าย Lookbook และผลิตเสื้อผ้า มันเป็นเรื่องที่ผมประทับใจมากๆ หลังจากนั้นก็ได้พบกันเรื่อยๆที่สตูดิโอของผมที่ปารีส จนเราได้มีความเห็นที่ตรงกันถึงจุดประสงค์ของคอลเล็คชั่นนี้ จนได้ว่า “Let’s not do the expected.” อะไรที่คนคาดหวังจากเรา 2 คน พวกเราจะไม่ทำ เราจะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นว่าสตรีทแวร์นี้มันไม่มีขอบเขต
ในคอลเล็คชั่นนี้ เราเห็นคุณและ Nigo ทำ Tailoring ออกมาด้วย
อย่างที่บอกไป เพียงแค่ผู้คนเห็นชื่อเรา 2 คน ก็รู้แล้วว่าเสื้อผ้าจะออกมาประมาณไหน แต่สำหรับผม ในโลกแฟชั่นก็เปรียบเสมือนการการเดินทางที่มีแบรนด์เป็นผู้นำ เมื่อปลายปีที่แล้วตอนที่ผมให้สัมภาษณ์แล้วพูดว่า “Streetwear will die.” ผู้คนก็ตีความหมายที่ผมพยายามจะสื่อออกไปผิด
คนทั้งวงการแฟชั่นก็ได้ยินเหมือนกันหมด “Streetwear will die.”……
เป็นเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เรียกว่าผมยังเป็นเด็กน้อยเรื่องพวกนี้อยู่ก็ได้ ผมก็แค่บ่นๆธรรมดาในห้องครัวของผมไปเรื่อย ลองไปพูดเรื่องนี้กับคนที่อยู่ในวงการมานานๆแบบ Nigo ดูสิ เขาจะรู้ดีเลยว่าสตรีทแวร์มันตายไปแล้วจริงๆ แต่มันก็กลับมาเกิดใหม่ได้ มันไม่ใช่อะไรแปลกใหม่เลย สมัยก่อนธุรกิจสตรีทแวร์ก็ไม่ใหญ่โตถึงขนาดนี้ มันก็มีหลายๆแบรนด์ที่เป็นต้นกำเนิดของวงการ แต่มันก็ได้จากเราไปก่อนที่บางคนจะรู้จักเสียอีก ที่ผมต้องการจะสื่อจริงๆคือ มันก็กำลังตายนี่แหละ แต่มันจะได้เกิดใหม่จาก Tailoring ของผมและ Nigo
มาพูดถึงคอลแลปนี้กันบ้าง ทำไมถึงได้นำลาย LV Damier Check มาใช้?
ผมคิดว่ามันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว มันเริ่มมาจากความหลงใหลในห้องเสื้อชื่อดังของอังกฤษอย่าง Savile Row ที่เราได้แรงบันดาลใจในส่วนของ Silhouette แต่ในส่วนของเนื้อผ้านั้น เราควรจะใช้อะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
ถ้าพูดถึงญี่ปุ่น Denim หรือผ้ายีนส์ก็เป็นเรื่องแรกๆที่นึกถึงอยู่แล้ว ในคอลเล็คชั่นนี้คุณก็ทำมันออกมาได้ดีมากๆอีกด้วย
เป็นที่รู้กันว่าญี่ปุ่นนั้นมีความหลงใหลในความเป็น American อยู่แล้ว แถมเจ้าตัว Nigo เองก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักสะสมตัวจริง ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวของเขาก็มีทั้ง Levi’s และ Lee ตัวแรกๆที่ผลิตมาบนโลกนี้ และ Nigo ก็ยังไปเคยไปซื้อสูทที่ Savile Row ด้วยตัวเอง การที่ได้นำเสื้อผ้าที่มีประวัติแบบนี้มาดีไซน์ใหม่ และมี Nigo มาช่วยด้วย ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ใช่ที่สุดแล้ว
แล้วแรงบันดาลใจดีไซน์ของกระเป๋าหล่ะ?
Nigo เขามีแบรนด์ Icecream ที่มีดีไซน์เป็นสีหยด ผมเลยนำเอามันมารวมกับซิกเนเจอร์ของ Louis Vuitton
และเราก็เห็น Bomber Jacket ที่มาพร้อมกับลายภูเขาไฟฟูจิด้านหลังด้วย
ที่ Louis Vuitton ผมต้องการจะทำคอลเล็คชั่นให้ครอบคลุมไปตั้งแต่พ่อถึงลูก โดยเสื้อผ้าส่วนมากจะออกค่อนข้างผู้ใหญ่ แต่ก็ยังแฝงดีเทลความสนุกแบบเด็กๆเข้าไปด้วย
แล้วใน LV² ไลน์นี้จะเป็นเพียงแค่ Virgil และ Nigo หรือมันจะเป็นไลน์สำหรับคนที่จะมาคอลแลปกับ Louis Vuitton?
มันมีไว้สำหรับ Nigo และผมเท่านั้น ถ้าให้เปรียบเทียบ มันก็เหมือนแร็ปเปอร์กลุ่มใหม่ ชื่อนี้ถูกตั้งโดย Nigo เราทั้งสองคนเรียกว่าเป็นคนนอกก่อนหน้านี้ก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เราก็ได้มาดีไซน์และสไตล์มันแล้ว
คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดที่ได้มาจาก Nigo ในการทำงานร่วมกันครั้งนี้?
แน่นอนเลยว่ามันต้องเป็นเรื่องดีเทลต่างๆที่เนี๊ยบสุดๆ รู้กันอยู่แล้วว่าคนญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ ถึงจะเนี๊ยบแต่เขาก็เป็นคนใจกว้างและจริงใจ ผมเป็นคนอเมริกันที่ได้ไปทำงานที่ยุโรป ที่ปารีสและอเมริกานั้นเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว การที่ได้มาทำงานกับเขา ทำให้ผมได้เห็นอะไรหลายๆอย่างที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ ทั้งมีความเคารพ ใจเย็น สุภาพ ในแบบที่แม่นยำสุดๆ
คอลแลปนี้จะออกมาเพียงแค่ครั้งเดียว?
ใช่เราจะทำเพียงแค่ครั้งเดียว แต่พอหลังจากทำคอลเล็คชั่นนี้เสร็จแล้ว เราก็ได้คุยกันว่ามันอาจจะมีคอลเล็คชั่นต่อไปก็ได้ ผมคิดว่าอะไรเกิดขึ้นได้ เมื่อถึงเวลามันก็จะมาเอง เราให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องของคอลเล็คชั่นมากกว่าเสื้อผ้า
Source: Vogue