หลังจากที่ปลายปีที่แล้ว ทาง JBL ได้เปิดตัว Authentics Series ลำโพงดีไซน์เรโทร แต่อัดเเน่นเทคโนโลยีมาเเบบจัดเต็ม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากลำโพงอันโด่งดังในยุค 70s อย่าง JBL รุ่น L100 ซึ่งถือเป็นมรกดกตกทอดที่ล้ำค่ามากๆ ของ JBL
.
สำหรับซีรีส์ล่าสุดจะประกอบไปด้วย JBL Authentics 200, JBL Authentics 300 เเละ JBL Authentics 500 ที่เป็นการนำเอามาดีไซน์สุดคลาสสิกจากยุคก่อนมาอัปเกรดให้ดูหรูหราเเละพรีเมียม เเละยังผสานเข้ากับมาเทคโนโลยีสุดทันสมัยของยุคนี้บอกเลยว่าลงตัวสุดๆ แต่ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องลำโพง เราขอพาทุกคนจะพาไป ทำความรู้จักกับจุดเริ่มต้นความดังของลำโพง JBL
ว่ากันว่า ‘ดนตรี’ มีประวัติศาสตร์ที่มาอย่างยาวนาน นานนับกว่าช่วงชีวิต นานนับกว่าการผันเปลี่ยนของยุคที่เกินกว่าใครจะจินตนาการได้ ดนตรีในสมัยก่อนอาจเป็นเพียงแค่เสียงลอยละล่องของลมที่กระทบกับอะไรซักอย่าง แต่ในปัจจุบันดนตรีคือจิตวิญญานที่มากกว่านั้น และเพราะความขลังของมันต้องมาพร้อมกับเบื้องหลังที่ดีเสมอเช่นเดียวกับลำโพง JBL ตำนานเครื่องเสียงที่อยู่กับเราแทบทุกยุค
JBL คือหนึ่งในลำโพงที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานคู่กับดนตรีแทบจะทุกยุคกว่า 70 ปีที่ผ่านมา เราพนันได้เลยว่าหากคุณเดินเข้าไปในผับซักที่แล้วลองถามเจ้าของร้าน หรือ พนักงานว่าใช้เครื่อง เสียงอะไร เราเชื่อว่า 100 ทั้ง 100 ผับ หรือสถานที่บันเทิงต่างก็เคยสัมผัสความสุนทรีย์ของลำโพง JBL มาแล้วอย่างแน่นอน JBL จึงเป็นเครื่องเสียงที่เรียกได้ว่าเก๋าเกมในเครื่องเสียงก็ไม่ปาน
จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
ภาพจาก: www.electrospectivemusic.com
เรื่องราวทั้งหมดของ JBL เกิดขึ้นจากวัยรุ่นผิวสีลูกครึ่งอเมริกัน-จาเมกาคนนึงที่ชื่อว่า คริฟฟ์ แคมป์เบลล์ เขาเป็นเฉกเช่นกับวัยรุ่นทั่วไปที่รักในเสียงเพลง และมีความฝัน ซึ่งฝันของเขาคือการจัดปาร์ตี้ที่ดีที่สุดในนิวยอร์คแต่ทว่าการจะจัดงานปาร์ตี้สำหรับวัยรุ่นอย่างเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เขาไม่ใช่ลูกเศรษฐีหรือคนมีตังค์อะไร เขาเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่เติบโตมาในย่าน Bronx ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นย่านนี้ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก
ภาพจาก: www.voicesofeastanglia.com
แต่นั้นแหละ เพราะความเป็นวัยรุ่นกล้าฝัน เขาจึงเลือกที่จะกล้าจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ในห้องเช่าของเขา โดยใช้ชื่อว่า ‘ Back to School Jam ’ ในค่ำ คืนวันที่ 11 สิงหาคม โดยปาร์ตี้นี้เปิดรับเฉพาะเพื่อนสนิทในราคาเพียงแค่ 50 เซนต์เท่านั้น และเพราะบทเพลงที่เขาเล่นในค่ำคืนนั้นมันก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ภาพจาก: www.theguardian.com
คริฟฟ์ แคมป์เบลล์ เกิดใหม่อีกครั้งในชื่อของ Dj Kool Herc เขาเป็นที่พูดถึงในฝีมือการเล่นเพลงที่แสนแปลกใหม่ และชวนสนุก ต่างจากในช่วงสมัยนั้นที่มีแต่เพลงดิสโก้ให้ได้ฟัง
.
ซึ่งสิ่งที่ Dj Kool ใช้เรียกว่าเทคนิค The Break ซึ่งคือการนำเครื่องเทิร์นเทเบิล 2 ตัวมาเปิดท่อนที่ต้องการสลับกัน ไปมาเพื่อยืดท่อนโซโล่ที่ทุกคนเฝ้ารอออกไปให้นานที่สุด เขาได้เทคนิคนี้มาจากการที่เฝ้ามองพฤติกรรมของคนในปาร์ตี้ว่าพวกเขาจะมีความสุขที่สุดในช่วงไหน และสุดท้ายคำตอบของมันคือช่วงโซโล่ และนี่จึงกลายมาเป็นการมิกซ์เพลงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้
ภาพจาก: www.mcintoshlabs.com
มิกซ์เพลงในปาร์ตี้ของ Dj Kool Herc ได้กลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายไปทั่วย่าน Bronx ในทุก ค่ำคืนมิกซ์เพลงที่กระเส่าไปทุกโสตประสาทจากฝีมือของเขามักจะถูกเล่นผ่าน ‘ JBL Tweeters’ หนึ่งในดอกลำโพงที่มีชื่อเสียงและสามารถขยายเสียงได้ดีที่สุดในยุคนั้น เขามักใช้มันบ่อยๆ ในงาน ปาร์ตี้ จนเรียกได้ว่าเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ Dj Kool เลยก็ว่าได้ และแนวเพลงของเขาก็ได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด Hip Hop ในปัจจุบัน
ภาพจาก: www.mrporter.com
หนึ่งในเครื่องเสียงของประวัติศาสตร์งานดนตรีที่ยิ่งใหญ่
ภาพจาก: www.facebook.com
หากพูดถึงงานเทศกาลดนตรีแล้ว ทุกคนนึกถึงงานอะไร หากเป็นในยุคปัจจุบันเช่นนี้ ก็คงหนีไม่พ้น Coachella , Rolling loud แต่หากย้อนกลับไปในช่วงปี 1969 เทศกาลงานดนตรีที่เป็นที่โจษจันที่สุด ในยุคนั้นและยังเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งอรุณของเสียงดนตรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้น ‘ Wood Stock 1969 ’
ภาพจาก: www.facebook.com
Wood Stock เป็นเทศกาลดนตรีที่แสดงถึงศิลปะอย่างชัดเจน ในงานอบอวนไปด้วยกลิ่นของความสุข และความสงบท่ามกลางความคุกกรุ่นของบรรยากาศสงครามเย็นในขณะนั้น แต่งานเทศกาลดนตรี ครั้งนี้ก็ยังมีจุดประกายความหวังเล็ก ๆ ให้แกคนรักเสียงดนตรีในยุคนั้น
.
Wood Stock ถูกจัดขึ้นในวันที่ 15-18 สิงหาคม ปี 1969 ภายในคอนเซปต์ An Aquarian Exposition: 3 Days of Peace & Music โดยในงานรวบรวมศิลปินที่สุดแห่งยุคเอาไว้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น The Jimi Hendrix Experience, Janis Joplin, The Who, Crosby, Stills, Nash and Young แต่มีใครรู้ ไหมว่า แต่เดิมงานนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะมีคนมาเพียง 50,000 คนเท่านั้น แต่ในวันจริงกลับมีผู้หลั่งใหลมาที่งานเกือบ 400,000 คน และส่วนใหญ่ไม่ได้จ่ายค่าตั๋ว แต่เพราะจำนวนคนที่ล้นหลาม ทำให้ผู้จัดจึงเปลี่ยนให้เป็นเทศกาลดนตรีที่ฟรีไปโดยปริยาย
ภาพจาก: www.facebook.com
และเพราะจำนวนคนที่มากโข งานนี้จึงต้องดังขึ้นให้มากกว่าเดิม ซึ่งตัวเลือกการกระจายเสียง ครั้งนี้คือ JBL ด้วยเทคโนโลยีการขยายเสียงที่ดีที่สุดในยุคนั้น มันจึงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเหลือ เกิน เสียงของดนตรีได้แล่นผ่านลำโพงเครื่องเก่งและเข้าสู่หัวใจของคนรักในเสียงดนตรีทุกคนใน Wood Stock และเสียงดนตรีในวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของทุกคนตราบนานเท่านานที่ต่อให้จะผ่านปากคนจากรุ่นสู่รุ่นแค่ไหน ความทรงจำนั้นก็ยังมิจางหายลงไปเลย
ถ้าพูดถึง Studio 54 ต้องมี JBL
ภาพจาก: https://insheepsclothinghifi.com
หากย้อนกลับไปในยุค 1970s คงไม่มีใครไม่รู้จัก Studio 54 หนึ่งในสถานที่จัดปาร์ตี้สุดอื้อฉาวของ บรรดาไฮโซเซเลปบริตี้ในนิวยอร์ค เอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้คือ การเปิดเพลงดิสโก้เธคทั่วทุกหัวมุม แสงไฟที่ส่องสว่างไปทั่วราวกับฟลอร์ในฝันและบรรยากาศสุดเหวี่ยงที่พร้อมพาทุกคนด่ำดิ่งไปกับความเมามาย
.
Studio54 จึงเป็นสถานที่ที่เหล่าคนดังพร้อมจถวายชีวิตให้เลยทีเดียว ซึ่งลูกค้า ขาประจำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะ ชื่อเสียงเรียงนามของทุกคนต่างคุ้นหูไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ไมเคล แจ็กสัน , มาดอนนา , เอลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ภาพจาก: https://insheepsclothinghifi.com
แต่ที่แห่งนี้มีความพิเศษต่างจากผับ หรือ ดิสโก้เธคทั่วไป เพราะ ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถย่างกรายเข้า มาสถานที่นี้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่จ่ายเงิน หากแต่ต้องพกความสุดเหวี่ยงเข้ามาก่อน จึงจะสามารถเข้ามา จอยใน Studio 54 ได้ เหล่าคนดังจึงต้องพากันฟาดฟันด้วยแฟชั่นสุดล้ำ จนเรียกได้ว่าเป็นสีสันของ ทีนี่ไปโดยปริยาย
ภาพจาก: https://insheepsclothinghifi.com
และนอกจากความพิเศษของสถานที่แล้ว อุปกรณ์ข้างในก็ต้องพิเศษด้วยเพื่อรองรับความต้องการ อันแสนสุดเหวี่ยงของคุณลูกค้าระดับ Top Tier เครื่องเสียงภายใน Studio 54 ถูกออกแบบโดย Richard Long ซึ่งการออกแบบครั้งนี้เขาได้ดึง JBL เข้ามาร่วมด้วย ในผลงานที่ชื่อว่า ‘Levan Horns ‘ ซึ่งได้กลายเป็นลำโพงเบสที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนั้นเลยทีเดียว
เบื้องหลังของผลงานดัง
ภาพจาก: medium.com
ไม่เพียงแค่ถูกใช้ในงานเทศกาลดนตรี หรือ ในผับเท่านั้น เพราะ JBL เปรียบเสมือนเบื้องหลังของ ความสำเร็จ และ ความทรงจำของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว ในยุค 70s ที่แนวดนตรี Soul R&B Funk music ของคนผิวสีกำลังเป็นที่นิยม แนวเพลงที่แปลกใหม่จากการผสานกันระหว่างแนวเพลง
ภาพจาก: www.jazzhistorytree.com
Soul , Bebop , Hard Bop , Blues , R&B และ Afro – Cuban ได้กลายมาเป็นแนวเพลง Funk ที่ สามารถพาคุณดื่มด่ำกับเสียงดนตรีและขยับท่วงทำนองที่เร้าอารมณ์ไปทั่วทุกโสตประสาทได้ หากใครยังนึกไม่ออก ลองนึกถึงเหล่าตำนานศิลปินเหล่านี้สิ ไม่ว่าจะเป็น Marvin Gaye , Aretha Franklin, ซึ่งเบื้องหลังภายในห้องอัดเสียงของศิลปินเหล่านี้ก็มีเครื่องเสียงของ JBL อยู่เบื้องหลัง เช่นกันเพื่อคอยคอมพลีททุกอย่างให้ดีขึ้น
ภาพจาก: medium.com
เช่นเดียวกับในยุคปัจจุบันที่ดนตรีแนว RETRO FUNK ได้กลับมาอีกครั้งในอัลบั้ม Evening with Silk Sonic ของศิลปินชื่อดังอย่าง Bruno Mars และ Anderson .Paak โดยอัลบั้มนี้ได้รวบรวมความนุ่มลึก ของแนวเพลง Soul ในยุค 70s ขึ้นมาบอกเล่าผ่านบทเพลง ท่วงทำนอง ตลอดจน Production ต่าง ๆ การกลับมาครั้งนี้เรียกได้ว่าสร้างปรากฎการณ์ให้กับแนวดนตรี Retro Funk เป็นอย่างมาก เพลงของเขาทั้งคู่ติดลมบนแทบทุกชาร์ตแม้ว่าจะเป็นแนวดนตรีเก่าก็ตาม เรียกได้ว่าดนตรีไม่มีวันตายก็ว่าได้
ตำนานจากยุค 70s กลับมาผงาดอีกครั้ง!
หากใครอยากที่จะย้อนกลับไปในยุค Retro อีกครั้ง ก็สามารถดำดิ่งไปทั่วทุกโสตประสาทกับลำโพง รุ่นใหม่จาก JBL ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุค Retro โดยการกลับมาครั้งนี้ราวกับฟื้นคืนชีพยุค 70s ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในยุคที่ดนตรีแนว Funk กำลังเป็นที่นิยมเสียงดนตรี และจิตวิญญาณต่างผสานกันอย่างกลมเกลียว
.
และถูกถ่ายทอดเป็นแรงบันดาลใจผ่านน้องใหม่แต่เก๋าเกมในวงการเครื่องเสียงถึง 3 รุ่น ได้แก่ JBL Authentics 200 ,JBL Authentics 300 , JBL Authentics 500 โดยแต่ละรุ่นพกความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป แต่พกมาด้วยฟังก์ชันที่พร้อมที่ สุดสมกับเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของดนตรีทุกแนวเลยทีเดียว
ประเดิมกันด้วยตัวแรกกับ JBL Authentics 200 โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Quadrex กรอบหุ้มคล้าย หนังสั่งทำพิเศษ เมื่อมองแล้วให้กลิ่นอายของยุค 70s แบบชัดๆ ที่จะช่วยเติมเต็มพื้นที่ในห้องนอน ของคุณไปด้วยเสียงสเตอริโอ ทวีตเตอร์ พร้อมระบบสั่งการได้ง่าย ๆ ผ่าน Google Assistant และ Amazon Alexa ที่พาคุณผ่อนคลายไปกับความสะดวกสบายและสียงสุดแสนจะนุ่มลึก เพื่อให้ช่วง เวลาพักผ่อนของคุณเป็นได้มากกว่าเดิม
และหากใครที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย พกพาง่าย บอกเลยว่าต้องรุ่นนี้ JBL Authentics 300 เพราะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์ ด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นโลหะจับสะดวก และพกพาง่ายไปไหน มาไหนได้ทุกที่ และสามารถชาร์จไฟได้ทุกที่จะช่วยเติมเต็มสุนทรีย์ให้กับคุณได้ทั่วทุกมุมบ้าน ไม่ว่าจะตอนเตรียมอาหารเย็นในห้องครัว หรือฟังพอตแคสต์ก่อนนอน นอกจากนี้คุณสามารถสตรีมเพลง ผ่าน Qplay และ Airplay และออกจากห้องหรือรับสายโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกขัดจังหวะอีกด้วย
ปิดท้ายด้วย JBL Authentics 500 แม้ว่าลำโพงรุ่นนี้จะได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของ JBL ในปี 1970 แต่บอกได้เลยว่าเขาพกเทคโนโลยีที่ล้ำกว่านั้นมาอยู่ในลำโพงเครื่องนี้แล้ว ซึ่งจะพาคุณดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงที่มีความคมชัดสูงสมจริงด้วย Dolby Atmos® Music ราวกับมีเพลงบรรเลงอยู่ตรงหน้าจริง ๆ ที่จะพาคุณด่ำดิ่งไปกับประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน !
ขอบอกเลยว่าลำโพงทุกรุ่นที่ได้กล่าวแม้รูปลักษณ์ดีไซน์จะมีความย้อนยุคสไตล์ Retro แต่ก็ยัง สะท้อนความเป็น JBL ได้เป็นอย่างดีเพราะไม่ได้มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังแฝง ไปด้วยประวัติศาสตร์และจุดเปลี่ยนเบื้องหลังความสำเร็จมากมายที่ JBL ได้สร้างไว้ ที่จะทำให้เรื่อง ของดนตรีและเสียงเพลงเป็นมากกว่าที่คุณเคยสัมผัส
.
รวมถึงฟังก์ชันภายในเรียกได้ว่าล้ำเอาเเรื่องสุดๆ เพราะครั้งนี้ JBL ได้ให้ความสำคัญกับความสะดวก สบายมากขึ้นเพื่อให้การฟังเพลงของคุณง่ายกว่าที่เคยด้วยการสั่งการที่รองรับผ่านแอพลิเคชันต่าง ๆ ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมในภายในบ้านก็สามารถฟังเพลงได้
.
สำหรับใครที่อยากจับจองเป็นเจ้าของก็อย่ารอช้า สามารถหาซื้อได้แล้วที่ ร้านตัวแทนจำหน่าย Gadget ชั้นนำทั่วประเทศ , ร้าน SoundCity ทุกสาขา และโชว์รูมมหาจักร ทุกสาขา หรือช่องทางออนไลน์ที่ https://www.mahajak.com/authentics-series.html
#Soul4Street
#JBL
#JBLThailand
#JBLAuthentics200
#JBLAuthentics300
#JBLAuthentics500
#Mahajak