โดยซีรีส์ The Parallel เกิดจากการตั้งคำถามถึง “โลกคู่ขนาน” ในเมื่อเราอยู่ในโลก เเห่งสตรีทเเฟชั่นมาเป็นระยะเวลานาน ผู้คนรอบตัวต่างเป็นบุคคลสายลึกที่คลุกคลีกับ “โลก” ในเเบบที่พวกเราคุ้นเคย เเต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราตั้งคำถามว่า “ถ้าโลกใบนี้ไม่มีสตรีทเเฟชั่น” คุณจะกำลังทำอะไรอยู่? หรือว่า ตอนนี้คุณจะอยู่ที่ไหนกันเเน่?
ซึ่งครั้งนี้เราได้รับเกียรติจากคุณ “โยธิน พูนสำโรง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โย KNOWWHERE” เจ้าของร้านเสื้อผ้าวินเทจเเละผู้ก่อตั้งแบรนด์ “KNOWWHERE STUDIO” ผู้คร่ำหวอดในวงการสตรีทแฟชั่นและวงการเสื้อผ้าวินเทจในไทยมาอย่างยาวนาน ที่จะมาหาคำตอบในโลกคู่ขนานไปร่วมกับเรา ไปดูกันว่าถ้าโลกใบนี้ไม่มีสตรีทเเฟชั่นในมุมของโย เเล้วชีวิตนี้จะเป็นอย่างไร
“STREET FASHION = EVERYDAY LOOK”
ส่วนตัวผมมองว่าสตรีทเเฟชั่นหรือเสื้อผ้าสตรีทเเวร์มันคือ “Everyday Look” มันเป็นสิ่งที่ อยู่ในโลกของเรามานานเเล้ว บางทีเราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเเต่งสไตล์สตรีทหรอก เเต่บังเอิญว่าเสื้อ กางเกง หรือ sneakers ที่เราใส่อยู่ มันดันอยู่ในวงการสตรีทเเฟชั่น เเค่นี้มันก็ดูเป็นสตรีทได้เเล้วนะ
เอาจริงๆ การที่จะเเต่งตัวให้มันดูสตรีท คนส่วนใหญ่มักคิดว่าลุคนี้ มันจะต้องใส่ของเเบรนด์ดังๆ ของเเพงๆ หรือต้องใส่นู้นใส่นี้ให้ดูเยอะ เเต่ส่วนตัวผมคิดว่าสตรีทเเฟชั่นมันคือ “Everyday Look” เป็นเสื้อผ้าที่มันดูไม่เป็นทางการ เป็นเสื้อผ้าง่ายๆ ที่คุณเเต่งออกธรรมดาๆ ในทุกๆ วัน เเต่ลุคมันดูสตรีท เเค่นี้มันก็เป็นสตรีทเเฟชั่นได้เเล้วครับ
“ถ้าโลกของเราไม่มีคำว่าสตรีทแฟชั่นเลย เเฟชั่นมันคงหลุดโลกไปมากๆ”
เอาจริงๆ นะ ผมมองว่าถ้าโลกเราไม่มีคำว่าสตรีทเเฟชั่นหรือสตรีทเเวร์เลย โลกเรามันน่า จะล้ำไปมากๆ ยกตัวอย่างเช่น Cyber Punk อะไรประมาณนี้ครับ ด้วยความที่มันมีคำว่าสตรีท เเฟชั่นกับสตรีทเเวร์นี่เเหละ มันเลยทำให้เเฟชั่นกลับมาวน loop เรื่อยๆ ทุกๆ 20 ปี นี่ขนาดปีนี้เป็นปี 2023 เเต่เรายังเห็นคนหันกลับมาเเต่งเเนว old school 1980 หรือ 1990 อยู่เลย อาจจะเรียกว่าเป็น สตรีทเเฟชั่นยุคเก่ากับยุคใหม่
ดังนั้นเเเฟชั่นของเรามันจึง ไม่ได้ไปไกลเเละไม่ได้ไปสุดขนาดนั้นครับ เเต่ในทางกลับกัน ส่วนตัวผมคิดถ้ามันไม่มีพวกคำจำกัดความของสตรีทเเฟชั่นเเละสตรีทเเวร์เลย ทุกวันนี้เเฟชั่นในโลกของเรามันน่าจะล้ำ หรือว่าเว่อร์ไปเลย อาจจะใส่อะไรก็ได้ที่เราชอบโดย ไม่ต้องคิดว่ามันคือสไตล์อะไร มันคงเป็นอะไรที่น่าจะหลุดโลกไปมากๆ ครับ
“ถ้าโลกของเราไม่มีคำว่าสตรีทแฟชั่นเลย เเฟชั่นมันคงหลุดโลกไปมากๆ”
ถ้าพูดไปผมว่าคงมีหลายๆ คนไม่เชื่อ ซึ่งอาชีพนี้ตอนนี้ผมก็ยังอยากเป็นอยู่นะ ผมพูดกับเเฟน รุ่นน้อง หรือคนที่สนิทอยู่บ่อยๆ ว่าผมอยากทำอาชีพ “ตำรวจสืบสวนสอบสวน” บางคนอาจจะว่าผมเพ้อฝัน ดูหนัง ดูการ์ตูนมากไป เเต่คือผมอยากเป็นอาชีพนี้มากๆ ด้วยความที่ ผมเป็นคนที่ช่างสังเกตมากๆ เวลาดูข่าวตามทีวีหรือติดตามคดีที่เกิดขึ้น ผมจะเริ่มคิดเเล้วว่าตำรวจจะเริ่มทำอะไรบ้าง มีขั้นตอนอะไรยังไง หรือเดาได้ว่า
สเต็ปต่อมันจะเป็นยังไง ผมว่าถ้าไม่มีวงการเเฟชั่น ผมก็คงจะทำอาชีพตำรวจสืบสวนสอบสวนเเน่นอน
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมันได้อิทธิพล มาจากหนังที่ได้ดูด้วย เเต่หลักๆ เลยมันมาจากความช่างสังเกตของผมนี่เเหละ เวลาที่ผมดูคดี ใหญ่ๆ ในทีวีตอนที่เขาสัมภาษณ์กัน ผมเริ่มจับไต๋ได้ล่ะว่าคนนี้โกหก สีหน้า ท่าทาง หรือภาษากายมันดูออก เอาจริงๆ เลยนะ ซีเรียสเลย
“ผมอยากทำอาชีพตำรวจสืบสวนสอบสวนครับ”
“เพียงเเค่อยากมีเสื้อเท่ๆ ใส่เหมือนศิลปินที่ชอบจนกลายมาเป็นเเรงบันดาลใจหลัก”
สิ่งที่เป็นเเรงบันดาลใจของผมมันคงเป็นความชอบครับ ผมพูดได้เลยว่าถ้าไม่มีความชอบ ในตอนนั้น ก็คงไม่มีผมในวันนี้ ซึ่งเเรงบันดาลใจหลักๆ มันมาจากเพลงที่ผมชอบฟังตอนเด็กๆ ในตอนนั้นผมชอบฟังพวกวงร็อคต่างประเทศ พอเริ่มฟังเรื่อยๆ ก็เริ่มชอบ เริ่มอยากได้เสื้อวงที่เราชอบ อยากมีเสื้อเหมือนที่ศิลปินเขาใส่กัน เเล้วก็เริ่มสะสมมันมาเรื่อยๆ เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ละกัน
ซึ่งทุกวันนี้พอผมหมดไฟ ผมก็เอาเงินที่หามาได้ไปซื้อตั๋วคอนเสิร์ตวงที่ชอบตอนเด็กๆ เเล้วก็ตามไปฟัง ตามไปดู เพราะตอนเด็กๆ เรายังไม่มีเงินขนาดนั้น ผมบอกเลยว่าพอได้เห็นกับตาตัวเองมันขนลุกมากๆ เติมเต็มความรู้สึกตัวเองสุดๆ
ในส่วนของพวกเเรงผลักดันผมว่ามันคงเป็นตอนเด็กที่บ้านเราก็ไม่ได้มีเเละไม่ได้พร้อมขนาดนั้น ซึ่งตอนนี้ผมพยายามคิดถึงเรื่องของความมั่นคงว่าจะทำยังไงหรือจะดิ้นรนยังไงก็ได้เพื่อให้เรา ไม่กลับไปอยู่จุดนั้น คือมันลำบากถึงขั้นไม่มีเเม้เงินจะกินข้าว ผมคิดเเค่ว่ามันไม่ต้องถึงขั้นรวยล้นฟ้า เเต่ขอมั่นคงเเละไม่กลับไปอยู่จุดนั้นก็พอครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่เติมไฟให้ตัวผมคือการที่ได้ ไปต่าง ประเทศ ได้รู้จักคนใหม่ๆ หรือล่าสุดที่ผมไปเกาหลีมาเพื่อนพาไปรู้จักเจ้าของเเบรนด์นั้นเเบรนด์นี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากก้าวหน้ามากกว่านี้ อยากทำให้ KNOWWHERE โตไปกว่านี้ ไม่อยากให้ เเบรนด์เล็กๆ เติบโตหรือเป็นที่รู้จักเเค่ในไทย ผมอยากดันให้ไปไกลเเบบ Southeast Asia หรือที่ไปได้ไกลกว่านั้น ผมจะพยายามทำมันให้ได้ครับ
“ปีหน้าจะมี Project อะไรใหม่ๆ ให้เราได้ติดตามกันบ้างไหม”
ในส่วนของปีหน้าผมมี Project ใหม่ที่จะคอลเเลปส์ประมาณ 4 ตัว มีเเบรนด์เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลี เเละผมมีจะไปคุยกับอีกเเบรนด์ที่ญี่ปุ่นด้วยคับ เเละก็ยังมีอีกหลาย Project ที่คุยๆ กันอยู่ เเต่ตอนนี้ยังไม่ approve เเล้วก็อันสุดท้ายเป็นเเบรนด์เหล้าเเบรนด์หนึ่งละกันที่คุยๆ กันอยู่ ผมว่าทุกคนคงตกใจกันเเน่ๆ ว่า KNOWWHERE ไปคอลเเลปส์ได้ยังไง ผมก็ยังงงอยู่เลย สุดท้ายก็ขอฝากร้าน KNOWWHERE STUDIO ด้วยนะครับ ตอนนี้มี 2 สาขา มีหน้าร้านที่สะพานควาย เเละที่ Central World เป็น Pop-Up Store ฝากติดตามด้วยนะครับ
“ The Decorum ร้านเสื้อผ้าเเบบมัลติเเบรนด์สำหรับผู้ชายสายคลาสสิก ”
โดยร้าน The Decorum ก่อตั้งขึ้นโดยคุณกาย ศิรพล ฤทธิประศาสน์ และ คุณบอล วรงค์ ภัทรชัยกุล สองพาร์ทเนอร์ผู้ซึ่งหลงใหลในเสื้อผ้าสไตล์ Classic Menswear สำหรับสินค้าของทุกๆ เเบรนด์ในร้านเป็นเเบรนด์ที่ทั้งคู่ได้ลองใช้จริง เเละ The Decorum พร้อมจะส่งต่อสินค้าที่ดีเเละมีคุณภาพสูง รวมถึงประสบการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ Classic Menswear ที่คุณต้องรู้ให้กับเหล่าสุภาพบุรุษสายคลาสสิกทุกท่าน เรียกได้ว่าถ้ามาที่นี่ที่เดียวก็ตอบโจทย์เรื่องสูทเเละเสื้อผ้าสไตล์ Classic Menswear เเบบครบวงจร อย่างเเน่นอน
The Kenford Fine Shoes:
แบรนด์รองเท้าสัญชาติญี่ปุ่น ที่ผลิตในญี่ปุ่น 100% มีดีตรงสวมใส่ง่ายและมีเอกลักษณ์ เป็นของตัวเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่สุดแสนคลาสสิกตามสไตล์ 80s แต่ไม่เหมือนใคร การรักษา มาตรฐานคุณภาพของทุกคู่ และราคาที่สามารถจับต้องได้ จึงทำให้แบรนด์นี้เป็นอีกหนึ่งไอเท็มกันตายของใครหลายๆ คน
Bigassteam:
เป็นเเบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ที่ประเทศเวียดนาม โดยทาง Bigassteam นำเสนอ รองเท้าที่เป็นการคัสตอม โดยเเต่ละคู่จะถูกออกเเบบเเละคัสตอมตามลักษณะเฉพาะตามความ ต้องการของลูกค้า ดังนั้นราคาของเเต่ละคู่จะแตกต่างกันออกไปตามขนาด การออกเเบบ รวมถึงวัสดุที่ใช้
